บทที่ 770 ฉันเป็นหนี้บุญคุณ(ตอนฟรี)
บทที่ 770 ฉันเป็นหนี้บุญคุณ
เมื่อเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของจี้เฟิง เหอหงเหว่ยก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญา เพราะไม่ว่าวันนี้เขาจะอธิบายยังไง จี้เฟิงก็คงไม่เชื่อ ดังนั้นเหอหงเหว่ยจึงไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้ นอกจากส่ายหัวและยิ้มบางๆ
โจวเฟยเฟยจ้องไปที่จี้เฟิงอย่างเงียบๆ แววตาของเธอเหมือนจะโกรธที่เขาพูดเรื่องไร้สาระแต่ดวงตาคู่งามนั้นก็เหมือนจะมีความหมายอื่นๆแฝงอยู่ด้วย เป็นอารมณ์ที่ซับซ้อนมาก
“ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!”
ประตูห้องอาหารถูกเคาะอย่างกะทันหัน จากนั้นพนักงานเสิร์ฟก็เดินเรียงแถวกันเข้ามาพร้อมกับจานอาหารในมือ
“หมูสามชั้นตุ๋นซีอิ๊ว!”
“ปลาเก๋าเจี๋ยนน้ำแดง!”
...................
พนักงานเสิร์ฟทยอยนำจานอาหารมาวางบนโต๊ะ เพียงไม่นานโต๊ะที่ว่างเปล่าก็เต็มไปด้วยจานต่างๆ
“ค่อยๆทานนะครับคุณลูกค้า ขอให้เป็นมื้อที่ดีนะครับ” พนักงานเสิร์ฟที่เหมือนกับเป็นหัวหน้าพูดด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น
“ขอบใจมาก!”
เหอหงเหว่ยยิ้มอย่างสุภาพ
“ยินดีมากครับ!” รอยยิ้มบนใบหน้าของพนักงานมีความยินดีมากขึ้น เขายิ้มหวานแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“จี้เฟิง ผมได้เจ้านี่มาจากคุณปู่ พอดีว่าท่านไม่ดื่มไวน์ ผมก็เลยไม่อยากทิ้งไว้ให้มันเสียของ!” เหอหงเหว่ยหยิบขวดไวน์แดงข้างๆเขาขึ้นมาแล้ววางลงบนโต๊ะ “วันนี้คุณโชคดีมากเลยนะ!”
“ผมขับรถมา” จี้เฟิงเอามือปิดแก้วของตัวเองไว้ “คุณคงไม่อยากให้ผมโดนจับข้อหาเมาแล้วขับใช่มั้ย?!”
“ไม่ใช่แล้ว! ผมเคยได้ยินเรื่องการดื่มของคุณในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา คอแข็งระดับเทพไม่มีใครเอาลงเลย!” เหอหงเหว่ยหัวเราะและกล่าวว่า “แต่ไม่ต้องห่วง เพราะต่อให้วันนี้คุณเมา ก็จะมีคนไปส่งคุณถึงบ้านอย่างปลอดภัยแน่นอน!”
จี้เฟิงเลิกคิ้วขึ้นและขยับมือออกจากปากแก้ว แต่ในใจก็แอบรู้สึกทึ่ง
เพราะในช่วงเทศกาลตรุษจีน เขาไม่ได้ไปทะเลาะเบาะแว้งกับใคร มันเป็นแค่การดื่มฉลองกันในครอบครัว แต่เหอหงเหว่ยก็ยังรู้เรื่องนี้!
“สมแล้วที่เป็นคุณชายเหอ ช่องทางข่าวสารของคุณไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!” จี้เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“อย่าเพิ่งเข้าใจผมผิด!” เหอหงเหว่ยรีบโบกมือทันทีและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เรื่องนี้มาจากจี้เส้าจุน พอดีเขาพูดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจตอนที่เขาดื่มอยู่กับเพื่อนของเขาในบาร์น่ะ!”
“ช่างเถอะ! เราไม่คุยกันเรื่องนี้แล้ว ดื่มกันดีกว่า!” จี้เฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“ชน!”
