Ep.324 - ขุนนางเผ่ามนุษย์คนแรกแห่งโลกวิญญาณ
3/3
Ep.324 - ขุนนางเผ่ามนุษย์คนแรกแห่งโลกวิญญาณ
ขุนนางแห่งเมืองหุบเขาเดียวดายถูกสังหาร
บอลแสงนับสิบหรืออาจเกินยี่สิบลูกดรอปในคราเดียว
วินาทีแรกที่เห็น พวกมันราวกับพลุไฟระเบิด
มีเพียงประโยคเดียวที่ผุดขึ้นในใจฮังอวี่ ‘ไอ้หมอนี่จะฮุบของไว้ใช้คนเดียวมากไปแล้ว!’
นอกจากนี้ ท่ามกลางไอเท็มมากมายที่ดรอปบนพื้น มีบอลแสงสีฟ้าอยู่ถึงสองลูก
ฮังอวี่ไม่ปล่อยพวกมันทิ้งไว้ อันดับแรกเขาพุ่งไปเก็บไอเท็มสีฟ้า ชิ้นแรกดูเหมือนจะเป็นกระบี่ที่เคยถูกใช้เป็นอาวุธของลูกัน และอีกชิ้นน่าจะเป็นหินสกิลสีฟ้า แต่เขาไม่มีเวลาตรวจดูข้อมูล ยัดพวกมันลงในมิติเก็บของ แล้วไล่เก็บไอเท็มสีเขียวอีกหลายรายการ
นี่คือของที่ดรอปจากมอนสเตอร์ขุนนาง
มูลค่าของพวกมันไม่ควรต่ำต้อย!
สงครามครั้งนี้คือการรวมตัวกันจากคนหลายกลุ่ม ฮังอวี่ไม่สามารถไว้วางใจสมาชิกทุกคนได้ สำหรับของที่มีค่า จะเป็นการดีกว่าหากเก็บมันไว้ในกระเป๋าเขา
แน่นอน
การต่อสู้ยังไม่จบลง!
คนอื่นๆยังคงดิ้นรนต่อสู้อย่างขมขื่น
หากฮังอวี่ไม่เข้าไปแทรกแซง คงยากที่จะตัดสินว่าใครจะเป็นผู้แพ้หรือชนะ
ตอนนี้โล่พลังงานจากพรแห่งรุ่งอรุณได้หายไปแล้ว
พลังรบของลูกันเหนือกว่าฮังอวี่มากจริงๆ
มันสามารถทำดาเมจใส่ฮังอวี่ได้นับ 1000 หน่วย!
อย่างไรก็ตาม หลังจากขุนนางแห่งเมืองหุบเขาเดียวดายถูกสังหาร มนุษย์จิ้งจอกที่เหลือก็ไม่มีตัวใดสามารถต่อกรกับฮังอวี่ได้อีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการต่อสู้แบบกลุ่ม มันเหมือนกับปล่อยปลาที่ชื่อฮังอวี่ลงสู่น้ำ!
สกิลประจัญบานพุ่งเข้าชาร์จท่ามกลางสมรภูมิ
หอกมังกรปฐพีสำแดงอำนาจอย่างเต็มที่
ทุกการโจมตีล้วนก่อคลื่นสั่นสะเทือนกระจายไปรอบข้าง
ฮังอวี่ที่เดิมเสียพลังชีวิตไปมาก สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว เขากวาดล้างสมุน มนุษย์จิ้งจอกไปหลายสิบตน ไม่มีตัวไหนรับมือกับเขาได้
หลังจากรอจนสกิลเสริมจากอาวุธคูลดาวน์เสร็จและพลังจิตฟื้นฟูกลับมา
คลื่นมังกรปฐพีอีกระลอกก็ถูกเปิดใช้งานอีกครั้ง
ด้วยพลังรบของเขา มันช่วยบรรเทาแรงกดดันของสมาชิกคนอื่นๆได้มาก ทำให้มนุษย์ที่เดิมต้องดิ้นรนอย่างหนักหนาสาหัส ค่อยๆฟื้นกลับมาเป็นได้เปรียบ ตาชั่งแห่งชัยชนะเริ่มเอนเอียง
ในโลกจริง
ทุกเมืองทั่วโลก
เวลานี้เต็มไปด้วยเสียงเชียร์ดังกระหึ่ม
ผู้คนหลายสิบล้าที่รับชมการถ่ายทอดสดต่างตกตะลึง
พวกเขาไม่ได้เห็นรายละเอียดการต่อสู้ระหว่างฮังอวี่กับลูกัน เพราะในตอนที่ฮังอวี่กับลูกันแลกหมัดกันได้ไม่นาน นักข่าวเฉพาะกิจหลี่ยี่ที่รับผิดชอบในการถ่ายทอดสดก็ถูกลูกไฟคลอกตาย
สัญญาณขาดหายไปเป็นเวลานาน
เมื่อนักข่าวสำรองเข้าสู่สนามรบ และเริ่มออกอากาศอีกครั้ง
ขุนนางมนุษย์จิ้งจอกก็ถูกฆ่าตายพอดี และเป็นฉากที่ฮังอวี่พุ่งเข้าใส่ฝูงมนุษย์จิ้งจอก ไล่ทุบตีพวกมันราวกับเทพสงครามจากสรวงสวรรค์
ข้อความที่ไหลบนหน้าจอเต็มไปด้วยคำอุทาน
“สมกับเป็นบอสฮังที่พวกเราคาดหวัง!”
