Ep.315 - กวาดล้างในคลื่นเดียว
1/2
Ep.315 - กวาดล้างในคลื่นเดียว
อาวุธสีฟ้า!?
ดวงตาของโอนุร้อนวูบ
กระทั่งตัวมันก็ยังไม่มีอาวุธคุณภาพสีฟ้าในครอบครอง
หากมันสามารถดรอปอาวุธชิ้นนี้จากศัตรูได้ พลังรบของมันย่อมก้าวกระโดดอย่างแน่นอน!
การต่อสู้กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ฮังอวี่ดื่มโพชั่นฟื้นพลังชีวิตและพลังจิต
ร่างของโอนุสะท้อนแสงวาบ พุ่งเข้าเข่นฆ่าทันที ทิ่มแทงหอกนับสิบสายออกไป
ฮังอวี่เริ่มด้วยเปิดใช้งานสกิลจู่โจมมุมอับและหายตัวไป เว้นระยะการโจมตี อ้อมไปข้างหลังโอนุ จ้วงหอกด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง แทงหลังโอนุทำดาเมจ 15 หน่วย
ฐานค่าคุณสมบัติของฮังอวี่สูงอยู่แล้ว เมื่อบวกกับโบนัสของอุปกรณ์ดีๆในเลเวล 10 และเอฟเฟกต์ของสกิล ส่งผลให้แม้พละกำลังและความไวจะด้อยกว่าโอนุ แต่อีกฝ่ายก็ยังโดนโจมตีง่ายๆเพราะประมาท
เมื่อหอกแรกทิ่มแทง ความเร็วมือของเขายิ่งเพิ่มขึ้น
เปิดใช้งานโจมตีต่อเนื่อง!
เห็นแค่เพียงเงาหอกแปดสายแทงออกไปในวินาทีเดียว
ทุกการโจมตีแฝงไปด้วยพลังที่สามารถบดขยี้ทองให้แหลกเป็นก้อนกรวด เสี้ยวพริบตาครอบคลุมทั่วร่างโอนุ ส่งผลให้มันแทบไม่สามารถหลบหลีกการโจมตีทั้งหมดได้
แต่โอนุก็ไม่ใช่ตัวกินพืช เพราะเอาจริงๆความว่องไวของมันสูงกว่าฮังอวี่เล็กน้อย ดังนั้นปฏิกิริยาจึงเร็วกว่า ระเบิดกลิ่นอายอันคลุ้มคลั่งรุนแรง เปลี่ยนพวกมันเป็นปราณพลังงานกวาดออกไปทุกทิศทาง
แห่งหนใดที่มันพัดผ่าน หินก้อนแข็งๆถูกบดทำลายเป็นฝุ่นผง
เป็นกระบวนท่าที่ทรงพลังมาก!
คล้ายกับสกิลปราณโทสะคลั่ง
แต่รุนแรงยิ่งกว่า
นี่คือสกิลขั้นต่อไปของปราณโทสะคลั่ง - สกิลขั้น 3 ‘ปราณสงครามคลั่ง!’
ปราณสงครามคลั่งเมื่อเปิดใช้งานจะส่งผลระเบิดปราณออกรอบตัวเช่นเดียวกับปราณโทสะคลั่ง แต่มันมีพลังทำลายล้างที่แก่กล้ากว่า ซึ่งไม่เพียงสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อเป้าหมายในระยะเท่านั้น แต่ยังสามารถลบล้างเอฟเฟกต์มนตราทั้งหมดที่อยู่ในระดับไม่เกินขั้น 3 รวมไปถึงเอฟเฟกต์บัฟ!
นี่คือสกิลสายต่อสู้ที่สามารถใช้งานได้จริงและทรงพลังมาก!
พละกำลังของฮังอวี่และความว่องไวของฮังอวี่นั้นไม่ต่างจากโอนุมากนัก ในแง่อุปกรณ์แม้ฮังอวี่จะมีอาวุธสีฟ้า แต่อุปกรณ์ชิ้นอื่นของโอนุก็ดีกว่าของฮังอวี่เช่นกัน ดังนั้นจึงไม่แตกต่างกันมากนัก
สิ่งที่ต่างกันอย่างมีนัยสำคัญระหว่างทั้งสองคือค่าพลังชีวิต ค่าพลังจิต และสกิล!
