829 - กระดูกศักดิ์สิทธิ์ในรังอีกา
829 - กระดูกศักดิ์สิทธิ์ในรังอีกา
ในโลกใบเล็กๆนี้ มีพืชพรรณอุดมสมบูรณ์ ยาวิญญาณมีอยู่ทุกหนทุกแห่งราวกับทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่เหนือจินตนาการ ปราณแก่นแท้โดยกำเนิดนับไม่ถ้วน หมอกสีม่วงจางทำให้สถานที่แห่งนี้เปรียบดุจดั่งแดนสวรรค์อันล้ำค่า
“ในที่สุดข้าก็รู้แล้วว่าทำไมเผ่าพันธุ์ดึกดำบรรพ์จึงทรงพลัง ยุคที่พวกเขาอาศัยอยู่มีสภาพแวดล้อมเป็นเช่นนี้ พลังจิตวิญญาณถูกเติมเต็มตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้การฝึกฝนของพวกเขาจึงก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว!”
“ต้นไม้โบราณที่สูงชะลูดขึ้นไปบนท้องฟ้า มันเติบโตมานับหมื่นปี หากมันตายหรือสูญสิ้นไป โลกภายนอกอาจจะต้องแห้งแล้งไร้ชีวิต”
ตงฟางเย่และคนอื่นๆก็ต้องแปลกใจ นี่คือโลกวิญญาณเหมือนในสมัยโบราณ ที่เต็มไปด้วยพลังลึกลับ
ในดินแดนนี้ วัตถุหายากและแปลกใหม่ทุกชนิดสามารถเห็นได้ทั่วไป แต่ที่น่ากลัวคือดูเหมือนอสูรที่อยู่ที่นี่หรือแม้แต่ต้นไม้โบราณจะถูกยับยั้งไม่ให้เจริญเติบโตไปมากกว่านี้
มีค่ายกลลึกลับที่ยับยั้งทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะตามปกติแล้วด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพลังจิตวิญญาณที่เห็นอยู่นี้ มันควรจะมีอสูรที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างเป็นมนุษย์ได้
“โลกใบเล็กนี้…”
เย่ฟ่านตกตะลึง เขารู้สึกว่าตัวของเขาเบาสบายและผ่อนคลาย หากเขาได้อยู่ที่นี่ การทะลวงเข้าสู่อาณาจักรแห่งการหยั่งรู้ย่อมเป็นเรื่องง่าย
กฎของโลกภายนอกเปลี่ยนไป ไม่เหมาะสำหรับการฝึกฝนร่างศักดิ์สิทธิ์ แต่สถานที่แห่งนี้กลับแตกต่างออกไป มันยังคงรักษากฎโบราณไว้ทั้งหมด ซึ่งสอดคล้องกับร่างกายของเขาได้เป็นอย่างดี
เย่ฟ่านเดินทอดน่องอย่างสบายๆ แสงแห่งความศักดิ์สิทธิ์ในโลกใบเล็กๆ นี้ทำให้หัวใจของเขาว่างเปล่าและการหยั่งรู้ในเต๋าก็ตามมา
“ที่นี่เป็นสถานที่ที่ดีจริง ๆ หนึ่งปีแห่งการฝึกฝนที่นี่มีค่าเท่ากับโลกภายนอกหลายสิบปี!” ต้วนเต๋อถูมือของเขา ดวงตาของเขาร้อนรุ่ม และต้องการที่จะนำโลกใบเล็กใบนี้ออกไป
“ถ้าไม่ใช่ปราชญ์โบราณมาด้วยตัวเอง จะไม่มีใครสามารถบ่มเพาะในดินแดนลึกลับนี้ได้นาน” ชายชราตาบอดส่ายหน้าอย่างเสียใจ
“นี่คือแอ่งน้ำที่เกิดจากแก่นแท้!” ตงฟางเย่อุทาน
ข้างหน้ามีแอ่งน้ำ แต่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ฉื่อ หมอกหลากสียังลอยอยู่ และแก่นแท้ก็พุ่งออกมา
มันเกิดขึ้นจากการหลอมเหลวของแก่นแท้ของสวรรค์และปฐพี มีต้นกำเนิดบริสุทธิ์ที่อยู่ถัดจากแอ่งน้ำเพื่อสร้างผลึกใส และมียาศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากเติบโตอยู่ข้างๆ
“นี่เป็นต้นกำเนิด เราได้เห็นวิวัฒนาการของมันแล้ว!” หลายคนตกใจ
จากนั้นพวกเขาก็ค้นหาด้วยความตื่นเต้น ถ้าพวกเขาสามารถหาบ่อน้ำต้นกำเนิดแห่งสวรรค์ได้ มันคงเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้อย่างแน่นอน
สำหรับทุกคนที่อยู่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ นั่นเป็นทางลัดที่จะมีอายุยืนยาว และราชวงศ์โบราณก็รอดมาได้ก็เพราะต้นกำเนิดสวรรค์ที่มากมายมหาศาล
“ของเหลวต้นกำเนิดสวรรค์!”
