ตอนที่ 179 แผนการเข้าสู่ตลาดอสังหา
ถ้าไม่ได้ฟังจากปากของซูข่าน ทั้งสองคนคงไม่เชื่อกันแน่ๆ
ตระกูลหลี่ นอกจากอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงแล้ว เขายังมีธุรกิจด้านอื่นอีกนับไม่ถ้วน ผู้เชี่ยวชาญต่างยกย่องถึงเหตุการณ์การขายอสังหาของตระกูลหลี่
เหตุการณ์นี้ต้องติดอันดับการขายที่ได้เงินมากที่สุดในฮ่องกง
ตอนแรกถึงแม้ว่าจะซื้อที่ดินมาด้วยเงินจำนวนมาก แต่ราคาที่ดินก็ถูกขายด้วยราคาที่ต่ำกว่าตลาด
ในชั่วพริบตาตระกูลหลี่สามารถทำกำไรได้เกือบถึง 2 เท่า นักลงทุนในฮ่องกงต่างยกย่องและเชิดชูผู้นำตระกูลหลี่อย่างมาก
จะมีสักกี่คนที่ทำได้แบบเขา เงินจำนวนหลายร้อยล้านได้เพิ่มเป็นสองเท่าในเวลาไม่กี่ปี
ยิ่งเงินจำนวนมากเท่าไหร่ การทำกำไรให้ได้สองเท่าก็ยากเท่านั้น
หากเป็นเงินเพียง 1 หยวนแล้วกลายเป็น 10 หยวน ถึงจำนวนจะเพิ่มถึง 10 เท่า แต่มันก็เพิ่มแค่ 9 หยวนเท่านั้น รับจ้างขนอิฐที่ไซต์ก่อสร้างก็ได้แล้ว
นักธุรกิจรวมถึงนักลงทุนทุกคนต้องยอมรับกับการกระทำอันน่าทึ่งของตระกูลหลี่อยู่แล้ว เขาเป็นคนที่มีพรสรรค์มากในด้านธุรกิจ
สื่อทุกรูปแบบต่างยกย่องในความสามารถในการทำเงินของเขา
หลู่เฉียนซานได้คิดเกี่ยวกับตระกูลหลี่ เธอได้เอามือมาปิดปากและพูดช้าๆ
"อาจเกิดขึ้นก็ได้ ไม่อย่างงั้นตระกูลหลี่จะเลือกถือเงินสดไว้ทำไม?"
จางหม่านได้ยินก็ตกใจ เธอตามความคิดของหลู่เฉียนซานได้ทันเช่นกัน
ถึงแม้ว่าการเคลื่อนไหวสั้นๆของตระกูลหลี่จะไม่ได้บอกถึงเหตุผลหลักจริงๆของเขา
หากไม่ใช่เพราะฟองสบู่ตลาดอสังหากำลังจะแตก ทำไมตระกูลหลี่ถึงไม่เก็บที่ดินไว้? เขาต้องการกำไรเพียง 2 เท่าอย่างงั้นเหรอ? เขาเป็นคนโง่ที่จะยอมขายเพื่อเอาเงินแค่ 2 เท่ารึเปล่า?