พลังชีวิตของโอนุนั้นค่อนข้างเยอะ อีกทั้งยังมีสกิลขั้น 3 อีกหลายอย่าง
นี่คือข้อได้เปรียบที่ฮังอวี่ไม่มี
ท่ามกลางช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อนั้นเอง
ฮังอวี่ตัดสินใจหยุดการโจมตีอย่างเด็ดขาด ทั้งคนทั้งร่างทอแสงวาบ ถอยห่างออกมาสิบเมตรทันที ซึ่งเป็นระยะที่มากพอจะหลีกเลี่ยงการโจมตีจากปราณสงคราม อาจกล่าวได้ว่านี่คือการล่าถอยแบบกระชั้นชิด หากปฏิกิริยาของเขาเชื่องช้ากว่านี้ครึ่งจังหวะ ต่อให้ไม่ตายเกรงว่าคงพิการไปครึ่งร่าง
“เจ้าครอบครองสกิลบลิงค์อันแสนหายาก? แต่แล้วอย่างไร ด้วยพลังรบของเจ้า ไม่มีทางที่จะเอาชนะข้าได้!”
ระหว่างกล่าว
ดวงตาของโอนุเปลี่ยนเป็นสีแดง
บรรยากาศรอบตัวมันเดือดพล่าน ไอน้ำเดือดปุดๆลอยขึ้นจากตัว - สกิลขั้น 2 ‘คลุ้มคลั่งกระหายเลือด!’
ความว่องไว พละกำลัง พลังโจมตี ความเร็วในการเคลื่อนที่ อัตราเร็วในตอนพุ่งตัว ทั้งหมดพุ่งทะยานขึ้น!
มนุษย์จิ้งจอกตนนี้เริ่มเอาจริงแล้ว!
ฮังอวี่กล่าวอย่างสงบ “แกไม่คิดหรือว่ายังเร็วเกินไปที่จะพูดอะไรแบบนี้?”
เหมือนกับโอนุ
ฮังอวี่เปิดใช้งานคลุ้มคลั่งกระหายเลือดเวอร์ชั่นอัพเกรด
วินาทีถัดมา ร่างทั้งสองปะทะกัน
หลังเปิดใช้งานสกิลประจัญบานพร้อมกัน ทั้งคู่แลกเปลี่ยนกันมากกว่าสิบกระบวนท่า แห่งหนใดที่เคลื่อนผ่าน จะดินจะหินล้วนราบเป็นหน้ากลอง การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือดจนคนอื่นๆที่เฝ้ามองอ้าปากค้าง
รวดเร็วเกินไป!
สายตาของผู้รับชมส่วนใหญ่จับจังหวะการโจมตีไม่ทัน!
ฉากตรงหน้าทำให้ทุกคนสูดหายใจลึก
หลายคนสังเกตเห็นได้ จากพลังรบที่ปลดปล่อยออกมา คาดว่ามนุษย์จิ้งจอกตนนี้ น่าจะมีระดับใกล้เคียงกับเจ้าถิ่นขั้นโกลด์!
ทุกคนรู้ดีว่าพลังรบของฮังอวี่นั้นแข็งแกร่งมาก แต่พวกเขาไม่นึกเลยว่าจะแข็งแกร่งขนาดนี้!
แม้ฮังอวี่จะด้อยกว่าในแง่สกิล แต่เขาสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีที่มองว่าอาจสร้างดาเมจสูงได้ตลอดเวลาด้วยเอฟเฟกต์ของจู่โจมมุมอับ โจมตีลมกรด บลิงค์ สกิลต่างๆที่เพิ่มความคล่องแคล่ว รวมไปถึงความสามารถในการตัดสินใจล่วงหน้าของตน
ไดอาน่าคิดในใจ “ผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมฉูกับคนอื่นๆถึงดูมั่นใจนัก”
ในเวลานี้ คริสกับลุคฟื้นคืนชีพเสร็จแล้ว พวกเขายืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน เมื่อเห็นฉากที่ฮังอวี่ต่อสู้กับโออนุ ทั้งสองตกตะลึง
นี่ใช่ความสามารถของมนุษย์จริงๆน่ะหรือ?
ความว่องไวและพละกำลังของเขาร้ายกาจขนาดนี้ได้อย่างไร!
ลุคจำได้ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเขาเคยเอ่ยปากขอท้าประลองกับฮังอวี่ ...
เวลานี้เขาแทบอดใจไม่ไหวที่จะตบหน้าตัวเอง : เชี่ยเถอะนี่มันน่าขายหน้าเกินไปแล้ว!
เจียงหนานตะโกน “ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม ก่อนหน้านี้พี่มหาเทพบอกไว้ว่าเขาจะหาโอกาสโจมตีครั้งใหญ่เพื่อสังหารมนุษย์จิ้งจอกหลายตัวในคราวเดียว พวกเราจะเข้าโจมตีในเวลานั้น”
จ้าวหมิงกล่าวเสริม “ปรับตำแหน่งทีมทันที รอรับคำสั่งโจมตี!”