แก้วไวน์สามใบสัมผัสกันเบาๆ โจวเฟยเฟยยกแก้วขึ้นมาจิบด้วยเช่นกัน ใบหน้าของเธอแดงขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการดื่มไวน์หรือเพราะสิ่งที่จี้เฟิงพูด
“นายน้อยจี้ ในตอนที่พวกเราเจอกันในมณฑลเจียงซูและเจ้อเจียง พวกเรามีความเข้าใจผิดกัน แก้วนี้เพื่อทำความเคารพคุณและฉันก็หวังว่าคุณจะไม่เก็บเรื่องราวในอดีตมาใส่ใจ!” โจวเฟยเฟยยกแก้วขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้าและแววตาที่ซับซ้อน
อันที่จริงในหัวใจของโจวเฟยเฟยก็มีอารมณ์ที่ซับซ้อนเช่นกัน
พูดกันตามหลัก ผู้ชายตรงหน้าคือคนที่ส่งน้องชายของเธอเข้าคุก ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเข้ามาแทรกแซง อาจไม่มีใครเปิดโปงคดีในตอนนั้นได้ หากพูดถึงเรื่องนี้ ความรู้สึกที่โจวเฟยเฟยควรจะมีต่อเขาคือความเกลียด
อย่างไรก็ตาม เธอกลับไม่มีความรู้สึกเกลียดชังเลยแม้แต่น้อย อันที่จริงตระกูลโจวทั้งตระกูลก็ไม่มีใครกล้าแสดงความเกลียดชังต่อจี้เฟิงเหมือนกัน เนื่องจากพลังอำนาจอันมหาศาลของตระกูลจี้ พวกเขาไม่กล้าที่จะเอาโจวซื่อหลินออกจากคุก จึงได้แต่กัดฟันทนปล่อยให้โจวซื่อหลินถูกดำเนินคดีตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างไม่เต็มใจ และโจวเฟยเฟยก็รู้ดีว่าครอบครัวของเธอเองก็ยังรู้สึกขุ่นเคืองใจเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ไม่ใช่น้อย
ซึ่งแตกต่างจากโจวเฟยเฟย เธอไม่มีความรู้สึกเกลียดชังเลยจริงๆ
ไม่สำคัญหรอกว่าที่จี้เฟิงส่งโจวซื่อหลินเข้าคุกเป็นเพราะเขาอยากจะจัดการกับครอบครัวโจวหรืออยากจะขยายอำนาจตระกูลจี้สู่มณฑลเจียงซูและเจ้อเจียง เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาให้โอกาสโจวเฟยเฟยได้ชดเชยความผิดพลาดที่โจวซื่อหลินทำ
ถ้าไม่ใช่เพราะจี้เฟิงขุดเรื่องนี้ขึ้นมาเปิดเผย พวกเขาคงถูกปิดหูปิดตากันต่อไป
แต่ถ้าจะบอกว่าไม่มีใครในตระกูลโจวรู้เรื่องนี้เลย โจวเฟยเฟยก็ไม่อาจพูดได้อย่างเต็มปาก แต่ตัวเธอนั้นไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่มีทางปล่อยให้โจวซื่อหลินได้ใช้ชีวิตอย่างสบายใจเช่นนั้นแน่นอน
ด้านหนึ่ง โจวเฟยเฟยรู้สึกขอบคุณสำหรับการกระทำที่ยึดถือตามหลักความถูกต้องของจี้เฟิงมาก ในอีกด้านหนึ่ง เธอยังรู้สึกไม่กล้าสู้หน้าจี้เฟิงเท่าไหร่นัก สุดท้ายแล้วน้องชายของเธอได้ทำเรื่องที่เลวร้ายมากจริงๆ และมันก็เป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะมั่นใจได้ว่าจี้เฟิงจะไม่มองเธอด้วยสายตาเดียวกัน เขาอาจจะมองเธอด้วยสายตารังเกียจและคิดว่าเธอเป็นลูกสาวของตระกูลที่ร่ำรวย ทำตัวบ้าอำนาจและไร้เหตุผล
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในตอนที่เธอวิ่งไปหาจี้เฟิงถึงที่... ถึงแม้ว่าเธอจะมีเจตนาดีเพราะอยากจะขอโทษแทนน้องชายของเธอจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เมื่อเธอลองมองในมุมกลับกัน ถ้าเป็นเธอเอง เธอก็คงจะมีความคิดแบบนั้นแน่นอน
จี้เฟิงยิ้มและหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาชนกับแก้วของโจวเฟยเฟยแล้วพูดว่า “เรื่องเหล่านั้นผมไม่สามารถควบคุมอะไรได้ ผมก็เป็นแค่นักเรียนคนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ผมยังมีข้อแนะนำอยู่บ้าง ถ้าในอนาคตมีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นอีก คุณลองเอาตัวเองไปอยู่ในมุมมองของผู้อื่นแล้วคิดดูนะ”
“นายน้อยจี้พูดถูกต้องแล้ว เฟยเฟยจะจำมันไว้ในใจอย่างแน่นอน!” โจวเฟยเฟยพูดพลางจิบไวน์แดง
จี้เฟิงส่ายหัวและพูดว่า “อย่าขนาดนั้นเลย ผมไม่ได้จะสอนบทเรียนหรืออะไร แต่เป็นแค่ข้อเสนอแนะตามความเห็นของผมเท่านั้น”
“เอาล่ะๆ พวกคุณสองคนไม่ต้องถ่อมตัวกันไปมาแล้ว!” เหอหงเหว่ยหัวเราะ “เรามาชนแก้วกันอีกดีกว่า!”
ในระหว่างที่ทานอาหาร จี้เฟิงไม่ได้ดื่มมากนัก ในเวลานี้เขารู้สึกแปลกๆอยู่ในใจ ทำไมจู่ๆเหอหงเหว่ยถึงมาหาเขาอย่างกะทันหันแบบนี้
แต่เขาก็พอจะรู้อยู่ว่าสิ่งนี้แตกต่างจากการพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจอย่างมาก ถ้าพูดถึงเรื่องธุรกิจ ส่วนใหญ่จะเจรจาการตอนทานอาหารและยังไม่ดื่มไวน์ แต่ตอนนี้เขากับเหอหงเหว่ยดื่มกันก่อนจะทานอาหารอย่างจริงจังเสียอีก มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่สามารถพูดได้ในขณะดื่มไวน์
นอกจากนี้ยังมีโจวเฟยเฟยอยู่ที่นี่ด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถพูดคุยกันแบบสบายๆได้ คุณต้องรู้ว่าพวกเขาอาจเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญมากโดยไม่ตั้งใจเมื่อพวกเขาพูดอะไรบางอย่างในขณะที่ดื่มไวน์
ดังนั้น ส่วนใหญ่แล้วเหอหงเหว่ยจะพูดถึงประสบการณ์การทำงานของเขาเอง ส่วนจี้เฟิงก็พูดถึงสิ่งที่น่าสนใจในมหาวิทยาลัย ส่วนโจวเฟยเฟยนั้นเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์และน่าดึงดูดใจ ซึ่งช่วยทำให้บรรยากาศมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เกิดเสียงหัวเราะเป็นระยะๆ ภายในห้องอาหารส่วนตัว พวกเขาสามคนรู้สึกดีและมีความสุขมาก
จี้เฟิงมีจินตนาการบางอย่างอยู่ในหัว เขารู้สึกเกินคาดกับการที่เหอหงเหว่ยและโจวเฟยเฟยมีแนวโน้มที่จะแต่งงานเป็นคู่ครองกัน ตามอัตลักษณ์ของเหอหงเหว่ยและตระกูลของเขา ไม่น่าจะเห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ ถึงแม้ว่าตระกูลโจวจะแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง แต่ก็จำกัดอยู่ที่เจียงซูและเจ้อเจียงเท่านั้น หากเทียบกันแล้วยังมีช่องว่างขนาดใหญ่มากระหว่างทั้งสองตระกูล
ดังนั้นจี้เฟิงจึงคิดว่าโจวเฟยเฟยน่าจะเป็นผู้หญิงที่เหอหงเหว่ยเลี้ยงไว้ข้างนอกมากกว่า สุดท้ายแล้วเรื่องแบบนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดาในแวดวงสังคมชั้นสูง
อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงการปฏิเสธอย่างจริงจังของโจวเฟยเฟยและเหอหงเหว่ยก่อนหน้านี้ จี้เฟิงก็รู้สึกลังเลขึ้นมาอีกครั้ง สองคนนี้คบหากันจริงๆเหรอ?
หากเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็เป็นสัญญาณที่ค่อนข้างชัดเจน ที่ว่าอิทธิพลของตระกูลเหอในมณฑลเจียงซูและเจ้อเจียงมีความก้าวหน้าอย่างมาก ท้ายที่สุด ด้วยการสนับสนุนจากตระกูลโจว สิทธิต่างๆของตระกูลเหอในมณฑลเจียงซูและเจ้อเจียงจะเพิ่มขึ้นมาก
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะได้รู้คำตอบที่ถูกต้อง จี้เฟิงจะยังไม่รีบบอกเรื่องนี้กับพ่อของเขา
เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 40 นาที ทั้งสามคนก็ดื่มกินกันเกือบจะเสร็จแล้ว อาหารบนโต๊ะถูกกินไปมากมาย ใบหน้าที่สวยงามของโจวเฟยเฟยในเวลานี้กลายเป็นสีแดงหน่อยๆแล้ว และเธอก็พูดขึ้นเบาๆว่า “คุณสองคนดื่มกันไปก่อนนะ ฉันขอออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อย!”
หลังจากที่โจวเฟยเฟยออกจากห้องอาหารไป เหอหงเหว่ยก็ยื่นบุหรี่ให้จี้เฟิง และหลังจากที่ทั้งสองคนจุดบุหรี่และสูบกันไปคนละทีสองที เหอหงเหว่ยก็กล่าวว่า “จี้เฟิง ที่ผมเชิญคุณมาในวันนี้ ไม่ใช่แค่ช่วยมาดื่มกินเพียงอย่างเดียวหรอกนะ แต่ผมต้องการขอบคุณคุณเป็นการส่วนตัว!”
“ขอบคุณผม?”
จี้เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณชายเหอ คุณจะขอบคุณผมเรื่องอะไร? ผมไม่ได้ให้เงินคุณยืม แล้วก็ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้คุณซักหน่อย!”
“คุณยังจำโรงแรมนี้ได้ไหม?” เหอหงเหว่ยถาม “ครั้งแรกที่ผมกับคุณนัดเจอกันที่ประตูของโรงแรมนี้ ตอนนั้นคุณได้ช่วยชีวิตผมไว้!”
“มันเป็นเรื่องบังเอิญ!” จี้เฟิงหัวเราะ
“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ก็ตาม ถ้าคุณมาไม่ทันเวลา ผมคงนอนอยู่ในหลุมไปแล้วตอนนี้!” เหอหงเหว่ยหัวเราะ “ที่สำคัญกว่านั้น คุณกับเซียงหยงซานร่วมมือกันทำลายต้าเซี่ยและยึดครองฐานที่มั่นแห่งหนึ่งของหวางฉาว ทำให้บุคคลสำคัญของหวางฉาวสั่งให้คนของพวกเขาอพยพออกจากประเทศจีนไป และนั่นมันทำให้ผมไม่ต้องคอยระวังตัวตลอด 24 ชั่วโมง! แบบนี้แล้วคุณคิดว่าผมควรที่จะขอบคุณคุณอยู่ไหม?”
“ถ้าอย่างนั้นผมก็สมควรได้รับมัน!” จี้เฟิงพยักหน้าและพูดอย่างตรงไปตรงมา “ไม่ว่าจะเป็นการช่วยชีวิตคุณหรือจัดการกับองค์กรหวางฉาว มันเป็นเรื่องที่อันตรายและเสี่ยงชีวิตมากจริงๆ..”
“ฮ่าๆๆ~ ! นิสัยบางอย่างของคุณ มันทำให้ผมคิดไม่ถึงจริงๆ แต่ผมชอบนะ!” เหอหงเหว่ยหัวเราะออกมา
จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า “คุณลืมอะไรไปหรือเปล่า คุณยังไม่ได้บอกผมเลยว่าจะขอบคุณผมยังไง?!”
“ถ้ามีโอกาส ผมจะขอบคุณอย่างแน่นอน!” เหอหงเหว่ยพยักหน้าและพูดอย่างจริงจัง
“อย่าบอกนะ!” จี้เฟิงพูดขึ้นทันที “ที่บอกว่ามีโอกาสแล้วจะขอบคุณน่ะ ไม่ใช่แค่โทรมาแล้วพูดปากเปล่านะ คุณต้องลงมือปฏิบัติด้วย ไม่งั้นมันไม่พอหรอก!”
“น้องจี้ ฉันขอพูดแบบเป็นกันเองเลยนะ เอาจริงๆนะ เวลาที่นายตีมึนเพื่อกอบโกยโอกาสงามๆเนี่ย นายหน้าหนายิ่งกว่าช่าวเหลยเสียอีกนะ!” เหอหงเหว่ยหัวเราะ “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ชอบติดหนี้คนอื่น หนี้ที่ฉันติดนายเอาไว้สองครั้ง ฉันจะจ่ายคืนให้อย่างแน่นอน!”
จี้เฟิงหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาเพื่อชนกับเหอหงเหว่ยและพูดด้วยพลางหัวเราะ “ผมล้อเล่นหรอกหน่า อย่าคิดเป็นจริงเป็นจังขนาดนั้นสิ!”
“ฮ่าๆๆ...” เหอหงเหว่ยชี้ที่จี้เฟิงสองสามครั้งด้วยรอยยิ้ม
จี้เฟิงก็มองกลับอย่างรู้เท่าทัน พวกเขาทั้งสองคนเป็นคนฉลาด เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องพูดให้ชัดเจน พวกเขาก็เข้าใจดี ยิ่งไปกว่านั้น คำพูดบางคำก็อาจเป็นการทำลายบรรยากาศเช่นกัน
อย่างน้อยในความคิดเห็นส่วนตัว จี้เฟิงและเหอหงเหว่ยต่างก็ชื่นชมซึ่งกันและกัน และระหว่างตระกูลเหอกับตระกูลจี้ก็ไม่ได้มีการต่อสู้กันอย่างเปิดเผย ดังนั้นพวกเขาทั้งสองจึงรักษามิตรภาพซึ่งกันและกันโดยไม่รู้ตัวโดยหวังว่าพวกเขาจะไม่กลายเป็นศัตรูกันในภายหลังเพราะเรื่องของครอบครัว!
ที่สำคัญกว่านั้น ด้วยความซาบซึ้งในบุญคุณของจี้เฟิง เหอหงเหว่ยเลือกที่จะพูดมันออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ไม่ใช่คำพูดสุภาพสวยหรูเพื่อประจบประแจงจี้เฟิง
เหตุผลก็เพราะการกระทำต่างๆของจี้เฟิงเมื่อไม่นานมานี้ ที่ชัดเจนที่สุดคือจี้เฟิงเคยเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหอหงเหว่ยที่หน้าประตูทางเข้าโรงแรมเหวยเซียงจู
ในเวลานั้น เมื่อจี้เฟิงคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายเป็นนักฆ่า เขากล้าที่จะขับรถพุ่งตรงไปชนกับอีกฝ่ายโดยตรง นั่นเท่ากับว่าเหอหงเหว่ยได้เป็นหนี้ชีวิตจี้เฟิง!
ยิ่งไปกว่านั้น พฤติกรรมและการกระทำต่างๆในภายหลังของจี้เฟิง สำหรับเหอหงเหว่ยแล้วมันเหมือนกับจี้เฟิงเป็นผู้สร้างโอเอซิสท่ามกลางทะเลทรายที่เขากำลังหาทางออกอยู่!
.....จบบทที่ 770 ~