ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 48 ตอบแทนบุญคุณ
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 48 ตอบแทนบุญคุณ
แปลโดย iPAT
หากหลี่ฉิงซานรู้ว่าหลี่หลงกำลังคิดสิ่งใดอยู่ เขาจะสรรเสริญความเข้าใจของคนผู้นี้อย่างแน่นอน หลี่ฉิงซานเป็นจอมยุทธ์กำลังภายในอยู่แล้ว เว้นเพียงหมัดปีศาจวัวไม่ได้เน้นที่การบ่มเพาะพลังปราณ นอกจากนั้นระยะเวลาการฝึกฝนของเขาก็สั่นเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถปลดปล่อยมันออกมา
หลี่ฉิงซานตั้งสมาธิอยู่กับการฝึกใช้หอก เขาสะบัดข้อมือและวาดภาพราวกับดอกไม้เบ่งบานขึ้นกลางอากาศ มันทั้งงดงาม น่าตื่นตาตื่นใจ และน่าสะพรึงกลัวในเวลาเดียวกัน
หลังจากชั่วครู่หลี่ฉิงซานก็ดึงหอกกลับ สายลมกรรโชกแรงหยุดพัด กล้ามเนื้อของเขาผ่อนคลายลง “เท่านี้น่าจะพอแล้ว”
เขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญการใช้หอก มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะแข่งขันกับผู้เชี่ยวชาญการใช้หอกตัวจริงที่อุทิศเวลาหลายสิบปีหรือทั้งชีวิตเพื่อสิ่งนี้ อย่างไรก็ตามไม่มีปรมาจารย์หอกแม้แต่คนเดียวที่สามารถต่อสู้กับเขาตราบเท่าที่มันเป็นการปะทะกันระหว่างอาวุธ หอกทรราชหนักเจ็ดสิบเอ็ดกิโลกรัม รวมกับความแข็งแกร่งของกระทิงหนึ่งตัว ทุกสิ่งที่ปะทะมันจะกระเด็นออกไปทั้งหมด แม้แต่มือหรือแขนของพวกเขาก็จะได้รับบาดเจ็บจากแรงกระแทก
นี่คือเหตุผลที่เขาเลือกอาวุธหนัก มันจะช่วยให้เขาสามารถจัดการผู้ฝึกยุทธ์ได้มากขึ้นนับสิบเท่าด้วยความแข็งแกร่งของเขา
หลังจากทดลองใช้หอก หลี่ฉิงซานยังไม่พอใจ แม้เคล็ดวิชาหมัดปีศาจวัวจะสามารถป้องกันหมัดของนักสู้ชั้นสองหรือดาบของคนทั่วไป แต่มันอาจไม่สามารถหยุดอาวุธของนักสู้ชั้นสาม
ด้วยความแข็งแกร่งของเขา เขาจะไม่รู้สึกเป็นภาระแม้เขาจะสวมเกราะหนักหลายสิบกิโลกรัมไว้บนร่างกาย ตรงข้าม มันจะช่วยเพิ่มพลังป้องกันให้เขา เมื่อเขาบุกรังโจร เขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัวความได้เปรียบเชิงปริมาณของฝ่ายตรงข้ามอีกต่อไป
พ่อค้ารู้สึกลำบากใจ “นั่นเป็นยุทโธปกรณ์ทางทหาร มันไม่ใช่อุปกรณ์ทั่วไป โดยปกติแล้วท่านไม่สามารถหาซื้อ อาจมีเพียงคลังอาวุธของเมืองเท่านั้นที่มีมัน”
แท้จริงแล้วนั่นไม่ใช่เหตุผลหลัก ลูกค้าส่วนใหญ่ของเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ แล้วมีผู้ฝึกยุทธ์คนใดที่จะเดินเตล็ดเตร่ไปรอบๆพร้อมชุดเกราะเต็มตัว? สำหรับธนู มีผู้ฝึกยุทธ์น้อยมากที่ใช้มัน มิฉะนั้นด้วยธุรกิจที่หวังกำไร มีสิ่งใดที่ร้านขายอาวุธที่มีชื่อเสียงเช่นนี้จะไม่สามารถหามาขายตราบเท่าที่พวกเขาสามารถทำเงิน
หลี่ฉิงซานพยักหน้า “ดังนั้นนั่นก็คือทั้งหมดที่มี”
เจ้าของร้านกล่าว “เดี๋ยว! ข้าขอทราบชื่อคุณชายได้หรือไม่? เหตุใดข้าไม่เคยเห็นท่านมาก่อน?”
