ตอนที่ 185 บริษัทเทคโนโลยีขนาดเล็ก
ในคืนนั้นจางหม่านได้พาหลู่เฉียนซานไปที่โรงแรมเพนนินซูล่า
"ก๊อกๆๆ"
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ซูข่านที่กำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นก็ได้ลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ประตู ตอนนี้ซงหมิงเจียงและคนอื่นๆได้ออกไปจับตาดูฮงจินหมิงอยู่
ซูข่านมองผ่านตาแมวไปก็เห็นจางหม่านยืนอยู่อีกฝั่งของประตู
"แกร๊ก"
ซูข่านเปิดประตูออกไป
"สวัสดีค่ะเจ้านาย"
จางหม่านและหลู่เฉียนซานกล่าวทักทายหลังจากที่ซูข่านเปิดประตู
"เข้ามาสิ"
ซูข่านพูดจบก็เดินเข้าไปในห้องของเขา
"ปัง"
จางหม่านปิดประตูพร้อมเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับหลู่เฉียนซาน ทั้งสองเห็นว่าซูข่านได้นั่งรออยู่ที่โซฟา
"นั่งลง"
ซูข่านชี้ไปที่โซฟาข้างๆเขา
"ขอบคุณค่ะเจ้านาย"
จางหม่ายพูดด้วยรอยยิ้ม
"ขอบคุณ"
หลู่เฉียนซานยิ้มเล็กน้อย เธอพูดเสียงเบามาก ใบหน้าของเธอดูไม่สั่นไหวต่ออะไร กลับมาเป็นเจ้าหญิงหิมะที่หน้าตาเย็นชาเหมือนเดิม
ทั้งสองคนได้นั่งและมองไปที่ซูข่าน
"เจ้านายคะ"
จางหม่านเป็นคนเริ่มพูดก่อน เธอพูดอย่างช้าๆ
"ฟิวเจอร์น้ำมันของวันนี้ได้ขายเสร็จตามเป้าแล้ว ตอนนี้บริษัทว่านเซี่ยงมีเงินอยู่ประมาณ 10,000 ล้าน แต่ยังเหลือฟิวเจอร์น้ำมันที่ยังไม่ขานอีก 3,000 ล้าน น่าจะใช้เวลา 3 วันถึงจะขายหมดค่ะ"
ซูข่านได้ยินเขาก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่าเวลาเพียง 6 เดือนจะสามารถทำเงินได้ถึง 10,000 ล้าน
จางหม่านพูดต่อ น้ำเสียงของเธอดูตื่นเต้นขึ้นเล็กน้อย
"นอกจากนี้ สัญญากับทาง HSBC ที่พวกเขาเพิ่งขายฟิวเจอร์น้ำมันไป 3,000 ล้าน โดยทางบริษัทว่านเซี่ยงจะได้ส่วนแบ่งจากส่วนนี้ด้วยค่ะ"
ตามสัญญาที่ซูข่านได้เซ็นไว้กับหวางหมันหยู หากว่าทาง HSBC มีรายได้เกินกว่า 60% เขาจะได้ส่วนแบ่งจากกำไรของทาง HSBC ด้วย ซึ่งในสัญญาซูข่านได้ระบุไว้เป็น % จำนวนมาก
ซูข่านได้มองไปที่จางหม่านและพูดว่า
"เรายังไม่ต้องสนใจจาก HSBC ก่อน รอจนกว่าพวกเขาจะขายฟิวเจอร์น้ำมันทั้งหมด ถึงตอนนั้นพวกเขาจะแบ่งสัดส่วนกำไรมาให้กับเราเอง"
ซูข่านประมาณกำไรที่ทาง HSBC จะได้จากฟิวเจอร์น้ำมันครั้งนี้อยู่ที่ 4,000 ล้าน
เขาจะได้ส่วนแบ่งประมาณ 2,400 ล้าน และทางบริษัทว่านเซี่ยงจะต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยที่กู้ยืมไปสำหรับเลเวอเรจอีก โดยซูข่านวางแผนว่าจะให้ทาง HSBC หักจากตรงนี้ไปเลย
"ค่ะเจ้านาย"
จางหม่านตอบด้วยน้ำเสียงที่เชื่อฟัง
"ตอนนี้แบ่งงานไปให้ทางเฉียนซานในการดำเนินเรื่องของอสังหาในเซียงเจียงด้วยนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อยชอร์ตอสังหาจงเฮง"
ซูข่านพูดอย่างเคร่งครึม
หลู่เฉียนซานได้ยินซูข่านเธอก็ได้พูดขึ้นมา
"ตามคำแนะนำของเจ้านายฉันได้ดำเนินการเบื้องต้นไปแล้ว เมื่อวันก่อนฉันไปเจอกับรุ่นพี่ 2-3 คน พวกเขาจบมาจากมหาวิทยาลัยอิมพีเรียลที่เดียวกับฉัน พวกเขามีประสบการณ์ทำงานเกี่ยวกับการเงินไม่น้อย ทักษะพวกเขาก็ดีเยี่ยม"
"ฉันกับพวกเขาก็คล้ายๆกัน หลังจากฉันได้ดำเนินการเกี่ยวการชอร์ตไป พวกเขาดูสนใจและอยากเข้าร่วมกับเรามาก"
หลู่เฉียนซานอธิบาย
"ไม่มีปัญหา"
ซูข่านพยักหน้าและพูดต่อ
"ฉันให้เธอไปจัดการแล้ว เธอจะเปิดรับสมัครคนมาเพิ่มก็ได้ฉันไม่ว่า"
"เจ้านาย คุณช่างใจบุญเหลือเกิน"
หลู่เฉียนซานรู้สึกซาบซึ้งในตัวซูข่านอย่างมาก เธอยิ้มด้วยความดีใจ
"ไม่ต้องมาปากหวานเลย"
ซูข่านพูดด้วยรอยยิ้ม
"ถ้าเธอทำไม่ดี รู้ใช่ไหมว่าต้องโดนอะไร?"
