ตอนที่แล้วอาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 143 ที่ปรึกษาของบริษัทเอชดีซิเคียวริตี้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปอาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 145 ตาย

อาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 144 สายการบินที่ไม่มีพนักงานต้อนรับ


ตอนที่ 144 สายการบินที่ไม่มีพนักงานต้อนรับ

เมื่อแลนสเตอร์กลับมาจากดีทรอยต์ ฮาร์ดี้ก็เอาสัญญาระหว่างบริษัทเอชดีซีเคียวริตี้และนายพลคัตเซนมาอ่าน

ซึ่งเขาก็เห็นค่าธรรมเนียมที่ปรึกษารายปีคือ 20,000 ดอลลาร์และมีผลประโยชน์ต่างๆ อยู่ในรายละเอียด

ในส่วนของความรับผิดชอบของเขาก็แค่จะต้องเข้าร่วมการประชุมทุกปีและให้คำแนะนำกับบริษัท

นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอพิเศษในสัญญาโดยถ้าเขามีส่วนร่วมในการพัฒนาบริษัท

บริษัทก็จะมีโบนัสให้ในแต่ละเคส

แล้วจะดูที่อะไร?

มันก็ง่ายๆ

ตัวอย่างเช่นหากบริษัทเจอปัญหา

บริษัทก็จะไปหานายพลเหล่านี้และขอให้พวกเขาช่วยโทรศัพท์หาใครสักคนที่ช่วยเหลือได้

มันก็ถือว่าเป็นการช่วยเหลือบริษัทและคุณก็สามารถเอาโบนัสไปได้

สิ่งนี้ก็เหมือนกับการซื้อความสัมพันธ์ด้วยเงิน

“แลนสเตอร์ ฉันได้ทำข้อตกลงกับนายพลวิลเลี่ยมส์ไว้ว่าเราจะรับทหารผ่านศึกจำนวน 1000 นายทุกปี และเราสามารถเลือกคนที่ดีที่สุดได้ ซึ่งมันไม่มีสัญญา มันเป็นแค่ข้อตกลงปากเปล่าระหว่างวิลเลี่ยมกับฉัน เพราะเอชดีซีเคียวริตี้จำเป็นต้องเข้าสู่การพัฒนาที่รวดเร็วได้แล้ว”

"ในฝั่งตะวันตกให้เปิดตลาดทางซานฟรานซิสโกให้เร็วที่สุด พร้อมกับตั้งสาขาในนิวยอร์กบนชายฝั่งตะวันออกและให้ที่นั่นเป็นสำนักงานใหญ่ของเอชดีซีเคียวริตี้ ซึ่งตั้งอยู่ในนิวยอร์กเพื่อเริ่มต้นธุรกิจในที่ต่างๆ"

จากนั้นเขาก็เอาสำเนาต้นฉบับออกมาและส่งให้แลนสเตอร์

"นี่คือวิสัยทัศน์ของฉันสำหรับการพัฒนาบริษัทรักษาความปลอดภัยในอนาคต เพราะธุรกิจบริษัทรักษาความปลอดภัยยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก เราไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจกับธุรกิจแบบเดิมๆ พวกนั้น”

สำเนาเอกสารฉบับนี้เป็นขอบเขตทางธุรกิจใหม่ของบริษัทรักษาความปลอดภัย

ซึ่งฮาร์ดี้และคัตเซนได้พูดคุยกันเมื่อไม่กี่วันก่อน

แลนสเตอร์หยิบมันขึ้นมาดูอีกครั้ง พร้อมกับสีหน้าของเขาก็ดูตกใจเล็กน้อย

เรือนจำของตัวเอง?

ให้บริการกับกระทรวงกลาโหม

เปิดบริษัทข่าวกรองอิสระ

จัดตั้งกองทหารรับจ้างและเข้าไปช่วยเหลือความขัดแย้งในระดับภูมิภาค

นี่มันเกือบจะครอบคลุมทุกอย่างเลยจริงๆ

แค่ลองคิดดูแลนสเตอร์ก็รู้สึกตื่นเต้นเพราะถ้าทำตามวิสัยทัศน์ของฮาร์ดี้แล้ว…เอชดีซีเคียวริตี้จะกลายเป็นองค์กรที่ทรงพลังอย่างยิ่ง

และเขาก็เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งองค์กรนี้

"ฉันจะทำให้ดีที่สุด" แลนสเตอร์กล่าวอย่างหนักแน่น

......

หนึ่งสัปดาห์หลังจากที่โฆษณารับสมัครสายการบินออกไป

ผู้คนจำนวนมากก็โทรเข้ามา และวันก็นี้เป็นวันเปิดรับสมัครที่ฮาร์ดี้ก็มาด้วยตัวเอง

ชายวัยกลางคนในวัยสี่สิบเดินเข้าไปในห้องประชุมและยื่นประวัติของเขา

ฮาร์ดี้ดูผ่านๆ และก็พบว่าประวัติของคนนี้สวยงามมาก

เขาเคยทำงานในสามสายการบินมาก่อนและตำแหน่งสุดท้ายของเขาก็คือประธานของยูไนเต็ดแอร์ไลน์

"คุณมูส ถ้าคุณได้เป็นประธานสายการบินเอชดี ช่วยบอกผมหน่อยว่าคุณจะดำเนินการอย่างไรต่อไป?" แอนดี้ถาม

ชายวัยกลางคนไม่ลังเลและกล่าวว่า “ผมจะตั้งเป้าหมายในการปฏิบัติงานโดยการใช้ตัวชี้วัดในการดำเนินงาน พร้อมกับสร้างทีม สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี รับรองการพัฒนาความสามารถในการจัดการและรักษาความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับลูกค้า เชื่อมต่อกับซัพพลายเออร์ หน่วยงานราชการ และธนาคารเข้าด้วยกัน”

ผู้สมัครพูดอย่างคล่องแคล่วเป็นเวลามากกว่าสิบนาที เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาคุ้นเคยกับธุรกิจสายการบินมานาน

แต่ฮาร์ดี้ก็ได้ปฏิเสธเขาไปแล้วในใจ

เพราะมันเป็นแค่คำพูดผิวเผิน

ซึ่งเขาอาจจะเป็นผู้ช่วยของประธานได้แต่ไม่สามารถเป็นประธานที่สามารถบุกเบิกและพัฒนาบริษัทของเขาได้

จากนั้นเขาก็ได้สัมภาษณ์คนอีกสองสามคน

ซึ่งบางคนเป็นผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการในสายการบิน บางคนทำงานเป็นผู้จัดการในบริษัทธรรมดา แม้แต่คนที่เป็นอดีตรองผู้จัดการก็ยังมา

แต่หลังจากการสื่อสารกับคนเหล่านี้ ฮาร์ดี้ก็ไม่ได้สนใจพวกเขา

พวกเขาเข้าใจธุรกิจและมันก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีประสบการณ์การทำงาน

แต่ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะสามารถเป็นประธานได้

ในที่สุดคนสุดท้ายก็เดินเข้ามา

เขาเป็นชายวัยกลางอายุ 37 ปีชื่อจอห์นแฟรงคลิน

เขาเคยเป็นผู้จัดการทั่วไปของสายการบินท้องถิ่นขนาดเล็กในเท็กซัส ทว่าบริษัทนั้นก็ถูกขายโดยเจ้าของ

เขาจึงถูกโอนไปยังสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ และปัจจุบันก็เป็นผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ

"คุณแฟรงคลิน คุณจะดำเนินงานอย่างไรถ้าคุณถูกขอให้เป็นประธานของเอชดีแอร์ไลน์"

แฟรงคลินนั่งคิดเป็นเวลานานและเขาก็กล่าวว่า "ผมคิดว่าการดำเนินงานของสายการบินยังมีปัญหาใหญ่อยู่ในขณะนี้"

"โอ้ ปัญหาอะไรเหรอ?" แอนดี้ถาม

"ในปัจจุบันสายการบินให้ความสำคัญกับการขนส่งระยะยาวและทุ่มทุกอย่างให้กับการขนส่ง แถมพวกเขายังให้ความสำคัญกับการบริการ ความสะดวกสบาย และพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่สวยงดงาม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นค่าใช้จ่ายที่มองไม่เห็น"

"ส่วนในความคิดของผม เครื่องบินก็แค่การขนส่งอีกรูปแบบหนึ่งเพราะตราบใดที่เราส่งผู้โดยสายถึงที่หมายอย่างปลอดภัย มันก็เหมือนกับเป้าหมายที่เราทำเสร็จ"

"และผมก็คิดว่าการบริการบางอย่างควรจะตัดออกเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน"

"อย่างเช่นในบางสายการบินที่สร้างพื้นที่พักผ่อนระดับไฮเอนด์สำหรับพนักงาน สร้างโรงอาหารสำหรับพนักงานอาวุโส และตกแต่งอาหารให้สวยงามก่อนนำออกไป สิ่งเหล่านี้ก็คือค่าใช้จ่ายของบริษัท และเราควรจะลดค่าใช้จ่ายพวกนี้ลง พร้อมกับนำสวัสดิการพวกนี้ไปเพิ่มเงินเดือน เพราะตอนนี้ค่าจ้างมันน้อยเกินไป"

"นอกจากนี้ยังมีการปรับลดค่าโดยสารให้ถูกลง เพราะการที่เรากำหนดค่าโดยสารสูงเกินไปมันทำให้คนธรรมดาจ่ายไม่ไหว ตัวอย่างเช่นระยะทางระหว่างลอสแอนเจลิสและซานฟรานซิสโกคือ 600 กิโลเมตร และค่าโดยสารของเครื่องบินก็คือ 50 ดอลลาร์ ซึ่งมันเป็นรายได้ต่อสัปดาห์ของคนธรรมดา"

"หลายคนจึงเลือกเดินทางโดยรถไฟและรถยนตร์ เพราะค่าโดยสารสำหรับเครื่องบินมันสูงเกินไป ซึ่งผมก็คำนวณแล้วถ้าจะลดค่าโดยสารลงเหลือ 20 ดอลลาร์ สายการบินก็ยังคงมีกำไร แน่นอนว่าถ้าเราลดราคาลงมันก็จะดึงดูดลูกค้าจำนวนมากให้มาใช้สายการบินของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้"

"ในความเป็นจริงสายการบินเป็นอุตสาหกรรมที่มีความคล้ายกันสูง เพราะถ้าคุณมีเครื่องบิน สายการบินอื่นๆ ก็มีเช่นกัน ถ้าคุณสามารถให้บริการได้ สายการบินอื่นๆ ก็สามารถให้บริการได้ ดังนั้นผู้บริโภคจึงไม่ค่อยสนใจ"

"สายการบินที่ผมเคยทำงานในเท็กซัส มีเครื่องบินเพียง 6 ลำและทุกเส้นทางเป็นเส้นทางที่ค่อนข้างใกล้เคียงกัน และการดำเนินงานก็เป็นไปด้วยดี ซึ่งมาตรการที่ผมใช้ก็คือการประหยัดค่าใช้จ่ายและพยายามลดราคาตั๋วลง เพราะยังไงมันก็มีคนจนเยอะกว่า และหลายคนก็ยินดีที่ราคาของการขึ้นเครื่องบินจะถูกลง"

ฮาร์ดี้มองไปที่ชายคนนี้ที่ชื่อแฟรงคลิน

เขามีความสูงเกิน 1.9 เมตรและมีใบหน้าที่จริงจังเล็กน้อย

"คุณแฟรงคลินคุณต้องการเงินเดือนเท่าไหร่?" ฮาร์ดี้ถาม

แอนดี้มองไปด้านข้างบอสของเขา

นี่เป็นครั้งแรกที่บอสถามใครบางคนเกี่ยวกับเงินเดือน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบอสพอใจกับคนที่อยู่ตรงหน้าเขา

"คุณฮาร์ดี้ ผมขอเงินเดือนแค่ 10,000 ดอลลาร์ต่อปี และผมก็หวังว่ามันจะเพิ่มขึ้นทุกปีในอนาคต และผมก็มีคำขออื่นที่ต้องการก็คือจำนวนหุ้น..." แฟรงคลินกล่าว

ฮาร์ดี้ไม่แปลกใจ เขายิ้มและพูดว่า "แล้วคุณต้องการหุ้นเพื่อการปันผลกี่หุ้นล่ะ?"

"6%..."

