ตอนที่แล้วตอนที่ 58 ทีมชั่วคราว2,000คน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 60 ด้านบนหน้าผาหินโกลาหล

ตอนที่ 59 หน้าผาหินแช่แข็ง


และข่ายเจ๋อเป็นหนึ่งในคนเหล่านี้

สกิลของเขาเป็นสกิลต่อสู้ทั้งหมด เขาไม่มีสกิลที่มีความสามารถอื่นเช่นการบิน การซ่อนตัว และการเทเลพอร์ต

แปลงร่างมอนสเตอร์หมาก็ได้ไม่มีความสามารถพิเศษอะไร

เขาเริ่มรู้สึกกังวลเมื่อเห็นคนเหล่านั้จากไป

กิลด์อันดับหนึ่งของประเทศไป๋อิง‘เทพสวรรค์รวมตัว’สัญญากับเขาว่าถ้าเขาให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้เล่นใหม่ลึกลับ พวกเขาจะให้เขาเข้าร่วมกิลด์เมื่อถึงเลเวล30

การเข้าร่วมกิลด์อันดับหนึ่งของประเทศเป็นความปรารถนาของผู้เล่นหลายคนในไป๋อิง แล้วข่ายเจ๋อจะยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้ได้ยังไงในเมื่อได้รับโอกาสมาแล้ว

'เพื่อเข้าเทพสวรรค์รวมตัว ฉันต้องทำงานให้หนัก! '

เขาหยิบไอเทมคลาสE[ยันต์เทเลพอร์ต]ออกมาจากกระเป๋าเป้แล้วกัดฟันใช้มัน

ความสามารถของยันต์เทเลพอร์ตคือเทเลพอร์ตผู้ใช้ไปยังตำแหน่งสุ่มภายในรัศมีหนึ่งกิโลเมตร

ถ้าโชคดี หลังจากเขาเทเลพอร์ตไปทางทิศตะวันตกสองสามครั้งเขาจะออกจากแผ่นดินแผดเผาและไปถึงหน้าผาหินโกลาหล

ผ่านไปสามวินาทีเขาก็ลืมตาอีกครั้ง สีหน้าของเขาแย่ลงเมื่อเห็นผลไม้คริมสันอยู่ไม่ไกล

“ไม่เป็นไร เป็นเรื่องปกติเพราะมันสุ่มเทเลพอร์ต”

เขาอารมณ์ไม่ดีเพราะถูกเทเลพอร์ตให้อยู่ไกลขึ้น

แต่เขายังคงยังปลอบใจตัวเองด้วยการมองโลกในแง่ดี

เขานำยันต์เทเลพอร์ตออกมาใช้อีกครั้ง

ผ่านไปสามวินาที เขาลืมตาขึ้นแต่กลับพบว่าเขายังอยู่ในสวนผลไม้คริมสันและห่างจากทิศตะวันออกอีกประมาณ500เมตร

ในใจข่ายเจ๋อรู้สึกถึงลางไม่ดี

แต่เขายังคงหยิบยันต์เทเลพอร์ตออกมาอีกหลายสิบใบและใช้มัน

สองนาทีต่อมา

เมื่อยันต์เทเลพอร์ตใบสุดท้ายถูกใช้ไป ในที่สุดเขาก็กลับมาที่ทางเข้าของแผ่นดินแผดเผา

ซึ่งมันห่างจากจุดที่ใช้ยันต์เทเลพอร์ตครั้งแรกไม่ถึง100เมตร

หลังจากผ่านไปสองนาที กลุ่มคนจำนวนมากที่เคยอยู่ตรงนี้ได้บุกเข้าพื้นที่แผ่นดินแผดเผาแล้วประมาณ700เมตร!

ที่ตรงนี้เหลืออยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น

“หือ? นั่นข่ายเจ๋อ? เขาอยู่หน้าสุดของกลุ่มไม่ใช่เหรอ? แล้วเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

“ไม่รู้ ฉันได้ยินคนพูดว่าเขาเพิ่งเทเลพอร์ตมา หรือว่าเขาจะไปสำรวจเสร็จแล้ว?”

เมื่อคนอื่นๆที่อยู่ไม่ไกลเห็นเขา ทุกคนก็เริ่มพูดคุยกันด้วยความแปลกใจ

พวกเขาคิดว่าข่ายเจ๋อไปหน้าผาหินโกลาหลมาแล้ว พวกเขาจึงเดินเข้าไปหาเขาด้วยความตื่นเต้น

“ข่ายเจ๋อไปที่หน้าผาหินโกลาหลแล้วใช่ไหม? นายเจอผู้เล่นลึกลับคนนั้นหรือเปล่า?”