แน่นอนตระกูลหลี่ไม่ใช่พวกคนโง่ พวกเขาต้องมีเบื้องลึกเบื้อหลังอะไรอยู่แน่ๆ
"แสดงว่าตระกูลหลี่ก็คิดว่าฟองสบู่อสังหาในเซียงเจียงจะแตกด้วยสิ"
จางหม่านพูดขึ้นมาด้วยความตกใจ
หลู่เฉียนซานพยักหน้า
"น่าจะสมเหตุสมผลอยู่ การที่ตระกูลหลี่ได้ขายอสังหาริมทรัพย์อย่างรวดเร็ว บางทีผู้นำตระกูลหลี่อาจจะมีแผนอะไรบางอย่าง หรือเห็นอะไรบางอย่างในตลาดนี้ก็ได้"
เขาเป็นอัจฉริยะด้านธุรกิจอยู่แล้ว ก่อนที่ซูข่านจะปรากฏตัว หลู่เฉียนซานคิดว่าคนที่เป็นอัจฉริยะที่สุดก็คือตระกูลหลี่
แต่ตอนนี้ความคิดของเธอได้เปลี่ยนไปแล้ว ซูข่านเจ้านายของเธอก็มีความสามารถไม่ด้อยไปกว่าตระกูลหลี่เลย โดยเฉพาะกับการตัดสินใจเกี่ยวกับฟิวเจอร์น้ำมันของเขา
นอกจากสายตาที่เฉียบแหลม และการตัดสินใจที่ดีเยี่ยมแล้ว ซูข่านก็ไม่ได้อ่อนไปกว่าตระกูลหลี่เลยแม้แต่น้อย
เผลอๆเจ้านายของเธอเก่งกว่าด้วยซ้ำ
สำหรับตระกูลหลี่แล้ว พวกเขาทำธุรกิจกันมาหลายสิบปี หลี่เจียเฉิงเขาประสบความสำเร็จในวงการนี้มาก็ไม่น้อย แต่ถ้าเทียบอายุเขากับเจ้านายแล้วละก็
เจ้านายเราดีกว่าตั้งแต่ เขาอ่อนกว่าหลี่เจียเฉิงตั้งหลายสิบปี
แต่ถึงอย่างไรก็เถอะ ทั้งสองคนนี้ก็เป็นคนที่มีความสามารถมากที่สุดในเซียงเจียงแล้ว
แล้วทั้งสองคนก็ได้เดาว่าตลาดอสังหาในเซียงเจียงจะตกต่ำลงเหมือนกัน
แสดงว่าเรื่องนี้อาจจะเกิดขึ้นจริงอย่างที่เจ้านายพูดก็ได้
"งั้นเราจะเริ่มชอร์ตอสังหาจงเฮงเมื่อไหร่ดีคะ?"
หลู่เฉียนซานถามกับซูข่าน
บริษัทที่เพิ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อย่างจงเฮง พวกเขาต้องการจะขายหุ้นอยู่แล้ว
"ตู้ม"
ซูข่านปลดเบ็ดที่เกี่ยวกับปลากะพงแดงเสร็จ เขาก็ยกปลากะพงแดงขึ้นมาแล้วก็โยนลงทะเลไป
เขามองดูปลากะพงที่กระหางแล้วก็ดำน้ำลงไปในทะเลอย่างช้าๆ
"เริ่มเลย"
ซูข่านตอบหลู่เฉียนซานเบาๆ
แม้ว่าจะเหลือเวลาอีกหลายเดือนก่อนฟองสบู่อสังหาแตก
เมื่อตอนที่ฟองสบู่แตก หุ้นอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดจะดิ่งลงเป็นเส้นตรง อสังหาจงเฮงเองก็ไม่รอดจากเหตุการณ์นี้
หากว่าบริษัทว่านเซี่ยงได้ชาร์ตก่อนที่หุ้นจะดิ่งลง เขาจะได้รับรายได้มหาศาล
นอกจากนี้ยังสามารถกลืนกินบริษัทจงเฮงได้อีก อาจจะไล่ไอ้ลูกชายเสือผู้หญิงคนนั้นไปจากที่นี่ได้
"ได้ค่ะ"
หลู่เฉียนซานตอบอย่างสุภาพ
จางหม่านได้ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วเสนอไอเดียเพิ่ม
"เราจะร่วมมือกับทาง HSBC อีกไหมคะ ถ้าเราร่วมมือกันอีก รายได้ก็น่าจะสูงขึ้นอีกนะคะ"
"ทางบริษัทว่านเซี่ยงได้เงินมามากจากฟิวเจอร์น้ำมัน แถมยังไม่รวมที่ได้จาก HSBC อีก"
ในเวลา 5 วันต่อจากนี้ไป บริษัทว่านเซี่ยงน่าจะขายฟิวเจอร์น้ำมันออกทั้งหมด พวกเขาจะมีสภาพคล่องทางการเงินประมาณ 5,000 ล้าน
จำนวนเงินมหาศาลขนาดนี้ก็เพียงพอแล้วที่ทางบริษัทว่านเซี่ยงจะดำเนินกิจการต่อ
ตอนนี้บริษัทว่านเซี่ยงเหมือนกับลูกนกที่โตแล้ว ไม่จำเป็นต้องมารออาหารจากแม่นกอีกต่อไป ลูกเสือที่โตแล้วก็พร้อมจะออกจากถ้ำเหมือนกัน
ฟิวเจอร์น้ำมันในตลาดโลกนั้นใหญ่มากๆ จำนวนเงินหมุนเวียนต่อวันสูงถึงล้านล้าน แต่สำหรับในฮ่องกงแล้ว ตลาดฟิวเจอร์น้ำมันก็เป็นเพียงส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งเท่านั้น
การที่บริษัทว่านเซี่ยงถอนตัวออกจากจุดนี้ มันไม่ได้กระทบกับสภาพคล่องของฟิวเจอร์น้ำมันเลย แถมซูข่านก็ได้แบ่งขายอย่างแนบเนียน
ซูข่านยังไม่พร้อมทื่จะร่วมมือครั้งใหม่นี้ แต่ก็ใช่ว่าไม่มีโอกาสในอนาคต
บางทีทาง HSBC อาจประเมินว่าสถานการณ์นี้ไม่คุ้มที่จะต้องเสี่ยงลงมาด้วย
"ยังก่อน"
ซูข่านตอบจางหม่านเบาๆ
"เมื่อขายฟิวเจอร์น้ำมันเสร็จแล้ว รีบไปดำเนินการกับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของจงเฮงเลย นอกเหนือจากนี้มองดูบริษัทอสังหาอื่นๆที่อยู่ในเซียงเจียงด้วย"
ซูข่านพูดจบดวงตาของเขาก็หรี่ลงเล็กน้อยและมองไปที่ท้องฟ้า ตอนนี้เขาเป็นเหมือบกับนกอินทรีที่พร้อมจะลงมาตระคุบเหยื่อได้ทุกเมื่อ รอแต่เพียงโอกาสเท่านั้น
"เราจะทุ่มเงินทั้งหมดไปกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเซียงเจียง"
ซูข่านพูดอย่างเฉียบขาด
ณ เวลานี้เซียงเจียงและฮ่องกงยังไม่ได้เป็นของประเทศจีนอย่างสมบูรณ์ เขาจะไม่รู้สึกผิดเลยที่ทำแบบนี้
หากว่าประเทศจีนถือครองฮ่องกงอย่างสมบูรณ์แบบ บางทีซูข่านอาจไม่กล้าทำอย่างนี้ก็ได้
ตาเฒ่าแห่งตระกูลซู หรือปู่ของเขา จะต้องทุบตีจนเขาตายแน่ๆ เขาไม่ยอมให้ซูข่านมาทำอะไรกับประเทศที่ปู่รักแน่นอน
ที่หลังของจางหม่านมีเหงื่อออกมา
นี่เจ้านายต้องการจะลงเงินกับอสังหาทั่วเซียงเจียงเลยอย่างงั้นเหรอ?
น่ากลัวเกินไปแล้ว
หลู่เฉียนซานก็รู้สึกกังวล และกำลังจะเตือนซูข่าน แต่ซูข่านรีบโบกมือหยุดคำพูดของหลู่เฉียนซาน
"ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ได้เป็นคนที่โหดเหี้ยมขนาดนั้น คนที่ล้มละลายจากฟองสบู่ครั้งนี้ ฉันมีแผนช่วยเหลือพวกเขาอยู่"
"เงินทั้งหมดที่ได้ครั้งนี้ จะถูกนำไปลงทุนสำหรับที่อยู่ในเซียงเจียง เงินจำนวนนี้ถือว่าเอาไปช่วยเหลือประชาชนที่รัฐบาลต้องดูแล"
ถ้าทำแบบนี้แล้วทรัพย์สินของซูข่านก็จะพุ่งขึ้นรวดเร็วราวกับติดจรวด ตระกูลหลี่ถึงแม้ว่าจะมีเงินเยอะ แต่การเติบโตของเขาเป็นไปได้อย่างช้าๆ
แต่การเติบโตได้ช้าแบบนั้นไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เก่งรึอะไร แต่จำนวนเงินของเขาเยอะมากๆต่างหาก ที่ขึ้นเพียงไม่กี่ % แล้ว ก็เทียบเท่าได้เป็นล้านๆแล้ว