ฮาร์ดี้คิดอยู่พักหนึ่งและพูดว่า "ฉันสามารถมอบหุ้นให้คุณได้ แต่คุณจะไม่ได้รับหุ้นไปเลยและต้องทำงานให้เราก่อน 3 ปี ซึ่งมันจะเริ่มจากปีที่สี่โดยจะเพิ่มขึ้น 2% ทุกๆ สองปีและจะหยุดอยู่ที่ 6%"

"หุ้นตัวนี้มีไว้สำหรับจ่ายเงินปันผลเท่านั้น และเมื่อคุณออกจากบริษัท เจ้าของหุ้นจะได้รับหุ้นคืนโดยอัตโนมัติ"

สีหน้าของแฟรงคลินเริ่มกระวนกระวายเล็กน้อย

เขาเคยไปสมัครงานแบบนี้หลายบริษัทและไม่เคยมีบริษัทไหนจริงจังกับเขาขนาดนี้มาก่อน

"คุณฮาร์ดี้ ผมจะตั้งใจทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาสายการบินให้ดีขึ้น!" แฟรงคลินกล่าว

ฮาร์ดี้ยิ้มและกล่าวว่า "ความคิดของคุณเกี่ยวกับ 'สายการบินต้นทุนต่ำ' มันตรงกับฉัน และฉันก็มีความคิดเห็นเหมือนกัน"

"คุณอยากฟังไหม?"

"แน่นอนครับ คุณฮาร์ดี้!"

แฟรงครินกล่าวว่า "คุณเป็นประธาน ทำไมผมถึงไม่กล้าฟัง"

"เอชดีแอร์ไลน์มีเครื่องบินทั้งหมด 50 ลำ ทั้งหมดเป็นรุ่นดักลาสที่มีชิ้นส่วนอะไหล่เหมือนกัน และมันก็สามารถนำอุปกรณ์ทั้งหมดไปใช้ด้วยกันได้ ซึ่งมันก็ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มาก"

แฟรงคลินพยักหน้าอย่างจริงจัง

"และตอนนี้ก็มี C-53 ทั้ง 25 ลำที่ถูกใช้เป็นเครื่องบินโดยสาร เมื่อมองไปข้างหลังผมจะให้เพิ่มที่นั่งเข้าไปอีก และมันก็ไม่จำเป็นต้องสะดวกสบายมากนัก และไม่จำเป็นต้องมีที่นั่งชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจ ซึ่งทั้งชั้นจะเป็นชั้นประหยัดเพราะยังไงถ้ามีที่นั่งเพิ่ม เราก็ถือว่ามีรายได้เพิ่มเหมือนกัน"

แฟรงคลินรู้สึกตกใจเพราะเจ้านายคนนี้ประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่าเขาอีก

"นอกจากนี้บนเครื่องบินจะไม่มีอาหารหรือเครื่องดื่มและก็ไม่มีพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ยกเว้นนักบินและพนักงานต้อนรับชายเพียงคนเดียว" ฮาร์ดี้กล่าว

"ไม่มีพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเลยเหรอครับ?"

"ใช่ ไม่มีพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน เพราะเส้นทางของสายการบินเอชดีคือการชนะตลาดด้วยกลยุทธ์ต้นทุนต่ำ และพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินก็มีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป"

แฟรงคลินมองฮาร์ดี้อย่างโง่เขลา

สิ่งนี่มันจะโอเคจริงๆ เหรอ?

เพิ่มที่นั่ง ไม่มีบริการ ไม่มีสจ๊วตหญิง เหมือนกับรถโดยสารธรรมดาและผู้โดยสารจะบ่นกันไหม?

แต่คำพูดต่อไปของฮาร์ดี้ก็ขจัดความสงสัยของแฟรงคลิน

เขารู้สึกว่าผู้โดยสารอาจจะไม่ได้สาปแช่งอะไร แต่จะยอมรับการบริการแบบนี้ได้ง่ายมาก

เพราะยังไงก็ยังมีคนจนเยอะกว่า

"ด้วยวิธีนี้เราสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไปได้มาก และการดึงดูดลูกค้าก็คือราคาที่เราตั้ง เพราะถ้าราคาการใช้บริการเหมือนกัน มันก็เป็นเรื่องปกติที่จะเลือกสายการบินที่ดีกว่า แต่ถ้าราคามันถูกกว่าล่ะ?"