โอนุต้องยอมรับว่าประสบการณ์ของฮังอวี่นั่นร้ายกาจมาก
บุคคลผู้นี้สามารถใช้สกิลได้อย่างเชี่ยวชาญและหลากหลาย อีกทั้งยังสามารถคาดเดาสกิลที่ตนปลดปล่อยออกมาซ้ำๆได้เสมอ ดังนั้นกะจังหวะใช้โจมตีลมกรดหรือบลิงค์เพื่อหลบหนีได้อย่างทันท่วงที หรือต่อให้อาศัยเพียงพลังรบอย่างเดียว ไม่ต้องใช้สกิลที่กล่าวมาข้างต้นนี้ หากมนุษย์จิ้งจอกตนอื่นเป็นผู้รับมือ เกรงว่าคงไม่มีใครพิชิตเขาลงได้
ทำไมน่ะหรือ?
เพราะยิ่งพลังชีวิตของฮังอวี่ลดลง
เอฟเฟกต์ของสกิลคลุ้มคลั่งกระหายเลือดก็ยิ่งทรงพลังมากขึ้น!
หากคำนวณจากอัตราเร็วของพลังชีวิตที่ค่อยๆลดลงตอนนี้
โอนุจะยังคงสามารถต่อสู้ต่อไปได้อีก 10 นาที
ส่วนฮังอวี่ แม้มีโพชั่นคอยเพิ่มเลือด แต่เขาคงสามารถฝืนอยู่ในสถานะนี้ได้เพียง 1 - 2 นาทีเท่านั้น หากถ่วงเวลาไปถึงตอนนั้นได้ สุดท้ายฮังอวี่ก็จะตาย
แม้โอนุจะคิดไว้แบบนั้น แต่ผลลัพธ์กลับต่างจากความตั้งใจของมันอย่างสิ้นเชิง!
สกิลคลุ้มคลั่งกระหายเลือดมีเอกลักษณ์เฉพาะ
นั่นคือยิ่งอัตราส่วนของพลังชีวิตลดลงมากเท่าใด เอฟเฟกต์ของสกิลก็จะยิ่งแก่กล้าขึ้นเท่านั้น
หากสัดส่วนพลังชีวิตลดลง 10% พลังของสกิลก็จะเพิ่มขึ้น 10%!
หากสัดส่วนพลังชีวิตลดลงถึง 50% พลังของสกิลก็จะเพิ่มขึ้น 50%!
หลังจากต่อสู้มาได้ 30 40 วินาที พลังชีวิตของฮังอวี่ได้ลดลงถึง 60% แล้ว เอฟเฟกต์จากสกิลคลุ้มคลั่งกระหายเลือดเริ่มแก่กล้าขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยพละกำลังที่เพิ่มขึ้น ด้วยปฏิกิริยาที่ฉับไวยิ่งขึ้น และด้วยความเร็วที่มากขึ้น ส่งผลให้ฮังอวี่ค่อยๆตอบโต้โอนุได้อย่างทัดเทียม
และเมื่อสูญเสียพลังชีวิตเกิน 70%!
ฮังอวี่ก็เป็นฝ่ายสะกดโอนุได้อย่างสมบูรณ์
ทุกการโจมตีสามารถสร้างดาเมจอันน่าทึ่ง
ฮังอวี่รักษาพลังชีวิตของเขาให้คงไว้ที่ช่วง 30%
และเพื่อประหยัดค่าพลังจิต เขาจึงไม่ใช้สกิลโจมตีใดๆ ใช้เฉพาะโจมตีลมกรดกับบลิงค์เพื่อหลบหนีเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นการโจมตีธรรมดาที่สร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่องเพื่อดูดเลือดและลดทอนพลังชีวิตที่สูญเสียไปจากสกิล
บาดแผลของโอนุยิ่งมายิ่งมากขึ้น
พลังชีวิตของมันค่อยๆลดต่ำลงจนเหลือประมาณ 50-60%
ฮังอวี่เดาว่าโอนุน่าจะยังมีพลังชีวิตเหลืออยู่ประมาณ 300 หน่วย ดังนั้นเขาจึงปรับสัดส่วนพลังชีวิตของตัวเองอีกครั้ง ปล่อยให้ลดลงเหลือ 10-20% เพื่อที่เอฟเฟกต์ของสกิลจะได้ส่งผล 80-90%
โอนุโกรธมาก
มันไม่เคยเห็นการต่อสู้ที่ราวเล่นกับไฟเช่นนี้มาก่อน!
