ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 35 ข่าวที่น่าตกใจ
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 35 ข่าวที่น่าตกใจ
แปลโดย iPAT
มันกลายเป็นว่ากลุ่มคนบนยอดเขาไป่เหล่าในวันนั้นมาจากนิกายถ้ำมังกร ชายที่เย่อหยิ่งผู้นั้นก็คือนายน้อยของนิกาย หลี่ฉิงซานไม่แปลกใจอีกต่อไปที่ชายผู้นั้นจะหยิ่งผยอง
หลี่หลงรู้สึกประหลาดใจ “เจ้ารู้จักเจ้าเสือป่วยด้วยงั้นหรือ?” เป็นเพียงเวลานี้ที่เขาสังเกตเห็นธนูบนแผ่นหลังของหลี่ฉิงซาน เนื่องจากฮวงปิงหูไม่ค่อยไปที่เมืองชิงหยาง หลี่หลงจึงไม่สามารถยืนยันว่านี่คือธนูแยกหินหรือไม่
หลี่ฉิงซานพยักหน้าแต่ไม่อธิบายเพิ่มเติม
หลี่หลงกล่าวต่อ “เช่นนั้นทักษะการต่อสู้ของเจ้าน่าจะมาจาก...”
“ไม่! และเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ หากเจ้าต้องการแก้แค้น เพียงมาหาข้า” หลี่ฉิงซานไม่ต้องการใช้หนังเสือของฮวงปิงหูเป็นธงเพื่อทำให้ศัตรูหวาดกลัว เขาไม่ต้องการพึ่งพาอิทธิพลของผู้อื่น
หลี่หลงคิดกับตนเอง ‘ทักษะการต่อสู้ของหลี่ฉิงซานเทียบเท่ากับนักสู้ชั้นสาม เช่นนั้นอาจารย์ของเขาจะอยู่ระดับใด? นอกจากนี้เขามีความสัมพันธ์ใดกับฮวงปิงหู? เรื่องทะเลาะวิวาทระหว่างข้ากับเขาเป็นเพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆ ดังนั้นแม้ข้าจะฆ่าเขา มันก็ไม่มีประโยชน์กับข้า จะดีกว่าหากข้าแก้ไขความคับข้องใจและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีแทน’
หลังจากตัดสินใจ การแสดงออกของหลี่หลงก็ปลี่ยนไป เขาเผยรอยยิ้มแม้มันจะเป็นการฝืนยิ้มก็ตาม “หลี่ฉิงซาน เราเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ความคับข้องใจระหว่างเราเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย อย่าถือหาความกันอีกเลย”
หลี่ฉิงซานรู้สึกประหลาดใจกับคำตอบนี้ เดิมทีเขาคิดว่าเรื่องนี้จะทำให้ผู้อาวุโสที่อยู่เบื้องหลังหลี่หลงโกรธ เมื่อรังแตนถูกยั่วยุ พวกมันจะออกไล่ล่าเขาไปจนสุดถนน จากนั้นเขาจะถูกบังคับให้ระเบิดพลังออกมาและสังหารหมู่
เขาไม่เคยคิดว่าทัศนคติของหลี่หลงจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ดูเหมือนเขาจะเป็นคนที่มีความยืดหยุ่นและค่อนข้างไร้ยางอาย นี่ทำให้หลี่ฉิงซานได้เปิดหูเปิดตากับความเฉลียวฉลาดของคนในยุทธภพ
หลี่หลงยิ้ม “ข้าชกเจ้าสามหมัดขณะที่เจ้าชกข้าเพียงสองหมัด แท้จริงแล้วมันควรจะจบด้วยความเท่าเทียม”
“เจ้ายินดีที่จะทำให้มันเท่าเทียมจริงๆงั้นหรือ?” หลี่ฉิงซานรู้ว่าทัศนคติของหลี่หลงเปลี่ยนไปเพราะอิทธิพลของฮวงปิงหู เมื่อเขาคิดว่านี่เป็นครั้งที่สองที่เขาพึ่งพาชื่อเสียงของผู้อื่นเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา จิตใจของเขาก็เริ่มปั่นป่วนอีกครั้ง
เขาหวังว่าวันหนึ่งเขาจะเป็นเช่นเดียวกันกับฮวงปิงหู ไม่ เขาต้องดีกว่าฮวงปิงหูที่แม้จะอยู่ห่างออกไปนับพันนับหมื่นลี้ ผู้คนก็ยังแสดงความเคารพอย่างสุดซึ้งเมื่อชื่อของเขาถูกเอ่ยถึง
หลี่หลงฝืนปั้นรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า “ไม่จำเป็นสำหรับสิ่งนั้น อย่ายืนอยู่ที่นี่อีกเลย เขาไปคุยในบ้านกันเถอะ หมู่บ้านกระทิงหมอบของเราโชคดีมากที่สามารถผลิตวีรบุรุษหนุ่มเช่นเจ้า ดังนั้นข้าจึงต้องการทำความรู้จักเจ้าให้มากขึ้น” จากนั้นเขาก็ป้องหมัดไปรอบๆ “สหายทุกท่าน โปรดกลับไปก่อน หากข้ามีเวลา ข้าจะไปเยี่ยมพวกท่านอย่างแน่นอน”
ชาวบ้านมองหน้ากัน ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอยู่นอกเหนือความคาดหมายของทุกคน แต่เนื่องจากหลี่หลงไล่พวกเขาแล้ว พวกเขาจึงไม่กล้าอยู่ต่อ อย่างไรก็ตามในใจของพวกเขา หลี่ฉิงซานได้เข้าแทนที่ตำแหน่งของหลี่หลงในฐานะอัจฉริยะอันดับหนึ่งของหมู่บ้านกระทิงหมอบไปแล้วอย่างเงียบๆ
ตั้งแต่หลี่หลงแสดงออกอย่างสุภาพ หลี่ฉิงซานจึงไม่สามารถปฏิเสธ แท้จริงแล้วมันเป็นเช่นที่หลี่หลงกล่าว ไม่มีความคับข้องใจใดเป็นพิเศษระหว่างพวกเขา นอกจากนั้นเขายังต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับเมืองชิงหยางให้มากขึ้น เขาต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิกายถ้ำมังกร
ภานใต้สายตาที่หวาดกลัวและชื่นชมของทุกคน หลี่ฉิงซานได้รับเชิญให้เข้าไปในบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านหลี่ ต่างจากความรู้สึกกังวลใจเมื่อครั้งที่เขาไปร่วมงานเลี้ยงของพ่อบ้านหลิว ตอนนี้เขารู้สึกผ่อนคลายและสบายใจมาก ท้ายที่สุดนี่ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพจิตใจหลังจากความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น
“ฉิงซาน ทักษะการต่อสู้ของเจ้าช่างน่าประทับใจนัก เจ้าเคยคิดที่จะเข้าร่วมสำนักในเมืองชิงหยางบ้างหรือไม่? สำนักกำปั้นเหล็กของเรายินดีต้องรับอัจฉริยะจากทั่วทุกมุมโลก ด้วยความสามารถของเจ้า อาจารย์ของข้าต้องชอบเจ้ามากอย่างแน่นอน” หลี่หลงพยายามผูกมัดเขาตั้งแต่แรก
“แต่ข้ามีทักษะการต่อสู้ของตัวเองอยู่แล้ว ข้าจะเข้าร่วมสำนักกำปั้นเหล็กได้งั้นหรือ?” หลี่ฉิงซานชื่นชมความอดทนของหลี่หลงแต่เขาไม่รู้เรื่องความขัดแย้งภายในของสำนักกำปั้นเหล็ก หากหลี่หลงสามารถดึงหลี่ฉิงซานเข้าร่วม มันจะเป็นประโยชน์ต่อสถานะของเขาในสำนัก
“เห็นได้ชัดว่าต้องมีคนรับรอง แต่ไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าสามารถรับรองเจ้า! สำนักกำปั้นเหล็กของเราใหญ่โตกว้างขวางมาก อิทธิพลและอำนาจของเราไม่ได้จำกัดอยู่ที่เมืองชิงหยางเท่านั้น สาขาหลักของสำนักตั้งอยู่ในมณฑลชิงเหอ ตราบเท่าที่หมัดของเจ้าแข็งพอและมีผลงานบางอย่าง อนาคตของเจ้าจะสดใส เจ้าจะไม่ขาดแคลนผู้หญิงและเงินทอง!”
ความอิจฉาปรากฏบนใบหน้าของหลี่หูและหลี่เปา พวกเขาไม่ได้รับการรับรองจากพี่ชายของตนเองทำให้พวกเขาไม่สามารถดื่มด่ำกับความมั่งคั่งและหญิงงามในเมืองใหญ่
“ถูกต้อง ถูกต้อง บุตรชายของข้า หลิวเหนิงเป็นพ่อบ้านของวีรบุรุษเฒ่าหลิว เขาจะได้รับการดูแลเช่นเดียวกันในอนาคต” พ่อบ้านหลิวกล่าว โชคดีที่เขาไม่ได้ทำให้หลี่ฉิงซานขุ่นเคืองมากไปกว่าสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากทั้งหมดผู้ใดจะคิดว่าเด็กเลี้ยงวัวจะกลายเป็นจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งในเวลาเพียงไม่กี่เดือน
หลี่หลงกล่าวต่อขณะที่หลี่ฉิงซานค่อยๆเข้าใจสำนักกำปั้นเหล็กมากขึ้น มันไม่ต่างจากนิกายหรือสมาคมต่างๆที่อยู่ในเมือง วีรบุรุษเฒ่าหลิวที่มีฉายาว่าราชสีห์เหล็กคือผู้นำสาขาย่อยของสำนักกำปั้นเหล็ก
หลี่ฉิงซานกล่าว “โปรดให้อภัยกับคำถามของข้า แต่ข้าขอทราบได้หรือไม่ว่าวีรบุรุษเฒ่าหลิวอยู่ในระดับใดในยุทธภพ?”
“หากเจ้าถามคนอื่น พวกเขาอาจไม่สามารถตอบคำถามนี้ อาจารย์ของข้าเป็นผู้เชี่ยวชาญเคล็ดวิชากำปั้นเหล็ก เขาเป็นนักสู้ชั้นสอง”
“หากเปรียบเทียบเขากับข้าเป็นอย่างไร?”
“นั่น...” หลี่หลงไม่เคยคิดว่าหลี่ฉิงซานจะเปรียบเทียบตนเองกับบุคคลที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเมืองชิงหยางและเป็นอาจารย์ของเขา นี่ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจนัก “ข้าไม่ได้กล่าวเกินจริง ทักษะการต่อสู้ของเจ้าน่าประทับใจ ฉิงซาน แต่เจ้ายังอยู่อันดับต้นๆของนักสู้ชั้นสามเท่านั้น เจ้ายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านอาจารย์”
“เช่นนั้นข้าขอถามได้หรือไม่ว่าการจัดระดับเหล่านี้มีหลักเกณฑ์อย่างไร?”
“อาจารย์ของข้าบอกว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่มีทักษะการต่อสู้ขั้นพื้นฐานสามารถเอาชนะคนธรรมดาสามถึงห้าคน ขณะที่นักสู้ในยุทธภพสามารถล้มผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปสามถึงห้าคน มันไม่ใช่การวัดที่แม่นยำ แต่มันเป็นแนวทางทั่วไป เมื่อเจ้าสามารถก้าวข้ามตัวเลขดังกล่าว ระดับของเจ้าจะเพิ่มขึ้น”
“อย่างไรก็ตามนั่นพิจารณาเพียงการเผชิญหน้าอย่างตรงไปตรงมาเท่านั้น หากมีการหลบหนีหรือการลอบโจมตีเข้ามาเกี่ยวข้อง นักสู้ชั้นหนึ่งที่มีทักษะท่าร่างช่วยสนับสนุนการเคลื่อนไหวสามารถเอาชนะนักสู้ชั้นสองหลายสิบคน แต่นักธนูที่ฝึกฝนมาหลายปีสามารถสังหารนักสู้ชั้นหนึ่งได้เช่นกัน”
หลี่ฉิงซานได้รับความเข้าใจอย่างคร่าวๆเกี่ยวกับระดับความแข็งแกร่งของคนในยุทธภพ คนเก็บโสมมีทักษะบางอย่าง พวกเขาถือเป็นนักสู้ นั่นเป็นเหตุผลที่หลี่ฉิงซานทำได้เพียงคว้าชัยชนะที่น่าสังเวชมาเท่านั้น
หลังจากฝึกฝนอย่างหนักในช่วงสองสามเดือนแรก เขายังไม่สามารถบรรลุถึงระดับนักสู้ชั้นสาม หลังจากดื่มสุราจิตวิญญาณ เขากลายเป็นนักสู้ชั้นสามที่แท้จริง หลี่หลงเป็นนักสู้เช่นกันแต่เขายังไม่ใช่นักสู้ชั้นแนวหน้า นี่ทำให้เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ฉิงซาน
“ขอโทษด้วย ข้าสัญญากับหัวหน้านักล่าฮวงว่าจะเข้าร่วมกับหมู่บ้านบังเหียนม้าแล้ว ดังน้นข้าคงไม่สามารถตอบรับคำเชิญของเจ้า” เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงอดีต ในช่วงเวลานั้นเขายังไม่แม้แต่จะสามารถนอนหลับอย่างสงบสุขอยู่ในคอกวัว เขาถูกปฏิบัติเหมือนหอกข้างแคร่โดยครอบครัวของเขาเอง คนเหล่านั้นยังพยายามขับไล่และฉกชิงสมบัติของเขา อย่างไรก็ตามตอนนี้เขากลับถูกเชิญไปยังสถานที่ต่างๆ
หลี่หลงไม่แปลกใจ เขาคาดเดาเรื่องนี้ไว้แล้ว “หมู่บ้านบังเหียนม้าไม่สามารถมอบผลประโยชน์ให้เจ้าได้มากเท่ากับสำนักกำปั้นเหล็กในเมืองชิงหยางของเรา พวกเขาอยู่ในภูเขา พวกเขาจะเปรียบเทียบกับสำนักที่อยู่ในเมืองใหญ่ได้อย่างไร? อย่างไรก็ตามหากเจ้าเปลี่ยนใจ มาที่เมืองชิงหยาง สำนักกำปั้นเหล็กยินดีต้อนรับเจ้าเสมอ เพียงเอ่ยชื่อข้า”
หลี่ฉิงซานยิ้ม เป็นไปตามความคาดหมาย มีคนไม่มากที่เดินทางท่องเที่ยวอยู่ในยุทธภพเพื่อรักษาความยุติธรรมและช่วยเหลือคนอ่อนแอ เขายังถามอีกหลายคำถามกับหลี่หลงขณะที่ฝ่ายหลังตอบทุกอย่างที่เขารู้ นี่ทำให้หลี่ฉิงซานตระหนักว่าหลี่หลงเป็นคนใจกว้างและมีเหตุผล ดังนั้นเขาจึงแสดงความเคารพต่ออีกฝ่ายมากขึ้นเล็กน้อย “พี่หลี่ วันนี้ไม่ใช่เทศกาล เหตุใดท่านจึงกลับมา?”
หลี่หลงกระซิบ “แม้เจ้าจะไม่ถาม ข้าก็ต้องบอกเจ้าอยู่แล้ว ข้ากลับมาครั้งนี้เพราะมีเรื่องสำคัญที่เป็นอันตรายต่อหมู่บ้านกระทิงหมอบของเรา หมู่บ้านกระทิงหมอบอาจตกเป็นเป้าหมายของป้อมวายุทมิฬ”
นอกจากหลี่ฉิงซาน ทุกคนในบ้านตื่นตระหนกทันที