“ข้าชื่อหลี่ฉิงซาน นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ามาที่เมืองชิงหยาง แน่นอนว่าเจ้าย่อมไม่เคยเห็นข้ามาก่อน”
“เสือโคร่ง หลี่ฉิงซาน!” เจ้าของร้านตกใจ เขาจะไม่รู้จักคนที่สร้างความโกลาหลครั้งใหญ่เมื่อไม่นานมานี้ได้อย่างไร
หลี่ฉิงซานยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง เขารู้สึกอยากเปลี่ยนฉายานี้จริงๆ เขาไปต่อที่ร้านขายเสื้อผ้าเพื่อซื้อชุดดีๆสักชุด จากนั้นเขาก็ไปจบที่โรงเตี้ยมที่ดีที่สุดในเมือง
หลี่ฉิงซานล้างหน้าและบ้วนปากก่อนจะเปลี่ยนชุดใหม่ เมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้ง หลี่หลงยกย่องเขาทันที “เยี่ยม!”
เขาเปลี่ยนเป็นชุดที่ดูคล้ายมือปราบ มันทำให้เขาดูสง่างามและกล้าหาญ นี่เป็นชุดที่ช่วยเน้นภาพลักษณ์ของเขาอย่างแท้จริง หลังจากผ่านการฝึกฝนและสังหารผู้คนมานับไม่ถ้วน กลิ่นอายของเขากลายเป็นแหลมคมเหมือนดาบ
ใบหน้าของเขาอาจไม่หล่อเหลามากนักแต่มันเหมือนถูกแกะสลักจากหินอ่อน ภาพลักษณ์นี้ทำให้เขาดูไม่เข้ากับฉายาเสือโคร่งอีกต่อไป
เป็นเพียงเวลานี้ที่เจ้าหน้าที่สองคนของทางการเดินเข้ามาทักทายหลี่ฉิงซานอย่างเร่งรีบ พวกเขากล่าวโดยไร้ร่องรอยของความเย่อหยิ่งที่พวกเขามักแสดงต่อหน้าคนทั่วไป “ไม่ทราบว่าคุณชายคือวีรบุรุษหลี่ใช่หรือไม่? ท่านเจ้าเมืองให้เรามาเชิญคุณชายไปเยี่ยมที่จวนของท่าน รถม้าถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว”
หลี่ฉิงซานรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่รู้ว่าเหตุใดเจ้าเมืองจึงเรียกตัวเขา บางทีอาจเป็นเพราะเจ้าเมืองต้องการขอบคุณที่เขาช่วยฆ่ากลุ่มโจร อย่างไรก็ตามเขาไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ ตั้งแต่เจ้าเมืองเป็นเจ้าเมือง เขาก็มีหน้าที่จัดการโจรและนำความสงบสุขมาสู่ประชาชน หากหลี่ฉิงซานได้รับการสนับสนุนจากเจ้าเมือง เขาจะรู้สึกมั่นใจมากขึ้น
เขาฝากหอกทรราชไว้กับหลี่หลง หลังจากชั่วครู่หลี่ฉิงซานก็ไปถึงจวนเจ้าเมืองง ชายอ้วนออกมาต้อนรับเขาด้วยตนเอง เขาจับมือหลี่ฉิงซานอย่างเป็นมิตรขณะตรวจสอบอีกฝ่าย
หลี่ฉิงซานดึงมือกลับอย่างไม่มีความสุขมากนัก “ท่านเรียกข้ามาพบด้วยเหตุใด?”
“ผู้มีพระคุณตัวน้อยของข้า เจ้าลืมข้าแล้วงั้นหรือ? บนภูเขาวันนั้น! เสือ!”
หลี่ฉิงซานจำได้ในที่สุด “โอ้ นั่นคือท่าน!”
“ข้า เย่ต้าฉวน ข้าตามหาเจ้ามานานมากแล้ว เชิญเข้ามาก่อน” เย่ต้าฉวนนำหลี่ฉิงซานไปที่ห้องโถงรับรองด้านใน เมื่อถึงจุดนี้การแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนเป็นกังวล “เหตุใดเจ้ายังเดินเล่นอยู่ในเมือง? เหตุใดไม่รีบหนีไป?”
หลี่ฉิงซานถาม “เหตุใดข้าต้องหนี?”
ที่ปรึกษาเจ้าเมืองกล่าว “เจ้าไม่รู้ว่าสิ่งใดดีที่สุดสำหรับเจ้าจริงๆงั้นหรือ? คนของป้อมวายุทมิฬกำลังตามหาเจ้าไปทั่วทุกหนทุกแห่ง แต่ไม่เพียงเจ้าจะไม่ซ่อนตัว เจ้ายังปรากฏตัวอย่างเปิดเผยในเมืองชิงหยาง พรุ่งนี้บางคนจะมาเอาชีวิตเจ้าอย่างแน่นอน”
ขณะที่เขากล่าวถ้อยคำเหล่านี้ เขาก็ยัดถุงเงินใส่ในมือของหลี่ฉิงซาน “เราเตรียมม้าไว้ข้างนอกแล้ว เจ้าควรรีบไปที่ชิงเหอ อย่าหยุดระหว่างทาง นี่คือจดหมายแนะนำ นำมันไปพบท่านผู้ว่ามณฑล...อา...”
เย่ต้าฉวนเหยียบเท้าที่ปรึกษา “นั่นคือสิ่งที่ข้าจะพูด ข้าให้น้องสาวของข้าพูดคุยกับสามีของนางที่เป็นผู้ว่ามณฑลให้เจ้าแล้ว รับรองได้ว่าเจ้าจะมีอนาคตที่สดใสที่นั่น ไม่ว่าคนของป้อมวายุทมิฬจะแข็งแกร่งเพียงใด พวกเขาก็ไม่สามารถไล่ล่าเจ้าไปถึงที่นั่น” ชายอ้วนถอนหายใจก่อนกล่าวต่อ “เดิมทีข้าต้องการให้เจ้าอยู่ที่นี่เพื่อที่เจ้าจะได้ช่วยข้ากำจัดโจรชั่วออกไป กำลังเสริมที่ข้าขอไปยังมาไม่ถึง พวกเขาน่าจะยังอยู่ระหว่างทาง ท้ายที่สุดที่นี่ก็ไกลเกินไป”
ที่ปรึกษาคิด ‘ท่านผู้ว่าอยากให้ท่านตายมากว่า เหตุใดเขาต้องส่งคนมาช่วยท่าน?’