“เขาหน้าตาเป็นไง เป็นชายหนุ่มหรือคนแก่?”

คนที่กำลังจะไปถามด้วยความตื่นเต้นเห็นใบหน้าที่ซีดลงของข่ายเจ๋ออย่างรวดเร็ว พวกเขามองหน้ากันสองสามครั้งแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม“ขอโทษที่รบกวน”จากนั้นหันหลังวิ่งหนีทันที

สถานการณ์เหมือนจะแตกต่างไปจากที่พวกเขาคิดไว้เล็กน้อย...

ข่ายเจ๋อไม่ได้สนใจคนอื่น เขามองตรงไปและก้าวไปข้างหน้าด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

ทั้งร่างของเขาเป็นเหมือนเตาหลอมที่พร้อมระเบิดตลอดเวลา และมันจะระเบิดทันทีเมื่อโดนกระตุ้นเพียงเล็กน้อย

......

ทางฝั่งตะวันตกของแผ่นดินแผดเผา หน้าผาหินโกลาหลตั้งอยู่บนหินขนาดใหญ่สูงห้าสิบเมตรและยาวสองพันเมตร

กำแพงหินสูงชันเกือบตั้งฉากกับพื้น

หากผู้เล่นไม่มีความสามารถในการบิน พวกเขาต้องปีนขึ้นไปเท่านั้น

แม้ว่าจะไม่มีบทลงโทษสำหรับการตายก่อนเลเวล10 แต่ผู้เล่นที่กลัวความสูงจะไม่กล้าปีนขึ้นไป

“นายแน่ใจใช่ไหมว่าผู้เล่นลึกลับคนนั้นอยู่บนหน้าผาหินโกลาหล?”

ภายใต้หินก้อนใหญ่นี้ ผู้เล่นที่มาถึงที่นี่ก่อนต้องกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง

ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาเห็นดาวตกคือที่ลมร้อนยอดทอง พวกเขาคิดว่าผู้เล่นลึกลับอยู่ที่นั่น แต่พวกเขากลับไม่เจอใครเลยเมื่อขึ้นไปถึง

หลายคนกังวลว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้นอีก

ในเวลานั้นไม่มีใครพบ พระองค์กลับทนทุกข์อย่างเปล่าประโยชน์

“แล้วจะรู้ได้ไงถ้าไม่ขึ้นไป? รีบขึ้นไปสิเห้ย!” ใครบางคนตะโกนขึ้น

“เมื่อเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว อย่าถามคำถามเช่นนี้อีก”

“เลิกถามแบบนี้สักทีเถอะ มาถึงกันขนาดนี้แล้ว”

“ใครยอมแพ้ก็กลับไปซะ”

คนอื่นเริ่มตะโกนบอกคนที่ลังเลใจให้ปีนหน้าผานี้

เมื่อเห็นแบบนั้นคนที่ลังเลใจก็ตัดสินใจได้

พวกเขาไปตรงหน้าผาและจะเริ่มปีน

ทันใดนั้นเอง!

อุณหภูมิในอากาศลดลงอย่างกะทันหันตั้งแต่ด้านบนจนถึงด้านล่าง!

แผ่นดินแผดเผาเป็นพื้นที่ที่ร้อนระอุและแสงแดดส่องถึง ผู้เล่นทุกคนจึงสวมกางเกงขาสั้น

อุณหภูมิที่ลดลงอย่างกะทันหันทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป ทุกคนเงยหน้ามองขึ้นฟ้า

พวกเขาเห็นหมอกขาวปกคลุมจากกำแพงหินค่อยๆตกลงมาทางพวกเขา

“นั่นมันอะไร!?”

“หมอกขาว หมอกน้ำแข็ง!? หนาวจัง!”

ผู้เล่นที่ปีนได้เร็วที่สุดรู้สึกว่าอุณหภูมิลดลงเร็วขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาทั้งหมดจึงเริ่มแสดงอาการตื่นตระหนก

บางคนทนหนาวไม่ไหวจึงกระโดดลงจากกำแพงหิน ส่วนคนอื่นๆก็กัดฟันปีนหน้าผาท่ามกลางหมอกหนาวต่อไป

เมื่อคนที่สายตาดีเห็นว่ายอดหน้าผาค่อยๆกลายเป็นน้ำแข็ง เขาจึงรีบตะโกนบอกคนข้างล่าง “กลับไป! รีบกลับไปซะ! กำแพงหินเริ่มเป็นน้ำแข็งแล้ว!”

