ตอนที่ 172 ทีวีจอขาวดำ
สำหรับผู้ชายอย่างซูข่าน ต้องไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธเขาอยู่แล้ว เขาเต็มไปด้วยเสห่ห์และความลึกลับ
หวางหมันหยูก็ไม่สามารถต้านทานได้เช่นกัน แต่ซูข่านดูเหมือนว่าเขาก็ไม่ได้ต้องการเช่นนั้น
เธอยังรู้สึกไม่กล้าขอซูข่านไปดื่มชาที่ห้องเขา ลองเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นดูดีไหมนะ
เป็นไปได้ไหมจะลองชวนเขาดื่มกาแฟดู
รึหว่างที่เธอกำลังคิดหาทางขึ้นไปดื่มอะไรสักอย่างบนห้อง ซูข่านก็ได้พูดขึ้นมา
"ขอบคุณที่มาบอกข่าวสารครับผู้จัดการหวาง"
ซูข่านวางตะเกียบลงบนจาน ดูเหมือนว่าเขาจะได้กินอิ่มท้องแล้ว อาหารที่เสิร์ฟไม่ได้มีปริมาณมากจนเกินไป
อาหารทั้ง 5 จานจึงถูกสามารถกินได้โดยคนเพียงสองคน แต่ถ้าสำหรับจางหม่านแล้วน่าจะต้อง 10 จานขึ้น
หวางหมันหยูทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่เธอก็ไม่พูด เธอทำอยู่ 2-3 ครั้ง
"ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ เดี่ยวมีโอกาสผมจะไปหาคุณที่ธนาคาร HSBC"
ซูข่านยืนขึ้น เขาจัดเสื้อผ้าของเขา
"คุณซูจะไปแล้วเหรอ?"
หวางหมันหยูเริ่มทำตัวไม่ถูก
"ใช่ครับ ตอนนี้มันดึกมากแล้ว ที่เซียงเจียงดูเหมือนจะไม่มีสถานที่เหมาะสมที่จะไปดื่มต่อเลย"
ซูข่านพูดด้วยรอยยิ้มและมองไปที่หวางหมันหยู
หวางหมันหยูยิ้มตอบให้กับซูข่าน แต่ดูเหมือนภายในปากของเธอกำลังกัดฟันแน่นอยู่ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ชวนฉันไปดื่มชาบนห้องเลย
เขากำลังจะกลับไปห้องของเขาแล้ว….
พระเจ้า….เขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
"ไว้พบกันใหม่ครับผู้จัดการหวาง"
หลังจากพูดจบซูข่านก็หันหลังและเดินไปทางลิฟต์พร้อมกดไปยังชั้นบนสุด
"อ่ะ ไปแล้ว….."
หวางหมันหยูมองไปที่หลังของซูข่านด้วยความโกรธ เธออยากจะทุบตีซูข่านให้ตายคามือของเธอตอนนี้
"ปั๊กๆๆ"
หวางหมันหยูกระทีบเท้าของเธอไปที่พื้น 2-3 ครั้ง โชคดีที่มีพรมอยู่ในห้องทานอาหาร
และโต๊ะที่ซูข่านได้พาเธอมานั่ง ดูเหมือนจะห่างไกลจากผู้คนพอสมควร จึงไม่มีใครเห็นหรือได้ยินหวางหมันหยู
ไม่อย่างงั้นเธอจะต้องอับอายเพิ่มจากเดิม
"บ้าเอ่ย"
หวางหม่านหยูกำหมัดของเธอไว้แน่น และมองไปที่ประตูลิฟต์
"ฉันไม่เข้าใจความคิดของเขาเลยจริงๆ"
หวางหมันหยูรู้สึกได้เลย ถึงแม้ว่าซูข่านจะพูดเพียงเท่านั้นแต่มันก็เหมือนกับปฏิเสธกับเธออ้อมๆ
หากว่าเขาพูดมาตรงๆ บางทีหวางหมันหยูจะโกรธน้อยกว่านี้อีก
"อ้ากกกกกกก"
หวางหมันหยูตะโกนออกมาเบาๆ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ความรู้สึกของเธอดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอีก
"กริ้ง"
ประตูลิฟต์เปิดออก ซูข่านได้เดินออกมาและเอาคีย์การ์ดแตะไปที่ประตูของห้องเขา
เขาเปิดประตูเข้าห้องและเดินไปที่โซฟาก่อนจะทิ้งตัวลงนั่ง
"เฮ้อออ"
ซูข่านถอนหายใจยาวออกมา และพูดด้วยรอยยิ้ม
"ความแน่วแน่ของเธอดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนไปเลยนะ"
ซูข่านกำลังคิดถึงหวางหมันหยูที่ต้องการมาดื่มชาที่ห้องกับเขาในครั้งก่อน แต่ตอนนั้นเขาได้ปฏิเสธเสียงแข็งกับเธอ
วันนี้ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ยอมแพ้และยังอยากขึ้นมาเหมือนเดิม