แรกเริ่มหลี่ฉิงซานรู้สึกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างตลก เย่ต้าฉวนทั้งอ้วนและเตี้ยแต่เขาสวมชุดขุนนางเต็มยศ เขาดูเหมือนเจ้าหน้าที่ที่น่าสงสารในนิยายหรือละคร ตัวละครเช่นนี้มักเป็นตัวละครประกอบที่สร้างสีสัน ขณะที่ตัวละครที่ดูแย่มักเป็นคนดี อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นความกระตือรือร้นที่จะช่วยเหลือเขาของชายอ้วน เขารู้สึกประทับใจมาก ไม่ว่าจะมีโจรชั่วอยู่บนโลกใบนี้มากมายเพียงใด แต่มันก็ยังมีคนดีที่รู้จักการตอบแทนบุญคุณอยู่เช่นกัน
เมื่อหลี่ฉิงซานลงจากภูเขา สิ่งที่เขาคิดมีเพียงการถอนรากถอนโคนป้อมวายุทมิฬและชำระหนี้การดูหมิ่นของนายน้อยจากนิกายถ้ำมังกร ดังนั้นกลิ่นอายที่เขาปลดปล่อยออกมาจึงมีเพียงรังสีสังหาร หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป จิตมารอาจกลืนกินเขาเข้าไปอย่างสมบูรณ์
อย่างไรก็ตามหลี่หลงช่วยเหลือเขาอย่างเต็มที่เนื่องจากทั้งสองมาจากหมู่บ้านเดียวกัน นอกจากนั้นเย่ต้าฉวนยังพยายามทำทุกสิ่งเพื่อให้เขารอดชีวิต แม้คนทั้งสองจะไม่ใช่คนดีเป็นพิเศษ แต่นั่นก็ทำให้หลี่ฉิงซานเห็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ไม่ได้ชั่วร้ายไปเสียทั้งหมด
หลี่ฉิงซานจับมือเย่ต้าฉวน “ขอบคุณสำหรับความกรุณาของท่าน ท่านไม่จำเป็นต้องเรียกข้าว่าผู้กอบกู้หรือวีรบุรุษใดๆ โปรดเรียกข้าว่าฉิงซาน อย่างไรก็ตามครั้งนี้ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อวิ่งหนี!”
“ไม่หนีงั้นหรือ?” เย่ต้าฉวนไม่พอใจ “เจ้าหนู เจ้าช่างไร้เดียงสานัก มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ข้าจะขอตำแหน่งขุนนางให้เจ้า”
ที่ปรึกษาพยายามเกลี้ยกล่อมเช่นกัน “ถูกต้อง รีบหนีเถอะ!”
หลี่ฉิงซานหัวเราะ “ข้าสามารถวิ่งหนี แต่หมู่บ้านกระทิงหมอบไม่สามารถทำได้ ท่านเย่ ท่านก็วิ่งไม่ได้เช่นกันถูกต้องหรือไม่? ตั้งแต่ข้ากล้ามาที่นี่ ข้าก็มีความมั่นใจในตัวเองอยู่บ้าง” เขานำเศษเงินออกมาและบดขยี้พวกมันอย่างง่ายดาย
ดวงตาของเย่ต้าฉวนและที่ปรึกษาเบิกกว้างขณะที่พวกเขามองเศษเงินไหลออกจากฝ่ามือของหลี่ฉิงซานราวกับดินโคลน นี่ทำให้พวกเขาต้องประเมินหลี่ฉิงซานใหม่อีกครั้ง เย่ต้าฉวนลังเล “ด้วยทักษะของเจ้า บางทีเจ้าอาจปลอดภัยตราบเท่าที่เจ้ายังอยู่ในเมือง ข้าจะไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นๆอีกสองสามคน หวังว่าโจรป้อมวายุทมิฬจะไม่โจมตีเมืองชิงหยาง”
ในความเป็นจริงเขาต้องการให้หลี่ฉิงซานอยู่ที่เมืองชิงหยาง หากเขามีหลี่ฉิงซานอยู่ข้างกาย ขุนนางคนใดจะกล้าดูถูกหรือรังแกเขา เมื่อเวลานั้นมาถึง เขาจะสามารถขอเงินเท่าใดก็ได้จากคนเหล่านั้น
หลี่ฉิงซานถาม “ท่านต้องการให้ข้าเป็นมือปราบงั้นหรือ?”
“ถูกต้อง ถูกต้อง!” เย่ต้าฉวนยิ้มกว้างจนเกือบถึงใบหู เราเริ่มจินตนาการถึงอำนาจและศักดิ์ศรีของเขาเมื่อมีหลี่ฉิงซานอยู่ข้างกาย
หลี่ฉิงซานกล่าว “เช่นนั้นข้าต้องขอให้ท่านรวบรวมคน ม้า และเปิดคลังอาวุธ ข้ายินดีที่จะปราบป้อมวายุทมิฬและกำจัดภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองชิงหยางให้ท่าน!”