มันตัดสินใจที่จะสังหารฮังอวี่ให้ตายในลมหายใจเดียว!
ตอนนี้ศัตรูเบื้องหน้าเปราะบางราวกับแผ่นกระดาษ
โอนุปลดปล่อยปราณสงครามคลั่งออกมา ฮังอวี่บลิงค์หลบตามที่คาดไว้ มันเปิดใช้งานประจัญบานพุ่งเข้าทิ่มแทง แต่ก็ถูกฮังอวี่หลบไปอีกทางด้วยโจมตีลมกรด
“เสร็จล่ะ!”
โอนุค้นพบการกระทำอันเป็นแบบแผนของฮังอวี่แล้ว
หลังจากเห็นว่าเขาใช้สกิลหลบหลีกทั้งสองจนหมดสิ้น พริบตานั้นมันหยิบคัมภีร์สกิลออกมาและเตรียมขว้างไปยังทิศทางของฮังอวี่
คัมภีร์สกิลเลเวล 10 : ฝนเพลิง!
ฮังอวี่สัมผัสได้ถึงคลื่นความผันผวนจากพลังงานของคัมภีร์สกิล เขารู้ว่านี่คือสกิลโจมตีระยะไกล ด้วยพลังชีวิตในปัจจุบันของเขาบวกกับพื้นที่แคบในถ้ำ ย่อมไม่มีทางหลบเลี่ยงได้อย่างแน่นอน
ยังไงก็ตาม คัมภีร์สกิลต้องใช้เวลาเล็กน้อยในการปลดปล่อย
ฮังอวี่ใช้โอกาสนี้เปิดใช้งานเกราะผู้บัญชาการ
นี่คือสกิลจากเครื่องประดับชุดเซ็ทสีเขียวเลเวล 5 ของผู้บัญชาการมนุษย์หมูป่า แม้จะเก่าไปบ้าง แต่ก็มากพอที่จะช่วยป้องกันการโจมตีบางส่วน ต้านทานลูกไฟสองสามลูกที่ตกลงบนร่างเขา จากนั้นแหวนในมือซ้ายฮังอวี่พลันสว่างวาบ ปลดปล่อยเทคนิครักษาขั้นสูงร่ายใส่ตัวเอง
นี่คือแหวนสีฟ้าที่เขายืมมาจากเสี่ยวไป๋
ค่าสเตตัสของฮังอวี่นั้นไม่แย่ ดังนั้นยังพอใช้งานมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และเป็นเพราะเทคนิครักษาที่ติดมากับแหวนนั่นเอง ที่ทำให้ฮังอวี่กล้าเล่นกับไฟเช่นนี้
เทคนิครักษาช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตของฮังอวี่ได้เล็กน้อยก็จริง แต่มันมากพอที่จะชดเชยดาเมจที่ได้รับให้สามารถสู้ต่อไปได้
ฮังอวี่ใช้โอกาสนี้เปิดใช้งานสกิลปะทะเดือดใส่โอนุ คมหอกกระแทกเข้าที่หน้าอก ส่งมันปลิวออกไปไกลกว่าสิบเมตรทันที
“ดี ดีมาก บีบบังคับข้าได้ถึงขนาดนี้ เจ้าต้องตาย!”
โอนุที่กระเด็นกลับมาไม่อาจควบคุมสติอารมณ์ได้อีกต่อไป มันคิดไม่ถึงว่าไก่ที่อ่อนแอกลุ่มนี้จะมีฝีมือกว่าที่คาดไว้
แม้โอนุจะไม่หวาดกลัวฮังอวี่
แต่ต่อสู้เช่นนี้ต่อไปมันลำบากเกินไป
ดังนั้น โอนุตัดสินใจเลิกสู้ตัวต่อตัว หันไปสั่งการให้กองทัทพมนุษย์จิ้งจอกโจมตี
ต้องเผชิญหน้ากับโอนุที่พลังชีวิตยังเหลือ 50% และกองทัพมนุษย์จิ้งจอกที่วิ่งเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ทว่ารอยยิ้มกลับปรากฏขึ้นที่มุมปากฮังอวี่
เหนือใบหอกช่วงบน
บังเกิดคลื่นความผันผวนทางพลังงาน
และในเวลาไม่ถึงสองวินาที มันก็ควบรวมพลังจนถึงขีดสุด
โอนุสัมผัสได้ถึงอันตราย สีหน้าของมันแปรเปลี่ยนไป “ถอยกลับ!”
อย่างไรก็ตาม!
สายเกินไปแล้ว!
นับตั้งแต่วินาทีที่ฮังอวี่เปิดใช้งานสกิลนี้--
--ผลการต่อสู้ก็ได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว!