บทที่ 47 ฉันคิดว่านายกำลังหาเรื่องโดนดีซะแล้วล่ะ
ในขณะที่หลินหยวนกำลังคิดเรื่องนี้ จี้เฉียนก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน
เพราะหลินหยวนมองเธอด้วยดวงตาที่ชัดเจนมาก
การมองของหลินหยวนนั้นไม่ทำให้เธอรู้สึกถึงความหยาบคาย
เขาสงบและไม่ได้รับผลกระทบจากบุคลิกที่ไม่แยแสตามธรรมชาติของเธอ
จี้เฉียนได้รับการอบรมจากครอบครัวของเธอตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กและเมื่อรวมกับบุคลิกของเธอแล้ว บุคลิกที่ไม่แยแสและสูงส่งของเธอสามารถทำให้คนอื่นก้มหัวโดยไม่รู้ตัวเมื่อเผชิญหน้ากับเธอ แต่ หลินหยวนดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น
ทั้งคู่กำลังวิเคราะห์กันและกันแต่ยังคงนิ่งเงียบและไม่มีใครพูดอะไร
ไม่นานนัก นิทรรศการดนตรีก็เริ่มขึ้น
วิทยาลัยดนตรีเจียงเป่ยถือได้ว่าเป็นหนึ่งในห้าสถาบันดนตรีที่สำคัญ
วิทยาลัยดนตรีเจียงเป่ยนั้นน่าทึ่งมาก
ไม่เพียงแค่มีชายหญิงที่หล่อสวยบนเวทีเท่านั้น แต่พวกเขายังเล่นเครื่องดนตรี ร้องเพลง หรือเต้นได้ดีอีกด้วย
ทันใดนั้นชานชูเหวินก็ขึ้นไปบนเวที
ชานชูเหวินนั่งหน้าเปียโนพร้อมกับเหลือบมองหลินหยวนและจี้เฉียน
จากนั้นชานชูเหวินก็กล่าวว่า “ด้วยตัวคนเดียว จนถึงวันนี้ ฉันฝึกเปียโนมาสามปีแล้ว”
“ฉันฝึกซ้อมจนมือทั้งสองข้างของฉันถูกพันด้วยผ้าพันแผล”
“ฉันฝึกฝนเพื่อพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง”
“ฉันแค่อยากจะเล่นเพลงกับเธอคนนั้น”
เมื่อได้ยินคำพูดของชานชูเหวิน ผู้ชมจำนวนมากก็ร้อง ‘ว้าว’ ออกมา ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่เขาพูดนั้นโรแมนติกมากและเหมาะสมกับสถานการณ์
“นี่สิคนหนุ่มสาว!”
“เอาล่ะไอ้หนู! ฉันขอให้นายโชคดี!”
หลังจากได้รับคำตอบดังกล่าว ชานชูเหวินก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจและกล่าวต่อว่า “บุคคลคนนั้นคือคุณจี้เฉียน ฉัน…”
ก่อนที่ชานชูเหวินจะพูดต่อ เสียงเชียร์ของผู้ฟังก็เปลี่ยนไป
“เฮ้! เล่นเพลงกับเทพธิดาจี้เฉียนเนี่ยนะ? ฉันคิดว่านายกำลังหาเรื่องโดนดีซะแล้วล่ะ!”
“ใช่! เล่นเพลงกับเทพธิดาจี้หมายความว่ายังไง? ทำไมนายไม่ไปส่องกระจกแล้วเทียบตัวเองกับเทพบุตรหลินหยวนซะก่อน?”
“เทียบกับเทพบุตรของฉันแล้วนายน่าเกลียดเกินไป ไอ้หนู ฉันแนะนำให้นายไปส่องกระจกซะก่อน!”
ชานชูเหวินไม่ได้คาดหวังว่าผู้ชมจะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รุนแรงเช่นนี้
เขาหุบปากอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าที่จะพูดต่อแล้วจึงเริ่มเล่นเปียโน
“ติง ติง ติง…”
หลังจากเสียงเปียโนดังขึ้นทุกคนก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะฝีมือของเขาค่อนข้างใช้ได้
“หึ่งง…”
เสียงดังออกมาจากเปียโน
ชานชูเหวินเล่นเพลงชื่อ ‘Flight of the BumbleBee’
จังหวะค่อนข้างเร็ว แต่ดูเหมือนมันจะง่ายสำหรับเขา
หลังจากเล่นเสร็จเขาก็ได้รับคำชมมากมาย
ชานชูเหวินยืนขึ้นอย่างภาคภูมิใจและมองไปทางจี้เฉียนและหลินหยวน
มีการแสดงออกที่ยั่วยุเล็กน้อยในดวงตาของหลินหยวน
หยูชานชานพูดอย่างไม่สบายใจในทันที “อวดดีจริงๆ! ฉันไม่รู้ว่ามันดียังไง ทั้งหมดที่ฉันได้ยินมีแต่เสียงหึ่งๆเท่านั้นเอง!”
หลินหยวนยิ้มและพูดว่า “จริงๆแล้วเขาสามารถเล่นได้ค่อนข้างดี มีเพี้ยนพียงเล็กน้อยและจังหวะโอเค มันไม่ได้ส่งผลต่อความรู้สึกของผู้ชมมากเกินไป แต่เพียงแค่เราไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความดุร้ายอย่างที่ผึ้งควรจะมี ดูเหมือนว่าเขาจะเน้นที่การแสดงทักษะของเขาเท่านั้น”
จี้เฉียนที่ด้านข้างพยักหน้า “ใช่ คุณพูดถูก”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินหยวน ดวงตาของหยูชานชานก็สว่างขึ้นและกล่าวว่า “ลูกพี่ลูกน้อง คุณรู้จักการเล่นเปียโนด้วยหรอ!”
“ฉันเข้าใจมันนิดหน่อย” หลินหยวนยิ้ม
“ถ้างั้นคุณจะขึ้นไปบนเวทีและเล่นเพลงไหม? เจ้าคนแซ่ชานนั้นน่ารังเกียจเกินไปและฉันก็อยากเห็นคุณเล่นเปียโนจริงๆ!” หยูชานชานตื่นเต้นราวกับเด็กๆ
“เฉียนเฉียน เธอก็อยากเห็นเหมือนกันใช่ไหม?” เธอยังลากจี้เฉียนเข้ามาร่วมด้วย
เมื่อเห็นดวงตาของหยูชานชาน จี้เฉียนก็อดยิ้มไม่ได้
อย่างไรก็ตาม หลินหยวนยังคงนิ่งและยิ้ม “นิทรรศการดนตรีวันนี้เป็นนิทรรศการของโรงเรียนคุณ ฉันจะขึ้นไปเล่นได้ยังไง ไม่ใช่ว่ามันผิดกฎหรอ?”
**********