รอยยิ้มของหลู่เฉียนซานเล็กลง กลายเป็นยิ้มเจื่อนๆ
จางหม่านรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอไม่เคยเห็นซูข่านทำแบบนี้กับเธอมาก่อน และก็ไม่เคยเห็นหลู่เฉียนซานเป็นแบบนี้ด้วย
เขาทำตัวได้สมกับเป็นเจ้านายขึ้นมาหน่อย ทักษะการจัดการผู้คนแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชายทุกคนจะมีกัน มันทั้งมีเสนห์ และดุดัน
แม้ว่าเจ้าหญิงหิมะหรือภูเขาน้ำแข็งอย่างหลู่เฉียนซาน เจอแบบนี้ไปก็ต้องมีหวั่นไหวกันบ้าง
ซูข่านพูดจบก็ได้หันไปพูดกับจางหม่าน
"จางหม่านฉันต้องการให้เธอไปอเมริกากับฉัน ฉันอยากให้เธอช่วยฉันทำอะไรบางอย่าง"
"เอ๊ะ ไปอเมริกา?"
จางหม่านรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ทำไมจู่ๆเจ้านายถึงจะให้เธอไปอเมริกา? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
ฟิวเจอร์น้ำมันก็ยังขายไม่หมด เจ้านายมีความลับอะไรใหม่ๆอีกรึไงที่นั่น?
แล้วทำไมเธอจะต้องตามเจ้านายไปอเมริกาด้วย?
ดวงตาโตๆของจางหม่านได้มองไปที่ซูข่านด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ซูข่านเห็นแบบนั้นแล้วเขาก็ยิ้มเล็กน้อย เขาต้องการจะบินไปที่อเมริกาเพื่อหาสุภาพบุรษสองคน
สองคนที่ซูข่านพูดถึงนี้จะเรียกว่าช่างเทคนิคก็ไม่น่าใช่ เป็นคนที่บ้าการทำงาน…ก็ไม่น่าใช่
ทั้งสองคนนี้ได้ขึ้นอยู่จุดสูงสุดในวันที่ตระกูลซูของเขาล้มละลาย ตอนนั้นซูข่านได้กลายเป็นคนธรรมดาเท่านั้น แต่ด้วยผลงานของเขาทั้งสองน้อยคนที่โลกที่จะไม่รู้จักพวกเขา
คนหนึ่งได้ชื่อติดอันดับบุคคลที่รวยที่สุดในโลกมาหลายยุคหลายสมัย ส่วนอีกคนหนึ่งก็ได้ทำให้บริษัทของเขามีมูลค่าของบริษัทติดอันดับโลก เป็นบริษัทเทคโนโยลีผู้พลิกโฉมวงการทั่วทั้งโลก
ทั้งสองคนนี้ได้กลายเป็นตำนาน
ซูข่านอยากรู้จักกับพวกเขาทั้งคู่มาเป็นเวลานานแล้ว
ตอนนี้น่าจะถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม ตัวตนของซูข่านนั้นยิ่งใหญ่และพิเศษจนใกล้เคียงกับเขาทั้งคู่แล้ว
ซูข่านภูมิใจที่ตัวเองได้เริ่มต้นมาเพียงไม่กี่เดือนก็มาถึงจุดนี้ได้ คนเก่งมักจะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ แล้วช่วงเวลานี้แหละที่เหมาะสมที่สุดในการไปอเมริกา
ในบรรดาคนรู้จักของเขา มีจางหม่านนี่แหละที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว
ส่วนคนอื่นๆ พวกเขามีงานที่ต้องการในเซียงเจียงอีก จางหม่านไม่มีอะไรเหลือให้ทำแล้วนอกจากจัดการกับเรื่องภายในบริษัท
"ใช่ ไปอเมริกา"
ซูข่านพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งครึม
"ฉันได้ยินมาว่า มีบริษัทเล็กๆสองแห่งได้เติบโตอย่างรวดเร็ว ฉันคิดว่าผลิตภัณฑ์ของพวกเขาน่าสนใจมาก"
"เจ้านาย เป็นบริษัทขนาดเล็กเหรอ?"
จางหม่านถามด้วยความประหลาดใจ เธอคิดว่าบริษัทขนาดเล็กอาจจะไม่เหมาะสมกับบริษัทของว่านเซี่ยงตอนนี้
หลังจากมีทรัพย์สินเกินกว่า 10,000 ล้าน บริษัทว่านเซี่ยงก็ได้กลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งเซียงเจียง
แล้วทำไมเจ้านายถึงได้ไปสนใจบริษัทเล็กๆสองแห่งในอเมริกา
"ใช่ บริษัทขนาดเล็ก ชื่อของทั้งสองคือ ไมโครซอฟต์ และ แอปเปิ้ล"
ซูข่านยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมา