ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 36 พวกเจ้าทั้งหมดต้องตาย
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 36 พวกเจ้าทั้งหมดต้องตาย
แปลโดย iPAT
พ่อบ้านหลิวกลายเป็นพูดติดอ่าง “ปะ...ปะ...เป็นไปไม่ได้ ป้อมวายุทมิฬอยู่ห่างจากเรามาก พวกเขาไม่เคยมาที่นี่มาก่อน...” บ้านของเขาใหญ่โตที่สุดในหมู่บ้าน หากป้อมวายุทมิฬเล็งเป้ามาที่หมู่บ้านกระทิงหมอบ พวกเขาจะมาหาเขาเป็นคนแรก
“ข้าได้ยินมาว่าหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ป้อมวายุทมิฬเสริมแนวป้องกันและสร้างกำแพงที่แข็งแกร่งขึ้นแล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาเล็งเป้ามายังหมู่บ้านที่อยู่ห่างออกมา ตอนนี้ใกล้ฤดูหนาวแล้ว เรายังต้องกักตุนอาหาร พ่อบ้านหลิว ยุ้งฉางของท่านต้องเต็ม!”
“ทางการจะไม่ทำอะไรเลยงั้นหรือ?” หลี่ฉิงซานเข้าใจสิ่งต่างๆมากขึ้นแล้ว มันปรากฏว่าโจรภูเขาก็มีฤดูล่าของพวกเขา สำหรับนักล่า ฤดูใบไม้ร่วงถือเป็นฤดูล่าสัตว์ครั้งใหญ่ของพวกเขา ในทำนองเดียวกัน มันก็เป็นฤดูออกล่าของโจรภูเขาเช่นกัน หลังจากทั้งหมดฤดูใบไม้ร่วงเป็นช่วงเวลาที่ชาวบ้านพึ่งเก็บเกี่ยวผลผลิตของพวกเขา
“ฮืม ทางการเก็บภาษีพวกเราทุกปีโดยบอกว่าพวกเขาต้องการเงินเพื่อจัดการกับโจรภูเขาแต่จนถึงวันนี้พวกเขาก็ยังไม่ทำสิ่งใด!”
พ่อบ้านหลิวกล่าว “หะ...หากเป็นเช่นนั้นเราจะทำอย่างไร? เสี่ยวหลง เหตุใดเจ้าไม่พาคนมาด้วย?”
หลี่หลงชำเลืองมองพ่อบ้านหลิวอย่างไม่พอใจ เหตุใดเขาจะไม่ต้องการนำคนมา? แต่เขาเป็นเพียงศิษย์ของสำนัก เขาไม่ใช่อาจารย์ เขาสามารถเข้ากันได้ดีกับศิษย์คนอื่นๆ แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเรียกคนเหล่านั้นมาเผชิญหน้ากับกองโจรจากป้อมวายุทมิฬ
อย่างไรก็ตามเขาได้รับการยอมรับจากราชสีห์เหล็กเพราะการแนะนำจากพ่อบ้านหลิวเมื่อหลายปีก่อน เมื่อพิจารณาถึงเรื่องนี้ เขาก็ไม่สามารถตำหนิอีกฝ่าย ดังนั้นทั้งหมดที่เขาพูดได้ก็คือ “ข้าคนเดียวก็เพียงพอแล้ว ผู้นำป้อมวายุทมิฬจะไม่ออกมาด้วยตนเอง มันควรเป็นหนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาคนสนิทของเขา ตราบเท่าที่ข้าบอกชื่ออาจารย์ของข้า เขาควรให้เกียรติข้าบ้าง แต่ข้าต้องการคนที่จะยืนอยู่เคียงข้างเพื่อทำให้พวกเราดูน่าเกรงขามมากขึ้น ฉิงซาน...”
หลี่หลงมองหลี่ฉิงซานด้วยความประหม่า หากคนแข็งแกร่งเช่นหลี่ฉิงซานยืนอยู่เคียงข้างเขา เขาจะมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
หลี่ฉิงซานไม่แน่ใจว่าวิธีนี้จะได้ผลหรือไม่ พวกโจรจะเดินทางไกลเพียงเพื่อมาเยี่ยมชมที่นี่งั้นหรือ? พวกเขาจะกลับไปหลังจากได้ยินชื่อคนผู้หนึ่งหรือไม่? อย่างไรก็ตามเขาจะไม่ยอมให้คนนอกมารื้อค้นหมู่บ้านที่เขาเกิดและเติบโตขึ้นมา เขากำหมัดแน่น “ให้เป็นหน้าที่ของข้า”
เมื่อหลี่ฉิงซานกล่าวเช่นนี้ หัวใจของหลี่หลงก็ผ่อนคลายลง ด้วยการคงอยู่ของนักสู้ชั้นสามในฐานะผู้ช่วย เขามีความมั่นใจมากขึ้นในการจัดการกับเรื่องนี้ ในความเป็นจริงนี่เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่เขายอมจำนนต่อหลี่ฉิงซานอย่างง่ายดาย
หัวหน้าหมู่บ้านหลี่และพ่อบ้านหลิวจัดเตรียมคนงานและยามรักษาความปลอดภัยบางส่วน พวกเขายังติดอาวุธให้คนเหล่านั้น แม้ข่าวจะถูกปิดไว้แต่บรรยากาศก็ตึงเครียดขึ้นทันที
พ่อบ้านหลิวกล่าวด้วยร่างสั่นเทา “เสี่ยวหลง เราควรไปหลบภัยที่อื่นเป็นการชั่วคราวหรือไม่?”
หลี่หลงกล่าว “ไม่จำเป็นสำหรับเรื่องนั้น พวกเขามาเพื่อปล้นสะดม พวกเขาจะไม่ฆ่าหรือเผาทำลายโดยไร้เหตุผล อย่างไรก็ตาม พ่อบ้านหลิว ท่านอาจต้องจ่ายราคาค่อนข้างมากในครั้งนี้”
พ่อบ้านหลิวถอนหายใจยาว เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ แม้เขาจะสามารถลี้ภัยแต่เขาก็ไม่สามารถนำทรัพย์สินทั้งหมดไปด้วย
พวกเขารอคอยอยู่ในบ้านอย่างเงียบๆ ร่างกายของหลี่หูและหลี่เปาเต็มไปด้วยเหงื่อขณะที่พวกเขาถืออาวุธไว้ในมืออย่างแน่นหนา พวกเขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงข่าวลือที่น่าสะพรึงกลัวต่างๆที่พวกเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับป้อมวายุทมิฬ
หลี่หลงชำเลืองมองน้องชายทั้งสอง จากนั้นก็หันหน้าไปทางหลี่ฉิงซานซึ่งนั่งปิดเปลือกตาอยู่ที่นั่น หลี่หลงลอบถอนหายใจอยู่ภายใน ‘หากพวกเจ้ามีความกล้าแม้เพียงครึ่งหนึ่งของเขา ข้าจะพาพวกเจ้าไปเมืองชิงหยางอย่างแน่นอน’
ทันใดนั้นเสียงบางอย่างก็ดังขึ้น
ก่อนที่ค่ำคืนจะมาถึง เสียงโลหะกระทบกันก็ดังก้องไปทั่วหมู่บ้าน เสียงนี้มาจากหน่วยสอดแนมนอกหมู่บ้าน เขาเป็นเด็กหูตาไว้ที่ถูกคัดเลือกมาโดยพ่อบ้านหลิว
“พวกมันมาแล้ว” หลี่หลงกล่าว
เปลือกตาของหลี่ฉิงซานเปิดขึ้น โจรชั่วเหล่านี้กล้าที่จะมาปล้นสะดมภายใต้แสงตะวันจริงๆ
เสียงแจ้งเตือนหยุดลงในที่สุด
ชาวบ้านสองสามคนรีบวิ่งไปที่ทางเข้าหมู่บ้าน แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นคือฝุ่นควันที่ลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศ หลังจากชั่วครู่กลุ่มคนหลายสิบชีวิตก็ปรากฏตัวขึ้น แต่ไม่ว่าพวกเขาจะสูง เตี้ย อ้วน หรือผอม ทุกคนล้วนมีใบหน้าที่ชั่วร้าย ผู้นำกลุ่มขี่ม้าที่สามารถเคลื่อนตัวผ่านป่ารกทึบ ขณะเดียวกันมือของเขาก็ถือศีรษะเปื้อนเลือดเอาไว้
“เสี่ยวลิ่ว!” พ่อบ้านหลิวอุทาน มันเป็นศีรษะของเด็กที่เขาส่งออกไปสอดแนม พวกโจรฆ่าเขาจริงๆ นี่ทำให้พ่อบ้านหลิวแทบล้มทั้งยืนด้วยความตกใจ เขามองไปที่หลี่หลงราวกับต้องการกล่าวว่า ‘เจ้าบอกว่าพวกเขาจะไม่ฆ่าโดยไร้เหตุผลมิใช่หรือ?’
คิ้วของหลี่หลงกระตุกก่อนที่เขาจะกระซิบ “พวกมันฆ่าเพื่อแสดงความแข็งแกร่ง” หลังจากนั้นเขาก็ป้องหมัดและกล่าวเสียงดัง “ข้าชื่อหลี่หลงแห่งสำนักกำปั้นเหล็ก ข้าขอทราบนามของคุณชายจากป้อมวายุทมิฬได้หรือไม่?”
“นี่คือนายน้อยลำดับที่สามของเรา หากเจ้าฉลาดก็มอบเงินและอาหารออกมา อย่าสร้างความยุ่งยากให้ปู่ของเจ้าผู้นี้ มิฉะนั้นข้าจะเผาหมู่บ้านโสโครกของเจ้า!” โจรผู้หนึ่งประกาศขณะที่โจรคนอื่นๆเร่งตอบรับเสียงดัง พวกเขายังกวัดแกว่งอาวุธด้วยใบหน้าเย้ยหยันราวกับพวกเขากำลังจะเชือดฝูงแกะ
นายน้อยลำดับที่สามที่ถูกเอ่ยอ้างถึงมีหนวดเคราเต็มหน้าและดูดุร้าย เขาโยนศีรษะเด็กลงบนพื้น มันกลิ้งไปที่เท้าของหลี่หลง “สำนักกำปั้นเหล็กงั้นหรือ? หากราชสีห์เหล็กอยู่ที่นี่ ข้าจะไปทันที แต่เจ้าเป็นผู้ใด?”
ตั้งแต่เห็นฝุ่นควัน หลี่หูและหลี่เปาก็กลัวจนตัวสั่น กระทั่งถึงจุดนี้ในที่สุดขาของพวกเขาก็หมดแรง พวกเขาทรุดตัวลงบนพื้นอย่างน่าอนาถ
กลุ่มโจรหัวเราะเสียงดัง “นายน้อยสาม ท่านช่างน่าประทับใจนัก!”
การแสดงออกของหลี่หลงเปลี่ยนไป เขาอ้าปากค้าง มีข่าวลือว่าท่ามกลางนายน้อยของป้อมวายุทมิศ นายน้อยสามโหดเหี้ยมที่สุด อารมณ์ของเขาเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เขาสามารถทำทุกสิ่งตั้งแต่การข่มขืนไปถึงการลักพาตัว ในสายตาของชาวบ้านที่อยู่ใกล้กับป้อมวายุทมิศ นายน้อยสามผู้นี้น่ากลัวยิ่งกว่าเจ้าป้อม
อย่างไรก็ตามตั้งแต่เขาถามว่าหลี่หลงเป็นใคร มันก็แสดงให้เห็นว่าเขายังกลัวสำนักกำปั้นเหล็กอยู่บ้าง เขาต้องการทราบความสัมพันธ์ระหว่างหลี่หลงกับราชสีห์เหล็ก
ไม่มีทางเลือกในสถานการณ์ปัจจุบัน หลี่หลงทำได้เพียงระงับความโกรธของตนเองเท่านั้น “ข้าเป็นศิษย์คนสุดท้ายของท่านอาจารย์ ข้ารู้ว่านายน้อยสามกำลังจะมา แน่นอนว่าข้าย่อมไม่ให้ท่านกลับไปมือเปล่า ข้าเตรียมของขวัญเล็กๆน้อยๆไว้แล้ว โปรดไว้ชีวิตคนของหมู่บ้านกระทิงหมอบเพื่อเห็นแก่ท่านอาจารย์ของข้าด้วย”
พ่อบ้านหลิวส่งมอบกล่องไหมด้วยร่างกายสั่นเทา ด้วยการสะบัดแส้ม้า กล่องไหมบินไปอยู่ในมือของนายน้อยสามอย่างแม่นยำ นี่แสดงให้เห็นถึงทักษะที่โดดเด่นของเขา
หลังจากเปิดกล่อง สิ่งแรกที่เขาเห็นคือแสงสะท้อนสีเงินที่วาบวับ แต่ใบหน้าของเขากลับค่อยๆมืดลง “หนึ่งร้อยตำลึง เจ้าเห็นพวกเราเป็นขอทานงั้นหรือ?”
“นะ...นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ นี่คือทั้งหมดที่เราทำได้แล้ว”
“ก่อนค่ำ ข้าต้องเห็นเงินหนึ่งพันตำลึงกับธัญพืชครึ่งตัน มิฉะนั้น...ฮืม!” นายน้อยสามเลียริมฝีปากก่อนจะเผยรอยยิ้มชั่วร้าย “พี่น้องของข้าต้องการยืมตัวหญิงงามสองสามคน อย่ากังวล นี่ไม่ใช่การปล้นแต่เป็นการยืมเท่านั้น เราจะคืนให้พวกเจ้าในฤดูใบไม้ผลิ”
กลุ่มโจรเผยรอยยิ้มชั่วร้ายขณะที่โจรผู้หนึ่งกล่าว “มันเป็นพรสำหรับหญิงที่สามารถปรนนิบัตินายน้อยสามของเรา!”
โจรอีกคนกล่าวเสริม “ฤดูใบไม้ผลิหน้า บางทีหญิงเหล่านั้นอาจไม่อยากกลับมาที่นี่อีก”
อย่างไรก็ตามหลี่หลงรู้ว่าไม่มีผู้หญิงแม้แต่คนเดียวที่ได้กลับมาจากป้อมวายุทมิฬ พวกนางจะถูกข่มขืนจนตาย เขาพูดเสียงดัง “นายน้อยสาม ท่านจะไม่แยแสสำนักกำปั้นเหล็กจริงๆงั้นหรือ?”
อีกด้านหนึ่งพ่อบ้านหลิวตกตะลึงกับตัวเลขและกลายเป็นพูดไม่ออกไปแล้ว
“อย่าให้ข้ารอนาน!” นายน้อยสามไม่แม้แต่จะชำเลืองมองหลี่หลง เขามองย้อนกลับไปและออกคำสั่งลูกน้องของเขา “กระตุ้นพวกเขา!”
โจรมากกว่ายี่สิบคนเดินเข้าไปหมู่บ้านและทุบประตูบ้านทุกหลัง ชาวบ้านมากกว่าร้อยชีวิตถูกต้อนออกมาราวกับฝูงแกะและยืนรวมตัวกันด้วยความหวาดกลัว เสียงเห่าของสุนัข เสียงสะอื้นไห้ของผู้หญิงและเด็กดังขึ้นทำให้มันดูสับสนวุ่นวาย
นายน้อยสามหัวเราะเสียงดัง เขามองสิ่งนี้และกล่าว “คืนนี้เราจะพักอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้!”
“เด็กคนนั้นอายุเพียงสิบสี่ เขายังเด็กมาก เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย”
ทันใดนั้นเสียงสายหนึ่งก็ดังขึ้น บรรยากาศกลายเป็นเงียบสงัด มันไม่เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามท่ามกลางความเงียบดูเหมือนจะมีเจตนาสังหารแฝงอยู่
หลี่ฉิงซานหยิบศีรษะของเสี่ยวลิ่วขึ้นมาจากพื้นและปิดเปลือกตาที่เบิกค้างของเด็กน้อยก่อนจะไว้อาลัยให้ฝ่ายหลัง
นายน้อยสามหรี่ตามอง “เจ้าคือผู้ใด?” เขาไม่ได้สังเกตเห็นหลี่ฉิงซานมาก่อนหน้านี้ ตั้งแต่เริ่มต้น เมื่อเขาโยนศีรษะของเด็กลงบนพื้น หลี่ฉิงซานก็ก้มศีรษะลงและตัวสั่นด้วยความโกรธ อย่างไรก็ตามนายน้อยสามคิดว่าอีกฝ่ายกำลังหวาดกลัว
แต่ตอนนี้หลี่ฉิงซานไม่สั่นอีกต่อไป เขากล่าวอย่างช้าๆ “เขาเป็นเด็กที่ว่องไวและเฉลียวฉลาด พ่อแม่ของเขาต้องรักเขามากอย่างแน่นอน”
นายน้อยสามกล่าว “เจ้าพยายามกล่าวสิ่งใด?”
ทันใดนั้นหลี่ฉิงซานก็เงยหน้าขึ้น “วันนี้พวกเจ้าทั้งหมดต้องตาย!”