SWO ตอนที่ 79 อัจฉริยะคนนั้นไปไหนแล้ว?
แต่ทันใดนั้นเองพื้นที่ทั้งหมดก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของโจวเฮาเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “เร็วเข้า รีบออกจากที่นี่เร็ว ระบบทำลายตัวเองของเทวาทมิฬเริ่มทำงานแล้ว!”
ทันทีที่เขาพูดจบ อาคารทั้งหลังได้พังทลายลง พร้อมเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงจากพื้นดิน
เหล่านักเรียนตกใจมากจนรีบวิ่งหนีเอาชีวิตรอด อย่างไรก็ตามกลับมีคนหนึ่งที่ทำสิ่งตรงข้าม
เมื่อเห็นว่ามีคนวิ่งกลับเข้าไป เสิ่นจิงจึงอดตะโกนอย่างกังวลไม่ได้ “เจ้าบ้าไปแล้วรึไง รีบออกมาเร็ว!”
โจวเฮาไม่ได้หันกลับ และเพียงตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ยังมีเพื่อนร่วมชั้นอีกสองคนที่นอนหมดสติอยู่ที่นั่น!”
บูม! บูม! บูม!
เสียงระเบิดดังกึกก้องขณะที่อาคารเริ่มถล่มลงมาทีละหลัง
เสิ่นจิงมองร่างที่ค่อย ๆ วิ่งหายไปท่ามกลางฝุ่นอย่างไม่ลังเลด้วยความกังวล
ฟิ้ว!
ทันใดนั้นร่างสองร่างก็ถูกโยนออกมาราวกับลูกศร พร้อมเสียงแหบพร่าที่ดังขึ้น “ไม่ต้องห่วงข้า”
เสิ่นจิงมองสองคนที่ถูกโยนออกมา และพบว่าพวกเขาคือโจวเฮา และจางอี้ เขายกทั้งสองคนขึ้นมา มองเข้าไปข้างในก่อนกัดฟัน และวิ่งออกไป
ตูม!
เพียงสิบวินาทีต่อมา พื้นที่แถวนั้นได้ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์
เหอเปียว เจิ้นหง และปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธที่ตามมาถึงด้านข้างของเสิ่นจิงถามขึ้นอย่างกังวล "อัจฉริยะคนนั้นอยู่ไหน?"
เสิ่นจิงส่ายหัว "ข้าไม่รู้"
“เจ้าหมายความว่ายังไงที่ไม่รู้!” เหอเปียวกล่าวอย่างมีน้ำโห
อัจฉริยะที่สามารถจัดการปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธของเทวาทมิฬได้ เป็นตัวแทนของความหวังที่ไม่สิ้นสุด แต่ตอนนี้เรากลับไม่รู้ว่าเขาเป็นหรือตาย
เจิ้นหง และปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธที่เหลือจับจ้องไปที่เสิ่นจิง
เสิ่นจิงทรุดลงกับพื้นอย่างหดหู่โดยมีโจวเฮา และจางอี้นอนอยู่ข้าง ๆ “ขะ เขารีบเข้าไปช่วยนักเรียนสองคนนี้ และบอกข้าว่าไม่ต้องเป็นห่วงเขา ซึ่งตอนนั้นมันเป็นช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานข้าจึงไม่ได้ใส่ใจเท่าที่ควร และทำเพียงพานักเรียนสองคนนี้ออกมา!”
เหอเปียวถอนหายใจ “เฒ่าเสิ่น เจ้ารู้ตัวไหมว่าครั้งนี้เจ้าทำผิดพลาดร้ายแรง!”
เจิ้นหงยังกล่าวเสริมด้วยความโกรธ “หากอัจฉริยะที่มีศักยภาพไร้ขีดจำกัดเสียชีวิต เสิ่นจิง เจ้าจะรับผลที่ตามมาได้หรือไม่!”