“สมแล้วที่เป็นมหาเทพของจีน!”
“มนุษย์จิ้งจอกพวกนี้ ทุกตัวอยู่ในเลเวล 10 ทั้งนั้น!”
“แต่เขาสามารถบดขยี้พวกมันได้ทีเดียวเป็นสิบๆตัว นี่จะร้ายกาจเกินไปแล้ว!”
ฉูเทียนหัวนับเป็นยอดฝีมือระดับสูงคนหนึ่งในหมู่มนุษย์เช่นกัน พลังรบของเขาใกล้เคียงกับระดับเจ้าถิ่น แต่ก็ยังไม่สามารถสังหารมอนสเตอร์ชั้นยอดนับหลายสิบตัวได้ในคราเดียว มากสุดรับมือได้แค่ 2 3 ตัวเท่านั้น
ยอดฝีมือชั้นนำคนอื่นๆก็ไม่ต่างกัน
ส่วนคนธรรมดาคงไม่ต้องพูดถึง!
ทุกวันนี้ยังมีคนอีกมากที่ยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ชั้นยอดขั้นบรอนซ์!
การเผชิญหน้ากับพวกมัน มีแต่ต้องรวมทีมกันเท่านั้น
ทว่าฉากตรงหน้าที่พวกเขาเห็น
ที่ฮังอวี่ทำไม่เหมือนกับว่ากำลังสู้กับชนชั้นยอดอยู่เลย!
พวกเขาไม่เคยพบเห็นใครที่กล้าบ้าบิ่นถึงขนาดนี้มาก่อน ต่อให้สู้กับมอนสเตอร์ธรรมดาก็ยังไม่เคยเห็น!
“ตอนนี้พวกเราจะเห็นว่าภายใต้การนำของบอสฮัง สถานการณ์กำลังพลิกกลับ การต่อสู้ครั้งนี้บางทีพวกเราอาจชนะ ...” พิธีกรสาวตื่นเต้นมาก “ไม่สิ! พวกเราต้องชนะอย่างแน่นอน! ลุยมันเลยบอสฮัง!”
เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับเชิญมาก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน
ผู้เชี่ยวชาญหัวล้านกล่าวว่า “ขุนนางมนุษย์จิ้งจอกที่แข็งแกร่งที่สุดถูกกำจัดแล้ว ในสนามรบเมื่อเพิ่มบอสฮังเข้าไป สถานการณ์ที่น่าวิตกกังวลก็ได้รับการแก้ไข สไตล์การต่อสู้ของเขาเป็นแบบโจมตีหมู่ ... ผลลัพธ์ของสงครามครั้งนี้แทบจะยืนยันได้แล้ว!”
“ใช่!”
“สงครามครั้งนี้น่าทึ่งมาก!”
“ในศึกนี้ ผลงานเกินกว่าครึ่งเป็นฝีมือของพวกเราชาวจีนอย่างไม่ต้องสงสัย!”
ณ ตอนนี้
ภายในทำเนียบขาว ณ กรุงวอชิงตัน
ท่านประธานาธิบดีก็กำลังดูการถ่ายทอดสดเช่นกัน
แน่นอน มันเป็นเรื่องดีที่เผ่ามนุษย์สามารถคว้าชัยชนะสงครามครั้งนี้
แต่ท่านประธานาธิบดีกลับดูไม่มีความสุขนัก แม้ชาวอเมริกาจะมีผลงานในศึกนี้ไม่น้อย แต่สำนักกระบี่วิญญาณทุ่มทรัพยากรและคัมภีร์ไปเป็นเยอะมาก
และค่าใช้จ่ายในครั้งนี้เป็นจำนวนไม่น้อย
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังช่วงชิงความโดดเด่นที่สุดมาไม่ได้!
ที่ปรึกษาประธานาธิบดีปาดเหงื่อและกล่าวว่า “ท่านประธานาธิบดี ผมคิดว่าคนของสำนักกระบี่วิญญาณทำดีที่สุดแล้ว ไม่ใช่ว่าผลงานของเราไม่ดี แต่ชาวจีนทีมนี้แข็งแกร่งเกินไป!”
ชายชราที่มียศนายพลและยืนถัดจากประธานาธิบดีกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ถึงแม้ชาวจีนเหล่านี้จะมียอดฝีมือหลายคน แต่ในความคิดของผม มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่คู่ควรให้พวกเราหวาดกลัว”
สีหน้าของประธานาธิบดีขุ่นมัวเล็กน้อย
เขาปิดการถ่ายทอดสด
เพราะไม่ต้องดูอีกต่อไปแล้ว
หลังจากปรับอารมณ์อยู่นาน เขาก็เอ่ยขึ้นว่า “นั่นสินะ สำนักกระบี่วิญญาณจากนิวยอร์กทุกคนทำผลงานได้ดีแล้ว หากปราศจากพวกเขา มนุษยชาติคงไม่สามารถบรรลุชัยชนะอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้ ... พวกเราจะจัดงานแถลงข่าวและแจ้งทางนิวยอร์กให้เตรียมพร้อมสำหรับการเฉลิมฉลอง แนวหน้าทุกคนสมควรได้รับรางวัลและการยกย่อง!”
“ครับท่านประธานาธิบดี!”
...
ในเมืองหุบเขาเดียวดาย
สงครามได้สิ้นสุดลงแล้ว
นับแต่วินาทีที่ฮังอวี่ล้มขุนนางแห่งเมืองหุบเขาเดียวดาย เขาก็ตรงเข้าสังหารกองทัพมนุษย์จิ้งจอก
และการต่อสู้หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรให้ลุ้นอีก
ผลัพธ์ตรงตามที่ทุกคนคาดไว้!
ยกเว้นเย่กู่ เย่โน่ที่ถูกจับเป็น มนุษย์จิ้งจอกระดับสูงที่เหลือทั้งหมดในถูกฆ่าตาย
สมุนมนุษย์จิ้งจอกมากกว่า 600 นาย
ในเวลานี้ถูกกวาดล้างจนเกลี้ยง
กองทัพมนุษย์สูญเสียกำลังพลไปครึ่งหนึ่ง โพชั่นมนตราถูกใช้ไปมากกว่าร้อยขวด และคัมภีร์สกิลอีกนับร้อย แต่ตราบใดที่ชนะการต่อสู้ การเสียสละทั้งหมดล้วนคุ้มค่า!
การต่อสู้ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์สามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงในโลกวิญญาณ
และนั่นหมายความว่าเผ่ามนุษย์สามารถครอบครองอาณาเขตหรือดินแดนในโลกวิญญาณได้เช่นกัน!
ฮังอวี่นำคนที่เหลืออีกสองสามร้อยคนไปรวมตัวกันที่จัตุรัสใจกลางเมืองหุบเขาเดียวดาย
แผ่นศิลาโลกวิญญาณที่มีความสูงแตกต่างกันตั้งกระจัดกระจายอยู่ท่ามกลางจัตุรัสขนาดใหญ่
หนึ่งในนั้น แผ่นศิลาฟื้นคืนชีพที่เหมือนคริสตัลสีดำเด่นสะดุดตามาก
ฮังอวี่ออกคำสั่ง “ทุกคนโจมตีแผ่นศิลาฟื้นคืนชีพ!”
คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาต้องทำเช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม ด้วยศักดิ์ศรีของฮังอวี่ที่ได้ไปอยู่ในจุดสูงสุดแล้ว จึงไม่ใครตั้งคำถามในคำสั่งของเขา นักเวทย์หลายสิบคนร่ายคาถาพร้อมกัน ยิงถล่มแผ่นศิลาฟื้นคืนชีพ
แคร่ก แคร่ก แคร่ก!
ภายใต้การบดขยี้ด้วยคาถาหลายระลอก
รอยร้าวเริ่มปรากฏให้เห็นบนแผ่นศิลาฟื้นคืนชีพ
ฉูเทียนหัว จ้าวหมิง เจียงหนานและคนอื่นๆร่วมลงมือเช่นกัน
อาวุธนับหลายสิบโจมตีอย่างดุเดือด ทั้งดาบและขวานระดมฟัน มีการโจมตีหลายร้อยครั้งติดต่อกัน รอยร้าวก็เริ่มแผ่ขยายอย่างรวดเร็ว และในที่สุดแผ่นศิลาก็พังทลาย!
ทุกคนสามารถเห็นได้
ว่ากลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาจากแผ่นศิลาเป็นสีฟ้า
พวกมันราวกับดอกไม้ไฟที่ยิงขึ้นฟ้าแล้วปะทุอย่างเงียบงัน กระจัดกระจายออกไปทุกหนแห่ง กลายเป็นแสงหายไปในความว่างเปล่า
ลูกัน โอนุ มนุษย์จิ้งจอกทั้งสิบหกตัว จิตวิญญาณของพวกมันแตกสลาย และไม่อาจเป็นภัยคุกคามแก่มนุษย์อีกต่อไป
สำหรับแผ่นศิลาฟื้นคืนชีพ?
ไม่ต้องกังวล
เจ้าสิ่งนี้ไม่ได้หายไป
แต่มันจะได้รับการซ่อมแซมโดยอัตโนมัติ และปรากฏขึ้นอีกครั้งในเวลาประมาณ 3 - 5 วัน
ฮังอวี่เดินไปยังสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ตรงกลาง ซึ่งนี่แตกต่างจากแผ่นศิลาอื่นๆมาก มันดูเหมือนเป็นแท่นบูชาขนาดใหญ่ซึ่งมีรูปปั้นมนุษย์จิ้งจอกสูงกว่าสิบเมตรตั้งตระหง่าน
อย่างไรก็ตาม
ณ ตอนนี้
รูปปั้นมนุษย์จิ้งจอกกำลังผุกร่อนโดยไม่มีใครทำอะไรมันเลย
และไม่นานก็สลายเป็นทราย ถูกสายลมพัดหายไป
ฮังอวี่วางมือลงบนแผ่นศิลาหน้าแท่นบูชา
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องถูกส่งเข้ามาในจิตสำนึกของเขาทันที : นี่คืออนุสาวรีย์ขุนนางแห่งเมืองหุบเขาเดียวดาย!
เสียงหนึ่งดังขึ้นในใจเขา แผ่นศิลาขุนนางยังไม่ถูกเปิดใช้งาน ต้องการเปิดใช้งานมันหรือไม่?‘
“เปิดใช้งาน!”
‘กำลังดำเนินการ’
แผ่นศิลาขุนนางสาดแสงเจิดจ้า
เม็ดทรายที่กระจัดกระจายค่อยๆกลับมารวมตัวกัน และปรับเปลี่ยนรูปร่างอย่างช้าๆ
กระบวนการนี้เชื่องช้ามาก มันใช้เวลาประมาณ 20 30 นาที และในที่สุดรูปปั้นมนุษย์ที่สูงกว่าสิบเมตรก็ปรากฏขึ้นบนแท่นบูชาขุนนาง
ถ้าสังเกตดีๆจะพบว่า
รูปปั้นหินบนแท่นบูชาขุนนางนี้มีมากกว่าเจ็ดส่วนที่คล้ายคลึงกับฮังอวี่
เมื่อรูปปั้นหินมนุษย์ปราฏขึ้นบนแท่นบูชาขุนนาง นั่นหมายความว่าอาณาเขตหรือดินแดนแห่งนี้ตกอยู่ในความครอบครองของมนุษย์เรียบร้อยแล้ว ... ฮังอวี่สามารถขึ้นเป็นขุนนางมนุษย์คนแรกแห่งโลกวิญญาณได้สำเร็จ!