มีน้ำแข็งบนหน้าผาหมายความว่าไม่สามารถปีนขึ้นไปได้

ไม่ล้มเร็วก็ต้องล้มลงทีหลัง

เมื่อผู้เล่นที่เพิ่งปีนหน้าผาได้สองสามเมตรได้ยินแบบนั้น พวกเขาจึงกระโดดลงพื้นทันที ผู้เล่นข้างบนบางคนก็ปีนลงด้วยความประหม่า

“จะกลัวอะไรกับแค่น้ำแข็ง! มันแค่ทำให้ลื่นเท่านั้นเอง!”

ชายหนุ่มที่อยู่ด้านบนดูถูกการกระทำของคนอื่นๆ

เขาเอื้อมมือออกไปและพยายามปัดหมอกสีขาวที่ตกมาด้านข้าง เขาก้มหน้าแล้วพูดกับคนด้านล่าง “แค่ใช้ค้อนทุบน้ำแข็ง...”

คนที่อยู่ด้านล่างมองหน้าผาหินรอบๆและคิดเกี่ยวกับแผนการนี้ ทันใดนั้นเองเขาก็เห็นว่าคนที่อยู่ด้านบนหยุดพูดไปแล้ว

เขาเห็นร่างกายของชายหนุ่มด้านบนถูกแช่แข็งด้วยความเร็วที่มองเห็นได้!

“แข็งแข็งแข็ง! หมอกนี้แช่แข็งคน!”

......

หนึ่งนาทีต่อมา

ผู้เล่นกลุ่มนี้ที่มาถึงที่นี่ล่วงหน้าลดลงมากกว่าครึ่ง ตอนนี้เหลืออยู่แค่สิบกว่าคนเท่านั้น

คนที่เหลือไม่ตายก็กลับที่ค่าย หรือไม่ก็หนีไม่พ้นจากการถูกแช่แข็งอยู่บนหน้าผานี้

เมื่อดูประติมากรรมน้ำแข็งที่มีรูปร่างมนุษย์บนหน้าผาหิน ผู้คนเหล่านี้ก็แสดงความต้องการในการถอนตัวอย่างชัดเจน

“มันกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว ฉันคงขึ้นหน้าผาหินโกลาหลไม่ได้อีก...ยังไงก็ขึ้นไปไม่ได้แน่”

“มันไปไม่ได้แล้ว หมอกพวกนี้อยู่ที่นั่นเต็มไปหมด เราจะถูกแช่แข็งทันทีที่โดนพวกมัน”

“ไปกันเถอะ ผู้เล่นคนนั้นคงไม่อยากให้พวกเราขึ้นไป”

ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาอยู่ด่านที่สองและด่านที่สาม ด้วยสภาพหนาวเย็นแบบนั้นพวกเขาจึงคิดว่าผู้เล่นลึกลับมีสกิลประเภทน้ำแข็งหรืออาจจะมีสหายที่มีสกิลประเภทน้ำแข็ง

เมื่อมองหน้าผาหินที่กลายเป็นน้ำแข็งในตอนนี้ การคาดเดานี้จึงได้รับการยืนยันแล้ว

“ไม่ใช่ว่าเมื่อกี้มีคนบินขึ้นไปที่นั่นเหรอ?”

จู่ๆก็มีคนจำได้ว่ามีผู้เล่นบางคนที่กลายเป็นมอนสเตอร์บินได้หรือขี่มอนสเตอร์อัญเชิญที่บิน ได้บินขึ้นไปก่อนหน้านี้แล้ว

แต่จนถึงตอนนี้ผู้คนที่บินขึ้นดูเหมือนจะหายไปและไม่มีการเคลื่อนไหวอีก

“ถ้าไม่ตายก็คงถูกแช่แข็ง”

“คงเป็นแบบนั้นแหละ...”

“ไปกันเถอะ”

พวกเขาส่ายหัวและถอนหายใจในขณะที่กำลังจะจากไป และเมื่อหันหลังกลับ พวกเขาก็เห็นผู้เล่นกลุ่มใหญ่กำลังใกล้เข้ามาแล้ว

แม้ว่าจะน้อยกว่าก่อนหน้านี้ครึ่งหนึ่ง แต่คนในกลุ่มนี้ยังมีมากกว่าร้อยคน