(ฟรีตามปกติ) Dual Cultivation บทที่ 980 ทำไมเขาถึงล้มเหลวในการเป็นนักวิชาการ
หลังจากใช้เวลาสองสามนาทีในการเทของเหลวติดไฟได้ไปทั่วร้านนวดของซูหยางแล้ว กลุ่มบุคคลเหล่านั้นก็ก้าวถอยหลังเตรียมจะเผาทั้งอาคาร
ในขณะเดียวกัน ผู้พบเห็นก็ทำได้เพียงรวมตัวกันข้างนอกและเฝ้าดูอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ สำหรับบรรดาเจ้าของร้านบนถนนสายนั้น พวกเขาล้วนมีความสุขและแทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นไฟ
“เรามากำจัดสถานที่แห่งนี้และออกไปจากที่นี่กันเถอะ” อันธพาลคนหนึ่งกล่าว
"ใช่" อีกคนหยิบไม้ขีดออกมาและเตรียมจุดไฟ
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขาจุดไม้ขีด เขาก็พลันรู้สึกได้ถึงตัวตนที่น่าหวาดกลัวปรากฏขึ้นข้างหลังเขา ทำให้เขาหันกลับไปด้วยหน้าผากที่มีเหงื่อไหลโดยไม่รู้ตัว
“เอ๋” อันธพาลเลิกคิ้วเมื่อไม่เห็นมีใครยืนอยู่ข้างหลังเขา ยกเว้นผู้ชมที่อยู่ห่างไกล
'หรือว่าข้ากำลังจินตนาการไป' เขาแอบสงสัยในใจ
“ด-ดูนั่นสิ นั่นคือเซี่ยวหยาง”
ใครบางคนที่นั่นพลันตะโกนออกมาดังๆ ทำให้ทุกคนหันมามอง และที่น่าแปลกใจคือ ชายหนุ่มธรรมดาสวมชุดคลุมสีขาวเรียบๆ ซึ่งมองเห็นได้ว่ากำลังตรงเข้าไปใกล้ตำแหน่งของพวกเขาด้วยใบหน้าที่สงบ
อันที่จริง แม้กระทั่งการก้าวของเขาก็ยังผ่อนคลายและมั่นคงอย่างผิดปกติ ซึ่งทำให้ผู้ชมงุนงงอย่างมาก
ใครกันจะเยือกเย็นได้ขนาดนี้เมื่อพวกเขากำลังจะเห็นธุรกิจของตัวเองลุกเป็นไฟ เขาทำตัวเหมือนกับว่าธุรกิจที่กำลังจะถูกเผาไม่ใช่ของเขาด้วยซ้ำไป เขาเป็นเจ้าของร้านแบบไหนกัน
“ห-หยุดอยู่ตรงนั้นถ้าเจ้าไม่ต้องการให้ข้าเผาอาคาร” อันธพาลที่ถือไม้ขีดพูดกับเขาอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงขู่เข็ญ กระทั่งแสดงให้เขาเห็นไฟดวงเล็กๆ ที่ปลายไม้ขีด
ซูหยางหยุดห่างจากพวกเขาเพียงสองสามเมตรแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า “ข้าไม่รู้จักพวกเจ้าเลย ทำไมพวกเจ้าถึงทำแบบนี้”
“เราทำเช่นนี้แน่นอนว่าเพราะเจ้าได้ทำให้ใครสักคนขุ่นเคือง” หนึ่งในพวกเขาหัวเราะ
ซูหยางเลิกคิ้วและพูดว่า “ทำไมเจ้าไม่บอกข้าว่าคนที่บอกเจ้าให้ทำเช่นนี้เป็นใคร เพื่อที่ข้าจะแก้ไขข้อผิดพลาดได้ เรายังต่อรองกันได้”
ซูหยางรู้ว่าพวกอันธพาลเหล่านี้ได้รับการว่าจ้างให้ทำลายร้านของเขาโดยไม่ต้องถาม
พวกอันธพาลแปลกใจมากที่ซูหยางรู้ว่าพวกเขาถูกว่าจ้าง และพวกเขาก็สงสัยว่าเขารู้ได้อย่างไร
'บางทีเขาอาจจะแค่เดา'
“ฮึ่ม ใครบอกว่าเราถูกจ้างมา” หนึ่งในพวกเขาพลันกล่าวขึ้น
“โอ เช่นนั้นเจ้ากำลังทำสิ่งเหล่านี้ด้วยความต้องการของตัวเองงั้นสินะ บอกข้าที ข้าทำอะไรให้เจ้าขุ่นเคือง”
“ข้าปฏิเสธ” หนึ่งในพวกนั้นตอบอย่างรวดเร็ว
“อย่างงั้นรึ… ถ้าเช่นนั้นให้ข้าเดา…”
ซูหยางทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะพูด “พวกเจ้าอิจฉาที่ข้าให้บริการแต่ผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชายใช่หรือไม่ โชคร้าย ไม่มีอะไรที่ข้าสามารถทำได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ หากเจ้าไม่พอใจกับผลลัพธ์นี้ เจ้าเผาตึกต่อไปได้เลย”
“จ-เจ้าบ้า ใครจะอิจฉากัน”
“ใครบอกว่าเราต้องการนวดบ้าบอนี้จากเจ้า ข้ายอมตายดีกว่าปล่อยให้เจ้าแตะต้องตัวข้า”
พวกอันธพาลปฏิเสธข้ออ้างที่ว่าพวกเขากำลังทำลายทรัพย์สินของเขาด้วยความอิจฉาริษยา…