เจ้าอ้วนต้วนอุทานวิ่งเข้าไปทันที ใต้ต้นไม้โบราณสูงตระหง่าน มีแอ่งน้ำเล็กๆ แสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งเข้าหาต้นไม้โบราณทั้งต้นเป็นสีเขียวสดใส
ผู้คนจำนวนมากรวมตัวกันอยู่รอบๆ ด้วยความชื่นชมยินดี หลายปีผ่านไป และตอนนี้ของเหลวจากต้นกำเนิดสวรรค์ชนิดนี้ได้กลายเป็นตำนานไปแล้ว ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน
“เจ้าสามารถเป็นอมตะได้ด้วยการดื่มต้นกำเนิดนี้เพียงสองกำมือ” เย่ฟ่านยิ้ม
เจ้าอ้วนต้วนยังคงหัวเราะคิกคักและหยิบหม้อขนาดเล็กออกมา ปิดผนึกของเหลวต้นกำเนิดสวรรค์อย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ใช้ผนึกแปดสิบเอ็ดผนึกด้วยทักษะลับลึกลับ เพราะกลัวว่ามันจะแข็งตัวในทันที
“ค้นหาต่อไป เราอาจพบทะเลสาบต้นกำเนิดสวรรค์” ต้วนเต๋อไม่พอใจและต้องการกอบโกยมากขึ้น
น่าเสียดายที่พวกเขารู้ว่าสิ่งนี้เป็นไปไม่ได้ แม้แต่ในของเหลวต้นกำเนิดจากยุคบรรพกาลก็หายากมากและยากที่จะได้มา
“โฮก…”
ไกลออกไป มีเสียงคำราม แม่น้ำและภูเขาอันงดงามสั่นไหว ต้นไม้จิตวิญญาณที่ไม่มีที่สิ้นสุดกำลังโบกไปมา ใบไม้สีเขียวพลิกลับ ก้อนเมฆพ่นน้ำอมฤตออกมาส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วท้องฟ้า
“บัดซบ นั่นมัน... มังกร!”
ชายชราตาบอดกลอกตาด้วยความตกใจ ดวงตาสีดำของเขากลิ้งไปมา สว่างกว่าใครๆ
ภายในและภายนอกในภูเขาที่สวยงาม มีมังกรกระโดดขึ้นไปบนฟ้า มันมีความยาวกว่าสองร้อยจั้ง มีเกล็ดสีเขียวเป็นประกาย เขาที่อยู่บนศีรษะของมังกรใหญ่โตเหมือนกับต้นไม้
ดวงตาของตงฟางเย่เป็นประกายและพูดว่า “ข้ากินมังกรป่าไปแล้ว แต่พวกเขาบอกว่ามันเป็นมังกรวารี วันนี้ช่างโชคดีจริงๆที่จะได้กินอาหารเลิศรสอีกครั้ง”
“นั่นมันมังกรวารี ได้รับการพิสูจน์มานานแล้วว่าเป็นจักรพรรดิสัตว์อสูร และมันกำลังจะทะลวงขั้นเป็นผู้อมตะ มันแข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งที่สุดของเอาพันธุ์มนุษย์ได้”
ในที่สุดชายชราตาบอดก็ตัดสินใจหลีกเลี่ยงเมื่อได้ยินคำพูดไร้สาระของตงฟางเย่
อีกฟากหนึ่งของท้องฟ้า เปลวเพลิงกำลังพุ่งทะยานขึ้นสูง มีต้นไม้ที่สูงตระหง่าน และมีรังสีดำอยู่บนนั้น
อีกาทองสามขาพุ่งทะลุท้องฟ้าเพื่อต่อสู้กับจักรพรรดิจากราชวงศ์ทั้งสี่ ตัวนกสีทองเหมือนทองหล่อ และเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็ไหม้ไปเกือบครึ่งท้องฟ้า
“มีสมบัติอยู่ทุกที่จริงๆ...”