โชคดีที่เขารีบขึ้นมาก่อน ไม่อย่างงั้นเธออาจโดนปฏิเสธรอบ 2 ได้
ซูข่านส่ายหัวและเดินไปที่หน้าต่าง จากนั้นเขาก็ได้เปิดม่านออก
วิวทิวทัศน์ภายนอกของอ่าววิคตอเรียในตอนกลางคืน มีแสงระยิบระยับจากท่าเรือและท่ายอร์ช ดูไกลๆเหมือนกับไข่มุกที่อยู่ท่ามกลางความมืดมิดของน้ำทะเล
ณ เวลานี้ที่อ่าววิคตอเรียยังคงคึกครื้น มีเรือสำราญแล่นเข้าและออกอยู่เรื่อยๆ
ซูข่านชื่นชมกับทิวทัศน์สักครู่ ก่อนจะไปอาบน้ำและมาเปิดทีวีดู
เขาได้เปลี่ยนไปช่องรายการหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะเป็นละครชอลิ้วเฮียงสมัยก่อน ยังคงมีดาราหนุ่มสาวในเซียงเจียงที่มาแสดง
พวกเขาและเธอยังดูเด็กกันอยู่เลย มันทำให้ชอลิ้วเฮียงของโกวเล้งดูมีชีวิตชีวาขึ้น
ตอนที่ละครเรื่องนี้มาฉายที่หนานจิง ซูขานจำได้ว่าเขาชอบดูมันมาก ทุกวันเขามารอที่หน้าทีวีเพื่อรอดู
มีละครที่ผลิตในฮ่องกงอีกจำนวนมากที่เป็นที่นิยมในประเทศจีน พวกเขามีอิทธิพลต่อทั้งประเทศ
ซูข่านมองไปที่ทีวีที่อยู่ตรงหน้าเขา ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างออกมาเหมือนคิดอะไรออก
ด้วยความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในประเทศจีน ทีวีหรือโทรทัศน์จะกลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีติดอยู่ทุกบ้าน มันยอดนิยมมากกว่าตู้เย็นหรือว่าแอร์อีก
ในชนบทของประเทศจีน คนที่มีทีวีอยู่ที่บ้านจะเป็นคนที่ดูรวยมาก หลายครอบครับรีบทานอาหารเย็นกันแล้วจะไปดูทีวีของบ้านหลังนั้น
หากว่าทีวีเครื่องหนึ่งราคาประมาณ 100 หยวน ลองคิดดูว่าบ้านในประเทศจีนมีกี่หลัง จำนวนเงินที่จะได้มันจะบ้าขนาดไหน
ต่อให้ไปอยู่ในยุคอินเตอร์เน็ต ทีวีก็ยังจำเป็นอยู่ในบ้าน แม้แต่ในยุคของสมาร์ทโฟนก็ยังมีรายการทีวีที่สามารถดูย้อนหลังหรือจะดูสดได้ในโทรศัพท์ก็ได้
ทีวีเครื่องเดียวสามารถทำได้มากกว่าดูรายการด้วยซ้ำ มันยังสามารถเล่น วิดีโอ เพลง หนัง ฯลฯ
"บางทีอาจผลิตจอขาวดำได้"
ซูข่านกำลังคิดถึงโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ของลู่กั๋วเฉียงอยู่ ตอนนี้ที่นั่นมีช่างฝีมือดีอยู่หลายคน และยังมีทรัพยากรที่สามารถพัฒนาขึ้นไปได้อีก
บริษัทที่ผลิตทีวีจอขาวดำในประเทศจีน หลายบริษัทได้กลายเป็นบริษัทชั้นนำของโลก เรียกได้บอกชื่อไปก็จะรู้จักกันเป็นอย่างดี
พวกเขาสามารถเอาชนะแบรนด์ใหญ่ๆ อย่าง Panasonic ของญี่ปุ่นได้
ยิ่งคิดดูเหมือนว่าซูข่านก็ยิ่งตากว้างขึ้นเรื่อยๆ เขากำลังสนใจในอุตสาหากรรมทีวีจอขาวดำอยู่
"เดี๋ยวฉันจะคิดเรื่องนี้อีกทีหนึ่งตอนกลับไปที่เผิงเฉิง"
ซูข่านพูดกับตัวเองและพยักหน้าเบาๆ
ถ้าเขากลับไปที่เผิงเฉิงรอบหน้า ตอนนั้นคือฟิวเจอร์น้ำมันได้ถูกขายไปหมดแล้ว เขาจะมีสภาพคล่องทางการเงินหลายพันหรือหมื่นล้าน
ด้วยจำนวนเงินมหาศาลขนาดนี้ อาจจะแบ่งมาสัก 10 หรือ 20 ล้านเพื่อลงทุนในการผลิตทีวีจอขาวดำที่ดีที่สุดในเผิงเฉิง
นอกจากนี้แล้วดูเหมือนว่าบริษัทเล็กๆในยุโรปจะเพิ่งเริ่มก่อตั้งกันขึ้น พวกเขาจะมีเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สามารถทำให้วงการทีวีก้าวกระโดดขึ้นไปได้ แต่พวกเขาก็ได้หมดเงินไปเพราะลงทุนไปกับเทคโนโลยีจนล้มละลาย
ทาง Panasonic ก็รีบซื้อเทคโนโยลีเหล่านี้มาพัฒนา่ต่อและกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ในทีวียุคหลัง