บทที่ 35 การโต้กลับของหลินหยวน!
หลินหยวนที่ดูเหมือนจะพูดแทนเขามาจนถึงตอนนี้จู่ๆก็แทงเขาที่ด้านหลัง!
ภายใต้สถานการณ์ที่วุ่นวายเขายังแจ้งความกับตำรวจ!
ยิ่งกว่านั้นเขายื่นฟ้องคดีอาญาต่อเขาอีกด้วย!
การทำร้ายผู้อื่นภายใต้อิทธิพลของแอลกอฮอล์ ทำลายทรัพย์สิน เริ่มการต่อสู้ และสร้างปัญหาที่คลับ ฯลฯ ถือเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงมากเมื่อเทียบกับข้อกล่าวหาครั้งก่อนที่ล่วงละเมิดใครซักคน ซึ่งเขาเพียงต้องจ่ายค่าชดเชยบางส่วนเท่านั้น
เกิดอะไรขึ้นกับนายน้อยคนนี้?
ไม่ใช่ว่าหลินหยวนไว้ใจเขาและพูดแทนเขามาตลอดงั้นเหรอ?
ผู้หญิงสวยที่อยู่ข้างๆต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับนายน้อยคนนี้ เขาสังเกตเห็นการจ้องมองที่หลงใหลและเต็มไปด้วยความสงสัยของเธอ
เย่เฟิงเงยหน้าขึ้นมองหลินหยวน เพียงเห็นว่าหลินหยวนจ้องมองเขาอย่างสนุกสนานด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้าของเขา
เย่เฟิงตื่นขึ้นจากความมึนเมาของเขาทันทีเมื่อเห็นท่าทางขี้เล่นบนใบหน้าของหลินหยวนและตระหนักถึงบางสิ่ง
เขารู้ว่านี่คือการจัดฉาก! การสมรู้ร่วมคิด!
เขาไม่รู้ว่าทำไมคำสองคำนี้จึงแวบเข้ามาในหัวของเขา!
เขาเข้าใจว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ฉากที่ออกแบบโดยนายน้อยเพื่อใส่ร้ายเขา นั่นเป็นแผนการสมรู้ร่วมคิด!
อย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้ว่าทำไมนายน้อยคนนี้ต้องการใส่ร้ายเขา
แต่สัญชาตญาณของเขากำลังบอกเขาว่า เขาคิดถูกว่าหลินหยวนต้องการใส่ร้ายเขา
เย่เฟิงคำรามด้วยความโกรธ “ไอ้สารเลว! แกจัดฉากทั้งหมดนี้เพื่อใส่ร้ายฉันใช่ไหม ฉันไปทำอะไรให้แกหรือไง!”
เย่เฟิงเดินไปหาหลินหยวนขณะที่เขาพูด ทำท่าเหมือนจะทำร้ายหลินหยวน
หลงหวู่และคนอื่นๆได้สร้างกำแพงระหว่างหลินหยวนและเย่เฟิงอย่างรวดเร็วและยืนหยัดเพื่อปกป้องนายน้อยของพวกเขา
นอกจากนี้ หลงหวู่และผู้คุ้มกันคนอื่นๆยังได้สัมผัสวัตถุโลหะแข็งที่ซ่อนอยู่ในเสื้อผ้าของพวกเขา
เย่เฟิงมีความสามารถในการต่อสู้ที่น่าอัศจรรย์ แต่เขากลัวว่าจะไม่สามารถเอาชนะพวกเขาทั้งหมดได้หากเขาถูกรุม
หลินหยวนไม่ต้องการให้สถานการณ์บานปลายจนชีวิตของเขาถูกคุกคาม เขาไม่อยากต้อนเย่เฟิงให้จนมุมและกระตุ้นให้เย่เฟิงกระทำการอย่างสิ้นหวัง
ดังนั้นแม้ว่าเขาจะสามารถแลกเปลี่ยนความมั่งคั่งเป็นคะแนนโต้กลับและอัพเกรดค่าสถานะของเขาได้ แต่เขาก็ยังคิดเพิ่มเติมอย่างรอบคอบเพื่อปกป้องชีวิตของตัวเอง
เขาสั่งให้หลงหวู่นำบอดี้การ์ดที่มีทักษะสูงมาคุ้มกันโดยเฉพาะ
เย่เฟิงที่ไม่พอใจก็สงบลงทันทีเมื่อเห็นสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยที่เขากำลังเผชิญอยู่
เขาเข้าใจจากท่าทางและการเคลื่อนไหวของบอดี้การ์ดเหล่านี้ว่าพวกเขามีทักษะสูง
ในฐานะราชาทหารรับจ้าง เขารู้ดีว่าศัตรูเหล่านี้ไม่สามารถจัดการได้ง่ายนัก
เขามีความแข็งแกร่งในการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวและมั่นใจในการเอาชนะพวกมันทุกคนด้วยการต่อสู้ประชิดตัวหรือต่อสู้ด้วยอาวุธ
ถ้ามีการยิงกัน เขาก็มั่นใจว่าจะกำจัดพวกมันทั้งหมดได้แต่เขาก็ต้องมีปืนด้วย
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในปัจจุบันแตกต่างอย่างมากจากสถานการณ์ในอุดมคติ เขาเพิ่งลงจากเครื่องบินและผ่านจุดตรวจความปลอดภัยก่อนมาที่นี่ ดังนั้นเขาจึงไม่มีปืน ในทางกลับกัน เขาไม่รู้ว่าศัตรูของเขามีปืนกี่กระบอก
“ทุกคน ถอยออกไป! ทุกคนถอยออกไปให้หมด!” ทันใดนั้นตำรวจสองสามนายก็รีบมาที่บาร์และแหวกผ่านฝูงชนเข้ามา
“พวกคุณเป็นคนโทรแจ้งตำรวจใช่ไหม” ตำรวจนายหนึ่งถามขึ้น
ด้วยการให้สัญญาณของหลินหยวน หลงหวู่และพนักงานคนอื่นๆก็ออกมาข้างหน้าและเริ่มเล่าลำดับเหตุการณ์ให้ตำรวจฟัง เมื่อรวมเข้ากับวิดีโอการตรวจสอบของช่วงเวลานั้น พิสูจน์ได้อย่างขัดเจนว่าเย่เฟิงเมามาก
หลักฐานยังพิสูจน์ว่าเย่เฟิงได้ทำร้ายผู้อื่นภายใต้อิทธิพลของแอลกอฮอล์ ทรัพย์สินที่เสียหาย ฯลฯ เย่เฟิงไม่มีโอกาสที่จะหลบหนีจากข้อกล่าวหาและจะถูกคุมตัวไว้อย่างน้อย 7 ถึง 15 วัน
หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วตำรวจก็จับกุมเย่เฟิง
เย่เฟิงคำรามด้วยความโกรธแต่ไม่ได้ขัดขืนการจับกุม
เขาโกรธมากเมื่อรู้ว่าเขาตกหลุมพรางแผนของหลินหยวน
อย่างไรก็ตาม เขาเพิ่งกลับมาที่ประเทศจีน และถ้าเขากล้าต่อต้านการจับกุม ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก
ยิ่งกว่านั้น เมื่อเขาถูกนำไปที่สถานีตำรวจ เขาสามารถขอให้พี่ชายร่วมสาบานช่วยเขาออกจากคุกก่อนเวลาได้
“ชื่อ” เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งถามเขา โดยถือคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเพื่อบันทึกคำให้การของเขา
“เย่เฟิง” เย่เฟิงตอบ
“คุณเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศหรือเปล่า”
“ใช่”
“คุณมี…”
เจ้าหน้าที่สอบสวนยังคงถามเขาต่อไป
เหยียนหรูเยว่ผู้ซึ่งเฝ้าดูการสอบสวนด้านข้างรู้สึกประหลาดใจ
เย่เฟิง?
เธอจำได้ว่าชายที่แม่ของเธอขอให้เธอไปรับจากสนามบินนั้นชื่อเย่เฟิง
‘เขาเป็นคนเดียวกับที่แม่ต้องการให้ฉันไปรับที่สนามบินหรือไม่’
‘หรือว่าเป็นแค่คนชื่อเหมือน?’
แต่มันจะบังเอิญเกินไปรึเปล่าเพราะเขาก็พึ่งกลับมาจากต่างประเทศ?
เธอไม่ได้คาดหวังว่าเพื่อนเก่าของแม่ของเธอจะขอให้เธอไปรับคนประเภทนี้
เหยียนหรูเยว่ส่ายหัว เธอเต็มไปด้วยความรังเกียจต่อเย่เฟิงและไม่ต้องการมองเขาอีก
ตอนนี้เธอไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องไปรับใคร
【ติ๊ง! โฮสต์เปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องสำเร็จ! รางวัล คะแนนโต้กลับ +500】
เสียงเตือนของระบบดังขึ้นในใจของเขา
“แกเป็นนายน้อยของตระกูลหลินใช่ไหม? แกรอฉันก่อนเถอะ!” ขณะที่เขาถูกตำรวจพาตัวไป เย่เฟิงก็เดินผ่านหลินหยวนและพูดคำเหล่านี้ด้วยสีหน้ามุ่งร้าย
หลินหยวนหัวเราะตอบ “ก็แค่เสียงเห่าของสุนัขขี้แพ้!”
[1] เป็นสำนวนที่พูดโดยพื้นฐานว่าผู้แพ้ไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ของเขา เขาไม่สามารถยอมรับได้ว่ามีคนเอาชนะเขา เขาทำได้แค่แสดงความคับข้องใจและบลัฟ แต่จะไม่ดำเนินการใดๆ
“เดินไปข้างหน้า! อย่ามัวแต่พูดไร้สาระ!” เจ้าหน้าที่ผลักเย่เฟิงไปข้างหน้าและเขาทำได้เพียงแสดงความโกรธออกมา
“ฉันจะจำแกไว้!” หวังเอ้อโก่วพูดอย่างดุเดือดกับหลินหยวนโดยมีสีหน้าแบบเดียวกันกับเย่เฟิง
อย่างไรก็ตาม การแสดงออกในดวงตาของเขาบ่งบอกว่าเขากำลังประจบประแจงหลินหยวน
หลินหยวนพยักหน้าเพื่อแสดงความเห็นชอบของเขา
วันนี้หวังเอ้อโก่วทำได้ดีมาก
เขาและหลงหวู่เล่นเป็นคนมีคุณธรรมและหวังเอ้อโก่วเล่นเป็นตัวร้ายได้อย่างสมบูรณ์แบบ เย่เฟิงไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่เหมาะสมในการจัดการกับสถานการณ์ เขาสูญเสียการควบคุมเพราะการแสดงที่ยอดเยี่ยมของพวกเขา
เย่เฟิงเกลียดหลินหยวนสุดใจ
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ในตอนนี้ เขาทำได้เพียงขึ้นไปบนรถตำรวจเท่านั้น
ในทางกลับกัน หลินหยวนกลับไปที่รถโดยที่เหยียนหรูเยว่เลือกที่จะนั่งข้างคนขับโดยไม่คาดคิด
เธอเลือกที่จะนั่งข้างหลินหยวน!
“ขอโทษนะ มันใช้เวลานานไปหน่อย” หลินหยวนกล่าว
เหยียนหรูเยว่ส่ายหัวและพูดว่า “ไม่เป็นไร ฉันไม่ต้องไปรับใครแล้ว เย่เฟิงคนนี้อาจเป็นคนเดียวกันกับที่แม่ของฉันขอให้ไปรับที่สนามบิน”
“คุณสามารถถามแม่ของคุณเพื่อความแน่ใจได้ บางทีเขาอาจเป็นแค่คนชื่อเหมือน คุณควรถามแม่ของคุณเพื่อยืนยันว่าเป็นคนเดียวกันหรือไม่” หลินหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
******