ในเวลานี้ ดวงตาของชายชราตาบอดเฉียบแหลมกว่าใครๆ เมื่อมาถึงจุดนี้เขานับว่าเลิกเสแสร้งเป็นคนตาบอดอย่างสมบูรณ์
“มีไข่อยู่บนนั้นสามฟอง แม้ว่าพวกมันจะไม่ใช่อีกาทองที่โตเต็มที่ แต่หากพวกมันได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี พวกมันก็จะเป็นนกศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีใครเทียบได้”
เขายืมอาวุธวิเศษเพียงชิ้นเดียวที่เหลือไว้โดยนักพรตซิงเหอจากต้วนเต๋อเพราะอยากจะขโมยไข่ของอีกาทอง อีกาทองเหล่านี้เป็นราชาสัตว์พาหนะที่ถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
เมื่ออีกาทองเติบโตขึ้น มันจะแข็งแกร่งกว่าปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเป็นเช่นนี้ใครจะไม่อยากได้ใครของมัน
แต่ทว่าการขโมยไข่ในตอนนี้ก็เท่ากับการหยิบเกาลัดออกจากกองไฟ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
“เจ้าจะให้ข้ายืมหรือไม่?” ชายชราตาบอดกลอกตา
“คนที่ยืมสมบัติข้าแล้วไม่คืนล้วนข้ามสะพานไน่เหอ(ตาย)ไปหมดแล้ว ข้าบอกเจ้าไว้ก่อนตัวเจ้าตายไปก็ไม่เป็นไร แต่สมบัติของข้าเจ้าต้องคืนและอย่าทำมันเสียหายเด็ดขาด” ต้วนเต๋อให้ยืมอย่างไม่เต็มใจ
“พรึ่บ!”
ทุ่งดวงดาวกระจายไปทั่วท้องฟ้าก่อนจะก่อตัวเหมือนสะพานพาดไปที่ต้นไม้โบราณ
“พวกเจ้าก็มาด้วยกันสิ มาช่วยข้า มันไม่ง่ายเลยที่จะเข้าใกล้ต้นไม้โบราณนั้นเพียงลำพัง” ชายชราตาบอดสารภาพ
“ไอ้แก่สาระเลว!”