“ข้าเดาว่าเราคิดเหมือนกัน เพราะข้าก็ยอมตายดีกว่าที่จะนวดตัวให้กับผู้ชาย” ซูหยางพูด กระทั่งทำตัวสั่นในขณะที่เขาพูดประโยคนั้น
จากนั้นเขาก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ในเมื่อเนื่องจากเจ้าจะไม่บอกข้าว่าทำไมเจ้าถึงทำลายร้านข้า ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะทำให้พวกเจ้าทั้งหมดมีชีวิตอยู่อีกต่อไป”
“อะ—”
พวกอันธพาลตกตะลึงกับคำพูดของเขา แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ตอบสนอง ซูหยางก็หยิบกระบี่ธรรมดาขึ้นมาจากความว่างเปล่าแล้วก็เหวี่ยงมัน สังหารอันธพาลคนหนึ่งก่อนที่พวกเขาจะทันได้รู้ตัว
ส่วนที่ว่าเขาตัดสินใจฆ่าใครก่อนนั้น ย่อมเป็นอันธพาลที่ถือไม้ขีดไฟ และเขาก็ได้ดับไฟจากไม้ขีดควบคู่ไปกับชีวิตของชายผู้นั้น
อันธพาลคนอื่นๆ ยังไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งหัวของเพื่อนของพวกเขาตกลงบนพื้น และทำให้เกิดเสียงแปลกๆ
“อ-ไอ้สารเลว”
อีกสี่คนรีบนำอาวุธออกมาทันทีเมื่อพวกเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ในเมื่อซูหยางได้ฆ่าอีกคนไปอย่างง่ายดายด้วยการเหวี่ยงกระบี่ของเขา
พวกอันธพาลทั้งหมดล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ แต่พวกเขาอยู่ในระดับแรกของเขตราชันวิญญาณเท่านั้น
พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อกรกับซูหยางถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมดของเขาก็ตาม
และก่อนที่พวกเขาจะทันได้รู้ตัว ซูหยางก็ได้ลดจำนวนของพวกเขาลงกว่าครึ่ง
อย่างไรก็ตาม ซูหยางหยุดฆ่าพวกเขาเมื่อเหลือเพียงแค่สองคน และเขามองดูพวกเขาด้วยสีหน้าเยือกเย็น “คนแรกที่บอกข้าเกี่ยวกับผู้จ้างจะรอดชีวิต”
“พ-พล่าม เจ้าคงจะฆ่าพวกเราหลังจากนี้” หนึ่งในพวกนั้นกล่าว
ซูหยางส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ข้าเป็นนักวิชาการ ข้าจะไม่ทำสิ่งที่น่าอับอายเช่นการกลับคำพูดของตัวเอง”
ได้ยินคำพูดของเขา หนึ่งในพวกนั้นก็พูดอย่างรวดเร็ว “ข-ข้าจะบอกเจ้า ข้าจะบอกเจ้าทุกอย่าง ได้โปรด แค่ปล่อยข้า”
อันธพาลอีกคนหันมามองเพื่อนที่อยู่ด้วยกันมาหลายปีด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ
“ก-กล้าดีอย่างไรเจ้าคนทรยศ—”
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่อันธพาลคนนั้นจะทันได้พูดจบประโยค ซูหยางก็สะบัดข้อมืออย่างไม่ตั้งใจ ฆ่าอันธพาลนั้นในทันที
ฝูงชนตกใจกับการเข่นฆ่าอย่างโหดเหี้ยมของซูหยางในที่สาธารณะ
แม้ว่าพวกอันธพาลจะทำผิดสำหรับการกระทำของพวกเขา แต่เขาต้องเข่นฆ่าพวกเขาในลักษณะนี้จริงๆ ดัวยงั้นหรือ และทำที่ด้านนอกอาคารที่เขาประกอบธุรกิจอีกด้วย
พวกเขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงล้มเหลวในการเป็นนักวิชาการ บางทีเหตุผลที่เขาล้มเหลวอาจไม่ใช่เพราะเขาขาดความรู้ แต่เป็นเพราะบุคลิกที่ไม่เหมาะสมของเขา
ผู้คนที่นั่นรู้สึกเหมือนว่าพวกเขาเข้าใจซูหยางมากขึ้นหลังจากที่ได้เห็นการกระทำของเขาในวันนี้ และพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะดูถูกเขาอีกต่อไป
หลังจากฆ่าอันธพาลแล้ว ซูหยางก็เก็บกระบี่กลับเข้าไปในแหวนมิติของเขาก่อนจะหันไปมองยังอันธพาลคนสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่
“ถ้าเจ้ายังไม่เริ่มพูด ข้าจะพิจารณาถึงการปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่อีกครั้ง” เขาพูด
“ด-ได้เดี๋ยวนี้” อันธพาลรีบพูด