831 - ซากศพที่นอนตะแคง
831 - ซากศพที่นอนตะแคง
เจวี่ยโหย่วฉิงในที่สุดก็มองไปที่แผ่นทองเหลืองและกล่าวว่า
“สิ่งต่างๆตั้งแต่สมัยโบราณซึ่งได้รับการเก็บรักษาไว้จนถึงทุกวันนี้จะต้องถูกสลักด้วยอักขระสูงสุด มิฉะนั้นแม้ว่าจะเป็นสมบัติที่หายากสุดท้ายก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการกลายเป็นผงธุลีได้”
“นี่คือน้ำตาเซียนลิ่วจิน”
ต้วนเต๋อเยื่นมืออ้วนคู่หนึ่งออกมา และต้องการจะคว้ามัน ชายชราตาบอดก็ไม่มีข้อยกเว้น
เย่ฟ่านพูดไม่ออก จะอ้วนนี่เหมือนเจ้าสุนัขสีดำตัวนั้นไม่มีผิด
“นี่เป็นชิ้นส่วนของน้ำตาเซียนลิ่วจินจริงๆ และเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์แบบเดียวกับน้ำตาเซียนที่จักรพรรดินีตะวันตกทิ้งไว้ และมันถูกสลักด้วยอักขระศักดิ์สิทธิ์สูงสุด!”
“บ้าเอ๊ย เจ้าพวกคนไร้ยางอาย กล้าดีอย่างไรมาปล้นสมบัติที่ข้าสะสมมาทั้งชีวิต แม้แต่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ก็อาจไม่สามารถรวบรวมวัตถุศักดิ์สิทธิ์เพื่อสังเวยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เมือนข้า!”
จู่ๆ ต้วนเต๋อก็ตะโกนขึ้นด้วยความโกรธอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
เย่ฟ่าน “...”
“นี่คือน้ำตาเซียนในตำนาน ตอนนั้นในทะเลสาบหยกก็มีเพียงชิ้นเดียวและมันถูกโยนเข้าไปในเจดีย์จักรพรรดินีตะวันตก ข้าไม่สามารถหาชิ้นส่วนอื่นได้อีก” ชายชราตาบอดก็รู้สึกลำบากใจเช่นกัน
แม้ว่าพวกเขาจะพูดแบบนี้แต่พวกเขาทุกคนยังคงรอบจดจำอักขระที่สลักอยู่บนแผ่นทองเหลืองไว้
ทุกคนรู้ดีว่าการใช้น้ำตาเซียนเป็นกระดาษบันทึกคำอักษร นั่นแสดงให้เห็นถึงประโยคที่ถูกสลักไว้มีค่ามากยิ่งกว่าอย่างแน่นอน
!
“อา”
“บ้าจริง”
ต้วนเต๋อและชายชราตาบอดสาปแช่งในเวลาเดียวกัน พวกเขารู้สึกเจ็บปวดในสมองพร้อมกับส่งเสียงครวญครางด้วยความประหลาดใจ
“มีค่ายกลอันศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในแผ่นทองเหลืองนี้ เป็นการยากมากที่จะจดจำอักขระโบราณเหล่านี้ด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์”
เย่ฟ่านจ้องไปที่มันเป็นเวลานานและไม่สามารถจดจำคำเหล่านี้ได้เช่นกัน แม้ว่าเขาจะรู้ว่ามันเป็นสมบัติของเซียน แต่เขาไม่สามารถอ่านมันได้ และเขาไม่รู้ว่ามันจะถูกนำไปใช้ประโยชน์อะไร
“ในซีม่อมีคนบางคนบนเขาพระสุเมรุรู้จักคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์โบราณเหล่านี้” เจวี่ยโหย่วชิงกล่าว
แต่ทว่าเขาพระสุเมรุมีความลึกลับอย่างยิ่ง และหลายคนเชื่อว่าอาจมีพระพุทธเจ้าโบราณอยู่ที่นั่น จึงไม่มีใครกล้าที่จะเสี่ยงเข้าไป
“ถ้ามีโอกาส ข้าจะไปที่เขาพระสุเมรุเพื่อขอคำแนะนำจากคนคนนั้น” เย่ฟ่านกล่าว
เขาต้องอยู่ให้ห่างจากทะเลทรายตะวันตกชั่วคราวจนกว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งมากพอ
เพราะเขาก็มาจากอีกฟากหนึ่งของท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว หากผู้คนจากเขาพระสุเมรุรู้เรื่องนี้ เขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“ในอนาคต เราจะลักพาตัวสิ่งมีชีวิตโบราณมาสักคนเพื่อให้พวกเขาอ่านมัน” ตงฟางเย่กล่าวอย่างอวดดี
ตงฟางเย่รู้สึกว่าทองเหลืองแผ่นนี้หายากเกินไป ดังนั้นเขาจึงอายที่จะถือมันไว้ในมือ และกล่าวว่า
“นี่เป็นสิ่งที่มีค่าเกินไป”
“กระดูกศักดิ์สิทธิ์เพียงชิ้นเดียวที่ปราชญ์โบราณได้เปลี่ยนเป็นเต๋าที่เจ้ามอบให้เป็นสิ่งล้ำค่ามากพอแล้ว เจ้าควรรับแผ่นทองเหลืองชิ้นนี้ไป” ตงฟางเย่กล่าว
ในที่สุด ทั้งสองคนก็ได้แลกเปลี่ยนสมบัติกันคนละชิ้น ซึ่งทั้งคู่ก็พอใจมาก
“กระบองนี้จะได้รับการซ่อมแซมให้เป็นอาวุธปราชญ์ในอนาคต มันจะทรงพลังอย่างแน่นอน เพราะท้ายที่สุด มันได้รวมเอาแก่นแท้ของปราชญ์โบราณทั้งหมดไว้ในนั้น!” ต้วนเต๋อพึมพำ
“แผ่นทองเหลืองน้ำตาเซียนเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แต่บางทีในอนาคตอาจจะมีใครสักคนที่สามารถอ่านมันได้” ชายตาบอดชราพึมพำขณะถือไข่สีทอง
ทั้งห้าคนออกจากรัง พวกเขาหลบหนีไปและปรากฏตัวขึ้นในเทือกเขาอื่น
“แอ่งน้ำนี้…มันคือต้นกำเนิดตะวันอีกแล้ว!”
ในขณะที่วิ่งไประหว่างทางต้วนเต๋ออุทานและกระโจนเข้าใส่ ต้องบอกว่าชายอ้วนคนนี้มีโชคลาภครั้งใหญ่จริงๆ
คราวนี้เขาพบแอ่งน้ำเล็กๆ ซึ่งก่อตัวขึ้นจากของเหลวของต้นกำเนิดสวรรค์ และแสงศักดิ์สิทธิ์ก็ส่องสว่างสะท้อนกับต้นไม้โบราณโดยรอบเป็นสีเขียวสดใสราวกับหยก
“ของเหลวจากต้นกำเนิดสวรรค์นี้ ข้าคิดว่ามันสามารถผนึกข้าไว้ได้หนึ่งหมื่นแปดพันปี ถ้าเจ้าขายมันในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจ้าจะได้อาวุธวิเศษระดับครึ่งก้าวเต๋าสุดขั้วอย่างแน่นอนแน่นอน!”
ชายชราตาบอดกล่าวว่า “เจ้าไม่รู้เกี่ยวกับกลไกสุสานหรือ? รีบไปหาที่ฝังผู้อมตะคนนั้นแล้วขุดโลงศพให้เร็วที่สุด หากปล่อยให้ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นไปถึงก่อนพวกเราจะไม่ได้อะไรเลย”
ต้วนเต๋อสงบลง เขาจ้องมองไปทุกพื้นที่และกล่าวว่า
“ทำไมข้าถึงคิดว่าสถานที่ทุกแห่งของที่นี่เหมาะสำหรับการฝังศพคน? แล้วหากพวกเราต้องขุดภูเขาทั้งลูกมันต้องใช้เวลานานแค่ไหน”
“ดินแดนในอาณาจักรนี้ลึกลับยิ่งกว่าภาพผู้อมตะที่นอนอยู่ข้างนอก!” ชายชราตาบอดกล่าว
ต้วนขมวดคิ้วมองดูภูเขาบนภูเขาแล้วพูดว่า “ดูสิ นั่นนั่นเป็นเหมือนภาพของผู้อมตะนอนตะแคงข้าง เป็นซากศพของเขาหรือไม่?”
ทุกคนกระพริบตา ยิ่งสังเกตยิ่งรู้สึกเหมือนพุ่มไม้พุ่มเขียวขจีที่มีน้ำตกจิตวิญญาณไหลผ่านดูเหมือนจะเป็นเลือดของซากศพผู้อมตะที่กระจัดกระจายอยู่บนภูเขา
“มันควรจะถูกฝังอยู่ที่นั่น!”
เย่ฟ่านทำแผนที่บนพื้น ต้วนเต๋อก็เริ่มคาดคำนวณว่ากลไกกับดักจะอยู่ที่ใดบ้าง จากนั้นเขาก็ค้นหาว่าสมควรจะถูกฝังไว้ตรงไหน
ทั้งห้าคนตื่นเต้นมาก พวกเขากระโดดข้ามภูเขาและหยุดอยู่ที่ด้านล่างของบริเวณที่พวกเขาคาดว่าจะเป็นที่ฝังศพ
“มันเหมือนกับเครื่องหมายโบราณ ศพน่าจะถูกฝังอยู่ในสถานที่แห่งนี้!” ชายชราตาบอดอ้าปากค้าง
รูปทรงของทิวเขานี้แปลกมาก ราวกับผู้เป็นอมตะนอนอยู่บนนั้นแต่พลังแห่งสวรรค์หลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย ทันทีที่เข้าใกล้มันคล้ายกับมีเสียงกระซิบจากยุคโบราณดังอยู่ที่หูของทุกคน
เสียงกระซิบนั้นกว้างใหญ่และลึกลับ ราวกับว่ามันตกลงมาจากสวรรค์ทั้งเก้า เจาะเข้าไปในหูของผู้คนอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีใครได้ยินอย่างชัดเจนว่ามันพูดว่าอะไรกันแน่
“แน่นอนว่าที่นี่ เป็นสถานที่มหัศจรรย์” เจวี่ยโหย่วฉิงกล่าว
“ในขณะที่ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นยังคงไปค้นหาที่อื่นอยู่ พวกเรารีบขนย้ายสมบัติที่อยู่ในนี้ดีกว่า” ตงฟางเย่เร่งเร้า
ต้วนเต๋อเดินวนรอบภูเขาเขาปีนขึ้นไปบนหน้าผาแล้วพูดว่า
“ภูเขานี้จะต้องไม่สั่นสะเทือน ไม่เช่นนั้นจะเกิดภัยพิบัติร้ายแรง และเราสามารถเดินเข้าไปข้างในด้วยเส้นทางเดียวเท่านั้น”
มีถ้ำโบราณบนหน้าผาแห่งหนึ่ง มันคือบริเวณที่เหมือนปากของผู้อมตะ ทุกคนมองหน้ากันด้วยความกลัวเล็กน้อยก่อนจะก้าวเดินเข้าไปข้างในอย่างระมัดระวัง
ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในถ้ำโบราณ พลังศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาไม่สามารถใช้งานได้อีก และความกดดันที่ไม่รู้จบมาจากส่วนลึกของใต้ดินก็ทำให้พวกเขาแทบอยากจะคุกเข่าลงกับพื้น
“มันเปรียบได้กับกลิ่นอายของจักรพรรดิโบราณและคล้ายกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์เต๋าสุดขั้ว!”
“ต้องมีศพของเทพเจ้าโบราณอยู่ที่นี่แน่ๆ!”
เจ้าอ้วนต้วน ผู้ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีอำนาจในวิชาอ่านกลไกสุสานได้ตัดสินเช่นนั้น
“มีสัญญาณหลายอย่างที่อาจมีอยู่จริงในโลก เรากำลังจะได้เห็นมัน!” ชายชราตาบอดพึมพำ
จิตสำนึกแห่งเทพปรากฏขึ้นแล้ว หากไม่มีเทพเจ้าฝังอยู่ที่นี่ คงจะเป็นไปไม่ได้ ทุกคนตื่นเต้นมาก บางทีพวกเขาอาจจะได้เห็นปาฏิหาริย์ด้วยตาของตนเอง!