ทุกคนอยากจะเตะชายชราคนนี้ แต่สุดท้ายพวกเขาก็พุ่งผ่านสะพานดวงดาวในพริบตา ทั้งสี่คนร่วงหล่นลงไปในกิ่งไม้โบราณ และมันก็สายเกินไปที่จะถอย
ต้นไม้โบราณนี้สูงกว่าภูเขาที่อยู่รายรอบครึ่งหนึ่ง มันสูงตระหง่านราวกับเสาค้ำยันสวรรค์ ลำต้นเป็นสีทองซีด และมีเปลวเพลิงที่ลุกโชนเป็นอนันต์
“ต้นไม้โบราณนี้เป็นสมบัติหายากที่สามารถกลั่นเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ประเภทไฟได้!” ต้วนเต๋อน้ำลายไหล
“นี่ไม่ใช่ต้นฝูหรงธรมดา แต่เป็นจักรพรรดิต้นไม้อัคคีที่คล้ายคลึงกัน ตามตำนานเล่าว่าต้นฝูหรงที่แท้จริงนั้นอยู่ในอาณาจักรเซียนและมีอีกาทองโบราณที่เป็นผู้อมตะอาศัยอยู่” ชายชรากล่าว
จักรพรรดิแห่งต้นไม้อัคคีมีใบไม้สีทองซีดสั่นไหว เปลวเพลิงก็ทะยานขึ้น ความร้อนของเปลวเพลิงราวกับว่าม้ันสามารถเผาผลาญได้ทุกสิ่ง
ในรังสีดำมีไข่ทองสามฟอง ไม่ใหญ่มาก มีขนาดเท่าศีรษะมนุษย์เท่านั้น ไข่แต่ละฟองเป็นเหมือนลูกไฟสีทอง อุณหภูมิร้อนจนน่ากลัว และทำให้พวกเขารู้สึกกังวล
“ข้าจะเอาไข่ศักดิ์สิทธิ์ไปหนึ่งฟอง หากปล่อยให้อยู่กับมารดาของมันก็ไม่รู้ว่าไข่เหล่านี้จะเติบโตได้หรือไม่ ข้าจะเอาไปดูแลแทนมารดาของมันเอง ส่วนที่เหลือพวกเจ้าก็แบ่งไปบ้าง”
ชายชราตาบอดกล่าวด้วยท่าทีเห็นอกเห็นใจ
“เห็นได้ชัดว่าเจ้ามาขโมยไข่แต่ยังกล้าสำรอกวาจาไร้สาระแบบนี้ออกมาอีก!” ตงฟางเย่ดูถูกเขา
“เอ๊ะ มีสมบัติอยู่ในรังนี้!”
ทันทีที่เขาเข้าใกล้ต้วนเต๋อก็ตะโกนและคนอื่นๆ อีกหลายคนก็รู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ สงบ และกว้างใหญ่ มีต้นกำเนิดพลังบริสุทธิ์ไหลออกมา ทำให้รังสีดำทั้งหมดมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก
“วิ๊ด วิ๊ด...”
หนูวิญญาณในแขนเสื้อของต้วนเต๋อส่งเสียงร้อง มันเป็นทายาทของนักล่าสมบัติ แม้ว่าจะไม่ใช่เลือดบริสุทธิ์เสียทีเดียวแต่ก็ยังสามารถสัมผัสได้ในระยะใกล้
พวกเขาตกลงบนรังและเกือบจะล้มลงกับพื้น พลังอันยิ่งใหญ่มหาศาลกำลังพลุ่งพล่านทำให้พวกเขาสั่นสะท้านด้วยความตื่นตระหนก
“ยอดเยี่ยม!”
ในที่สุด พวกเขาก็ค้นพบความผิดปกตินี้ ที่ใจกลางรังสีดำ มีกระดูกอยู่ใต้ไข่สีทองทั้งสามใบ มันดูเก่าแก่มาก และมีประกายสีทองซีดไหลออกมา
“กระดูกของปราชญ์โบราณ!”
“กระดูกอมตะ!”
“นี่คือ... กระดูกศักดิ์สิทธิ์ที่เปลี่ยนเป็นเต๋า” พวกเขาทั้งหมดอุทาน
แม้ว่าวิสุทธิชนโบราณจะตายไปแล้ว แต่เนื้อหนังของพวกเขาจะยังคงเป็นอมตะ อย่างไรก็ตามมีวิสุทธิชนบางคนไม่ต้องการที่จะละทิ้งร่างของพวกเขาไว้เบื้องหลังและเลือกที่จะสลายร่างกายของตัวเอง
นั่นเป็นเหตุผลให้บางครั้งก็มีกระดูกของพวกเขาหลงเหลืออยู่บ้างเพราะมันเป็นส่วนที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุด ซึ่งจะไม่ถูกทำลายเมื่อพวกเขาบรรลุความเป็นอมตะ