“ข้าเข้าใจ แต่… แต่ข้าไม่สามารถเพิกเฉยต่อชีวิตของนักเรียนคนอื่นได้!” เสิ่นจิงกัดฟัน และกล่าวตอบ
ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธที่เหลือต่างถอนหายใจ
ผู้บัญชาการจ้าวที่เพิ่งมาถึง หลังจากได้ยินเหตุผล เขาก็ก้าวออกมาพร้อมขมวดคิ้ว “เอาล่ะ เอาล่ะ อย่าได้โทษเสิ่นจิงเลย ในสถานการณ์แบบนั้น แม้แต่ข้าเองก็คงเลือกทำเช่นเดียวกับเขา!”
“ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากอัจฉริยะผู้นั้นกล้าก้าวเข้าไปช่วยใครสักคน ข้าว่าเขาควรมั่นใจว่าตนเองจะกลับมาได้อย่างปลอดภัย หรือพวกเจ้าจะลืมไปแล้วว่าเขามีพลังมากเพียงใด”
เหอเปียว เจิ้นหง และปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธที่เหลือมองไปที่เสิ่นจิงด้วยท่าทางมืดมน “หวังว่าอัจฉริยะคนนั้นจะยังมีชีวิตอยู่ มิฉะนั้น เสิ่นจิง เจ้าจะเป็นคนบาปของมนุษยชาติ!”
นักเรียนที่อยู่รายรอบทำเพียงยืนอย่างเงียบงัน
ทันใดนั้นซูหลิงก็กล่าวขึ้นอย่างหนักแน่น “ข้าเชื่อว่าอัจฉริยะของเรายังมีชีวิตอยู่!”
"ข้าด้วย!"
“เขาไม่มีทางตายง่าย ๆ แน่!”
“ใช่ อัจฉริยะคนนั้นคือผู้พิทักษ์ของโรงเรียนมัธยมเมืองฉูเรา เขาไม่มีวันตาย!”
นักเรียนจากโรงเรียนมัธยมเมืองฉูเริ่มตะโกนออกมาทีละคน
ผู้บัญชาการจ้าวพยักหน้า และมองไปยังพื้นที่เบื้องหน้าที่ถูกทำลายจนเหลือเพียงซากปรักหักพัง เขาขมวดคิ้ว “นี่ควรเป็นฐานที่มั่นของเทวาทมิฬ ไว้หลังจากนี้เราค่อยเข้าไปตรวจสอบ บางทีเราอาจจะได้อะไรกลับมาบ้าง”
…
ตอนเย็น
ณ สำนักงานแพทย์ของโรงเรียนมัธยมเมืองฉู
โจวเฮา และจางอี้ที่เพิ่งตื่นได้ยินเสียงความโกลาหลมาแต่ไกล
“ฮึ่ม เห็นไหม ข้าบอกเจ้าซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าอัจฉริยะไร้เปรียบของโรงเรียนเราสามารถจัดการแม่ทัพอสูรขั้นสูงได้ แต่เจ้าก็ไม่เชื่อ! แล้วเป็นไง วันนี้ได้เห็นกับตาตัวเองแล้วทำให้เชื่อข้าได้รึยัง?”
"ใช่ อัจฉริยะของเราถอนรากถอนโคนฐานที่มั่นของเทวาทมิฬด้วยตัวคนเดียว และยังทำกระทั่งจัดการปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธได้เลยด้วยซ้ำ อัจฉริยะจากค่ายฝึกหยานจิงของเจ้าสามารถทำเช่นเขาได้รึไม่?”
“อัจฉริยะของโรงเรียนเราเป็นคนถ่อมตัวไม่สนใจชื่อเสียง เขาจะก้าวออกมาช่วยก็ต่อเมื่อเกิดวิกฤตเท่านั้น พวกเจ้าทุกคนควรเรียนรู้จากเขาบ้างนะ!”
นักเรียนจากโรงเรียนมัธยมเมืองฉูกล่าวขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
กลับกันหยวนเฉิง หยุนหยาน และอัจฉริยะหยานจิงที่เหลือไม่สามารถเงยหน้าขึ้นได้มาหลายชั่วโมง
แน่นอนว่าเหตุผลหลักคือหยวนเฉิง และคนอื่น ๆ ยังคงตกตะลึงไม่หาย
ซูหลิงที่ได้ยินการเคลื่อนไหวของโจวเฮา และจางอี้ตะโกนขึ้นทันที “โจวเฮา กับจางอี้ตื่นแล้ว!”
นักเรียนหลายคนล้อมรอบพวกเขา
“โจวเฮา จางอี้ พวกเจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“เจ็บตรงไหนรึเปล่า?” ทุกคนถามด้วยความเป็นห่วง
ท้ายที่สุดโจวเฮา และจางอี้ก็เป็นคนค้นพบที่ซ่อนของเทวาทมิฬ และยังเป็นคนที่มีผลงานมากที่สุดอีกด้วย
โจวเฮาส่ายหัว "ข้าสบายดี"
จางอี้สะบัดหัวอย่างแรงแลดูยังมึนงงอยู่เล็กน้อย แต่ไม่นานเขาก็กล่าวขึ้นด้วยสีหน้ากังวล “นะ น้องสาวข้า พวกเขาพบน้องสาวข้ารึยัง!”
ซูหลิง และนักเรียนที่อยู่ตรงนั้นเงียบไปทันที
โจวเฮาขมวดคิ้ว แม้ว่าเขาจะตื่นอยู่ตลอด แต่เนื่องจากเขาถูกส่งมาที่นี่โดยพวกนักเรียนทำให้เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น
แต่เมื่อตัดสินจากปฏิกิริยาของซูหลิง และของคนอื่น ๆ สถานการณ์ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
“บอกข้ามาเร็ว!” จางอี้ตะโกนอย่างกังวล
“จางอี้ เจ้าต้องใจเย็น ๆ นะ” ซูหลิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง และแนะนำ
เมื่อจางอี้ได้ยินเช่นนั้น ตัวของเขาก็สั่นพร้อมน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้ม
“หรือ... หรือน้องสาวข้าจะตายแล้ว...”
สีหน้าของโจวเฮาย่ำแย่ลงขณะโทษตัวเองอย่างลับ ๆ ที่เสียเวลาไปพัวพันกับสมาชิกของเทวาทมิฬ แทนที่จะเข้าไปในอาคารเพื่อช่วยน้องสาวของจางอี้
ตอนนั้นเองซูหลิงได้รีบกล่าวขึ้นอีกครั้ง “จางอี้ อย่าเพิ่งร้องไห้สิ น้องสาวของเจ้ายังไม่ตาย!”
เมื่อได้ยินดังนั้นจางอี้ก็เงยหน้าขึ้น และถามอย่างคาดหวัง “ซะ ซูหลิง ที่เจ้าพูดมานั่นหมายความว่ายังไง? น้องสาวของข้ายังไม่ตาย?”
"ใช่!" ซูหลิงพยักหน้าอย่างหนักแน่น
“แล้วนางอยู่ไหน?” จางอี้คว้าแขนของซูหลิง
ซูหลิงไม่รู้ว่าจะตอบอะไรอยู่พักหนึ่ง
ดังนั้นจึงเป็นหยุนหยานที่ก้าวออกมา “เดี๋ยวข้าอธิบายเอง”
ดวงตาของจางอี้หันไปหาหยุนหยาน
หยุนหยานกล่าวอย่างช้า ๆ “เรื่องมันเป็นแบบนี้ หลังจากที่เจ้า และโจวเฮาหมดสติไป อัจฉริยะไร้เปรียบก็ปรากฏตัวขึ้น และจัดการกลุ่มผู้เชี่ยวชาญของเทวาทมิฬจนเรียบ อย่างไรก็ตาม ระบบทำลายตัวเองของเทวาทมิฬได้ถูกเปิดใช้งาน และระเบิดบริเวณนั้นทั้งหมด”
“หลังจากเหตุการณ์นั้น ผู้บัญชาการจ้าว และคนอื่น ๆ ได้ค้นหาอย่างละเอียด และพบกล่องโลหะ ซึ่งกล่องโลหะที่พวกเขาเจอนั้นมีเบาะแสเกี่ยวกับน้องสาวของเจ้าอยู่”
จางอี้รีบถาม “เบาะแสอะไร?”