"ตัวอย่างก็สิ่งที่คุณเพิ่งพูดไป เช่นจากลอสแอนเจลิสไปยังซานฟรานซิสโกค่าโดยสารสำหรับสายการบินอื่นๆ คือ 50 ดอลลาร์ แต่เราจะเก็บค่าโดยสารเพียงแค่ 30 ดอลลาร์หรือ 25 ดอลลาร์ แน่นอนว่าค่าโดยสารจะถูกกว่าครึ่งหนึ่ง และปล่อยให้สายการบินอื่นเลือกให้บริการสำหรับคนรวยไป และเราจะให้บริการกับคนจนและทำเงินกับพวกเขา"

"และเพื่อให้ลูกค้าอยู่กับเราให้นานที่สุด เรายังสามารถใช้ระบบคะแนนได้อีกด้วย เช่นคุณสามารถสะสมคะแนนบางส่วนได้ในทุกครั้งที่คุณใช้บริการสายการบินและระยะเวลาที่สามารถใช้ได้ก็คือหนึ่งปี ซึ่งคุณสามารถใช้คะแนนนี้สำหรับเที่ยวบินถัดไปแทนเงินสดได้โดยตรง"

"และถ้าจะให้ยกตัวอย่างเช่น คุณเดินทางจากลอสแอนเจลิสไปยังซานฟรานซิสโกและค่าโดยสาร 30 ดอลลาร์ คุณจะได้รับ 3 คะแนน และครั้งต่อไปที่คุณบินจากซานฟรานซิสโกไปยังฟิลาเดลเฟียที่มีค่าใช้จ่าย 60 ดอลลาร์ คุณอาจจะต้องจ่ายเพียง 57 ดอลลาร์เท่านั้น"

“ด้วยคะแนนนี้คุณคิดว่าผู้คนจะเลือกเอชดีแอร์ไลน์ของเราเพื่อใช้บริการมากขึ้นไหม? เพราะท้ายที่สุดแล้วมันก็ช่วยประหยัดเงินได้”

แฟรงคลินเข้าใจ แต่เขาก็ถามทันทีว่า "บอส แล้วถ้ามีคนนั่งเครื่องบินหลายครั้ง และเขาก็สามาถซื้อตั๋วฟรีได้ เราจะแก้สถานการณ์นี้ยังไง?"

ฮาร์ดี้ยิ้ม "มันเป็นเรื่องปกติ ยังไงคะแนนก็ถือเป็นเงินส่วนลดสำหรับลูกค้า และเราก็ได้รวมเงินส่วนนี้ไว้ในค่าใช้จ่ายของเราแล้ว"

"นอกจากนี้ยังมีสวัสดิการของพนักงานบริษัทอีกด้วย เพราะหากเงื่อนไขของบริษัทของเราไม่ดีเท่าบริษัทอื่นๆ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรักษาบุคลากรไว้ ซึ่งความคิดของฉันก็คือการเปลี่ยนสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ของพนักงานให้เป็นค่าจ้างและโบนัสนำไปแจกจ่ายให้กับพนักงานน่าจะดีกว่า"

"ยังไงผลประโยชน์ของพนักงานเหล่านั้น มันก็คงไม่ได้สำคัญเท่าโบนัสหรอก คุณคิดว่าไง?" ฮาร์ดี้มองไปที่แฟรงคลิน

แฟรงคลินกำลังถูกเจ้านายโน้มน้าว

กลายเป็นว่ามีคนที่มีความคิดแบบเขาอยู่นานแล้ว และยังละเอียดกว่าของเขาอีกด้วย

เพราะยังไงผลประโยชน์ที่พนักงานไม่ได้ใช้ มันก็ถือว่ายังมีค่าใช้จ่าย

และพนักงานที่ได้รับผลประโยชน์ พวกเขาก็น่าจะซื่อสัตย์ต่อบริษัทมากขึ้น

สำหรับวัฒนธรรมอื่นๆ ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระ

ในวันนี้

ฮาร์ดี้ก็ได้ประธานของเอชดีแอร์ไลน์อย่างเป็นทางการ และจากนี้ไปเอชดีแอร์ไลน์ก็ได้เวลาออกเรือ…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด