ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0071
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0073

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0072


บทที่ 25 เหตุผลที่นักผจญภัย ออกผจญภัย (4)

* * *

การสวดวิงวอนต้องหลับตาทุกครั้ง

นี่คือกฎ ศาสนจักรเทวราชาคือผู้รับใช้เทพ และเทพคือตัวตนที่ต้องสรรเสริญด้วยหัวใจทั้งหมด

กฎจึงถูกบัญญัติเช่นนั้น

ขณะใช้ปาฏิหาริย์โดยการยืมพลังเทพ จงหลับตาและวางตัวอย่างมีมารยาท

ห้ามใช้ปาฏิหาริย์กับตัวตนที่ไม่ใช่ลูกหลานเทพ เพราะชะตากรรมของสิ่งเหล่านั้นล้วนอยู่ในกำมือเทพ ห้ามเข้าไปแทรกแซงเด็ดขาด

นักบุญหญิงวีว่าซิสซิโม่ เฝ้ามองบาดแผลของสัตว์วิเศษที่ค่อยๆ ฟื้นฟู

เธอเงยหน้า และเห็นผืนป่าสีเขียวกำลังส่องแสง

นักบุญหญิงสัมผัสถึงสายตาจากมนุษย์

เธอหลับตาลง สัมผัสถึงลมหายใจที่คงที่ของสัตว์วิเศษ สัมผัสถึงความอบอุ่นของชีวิตที่แล่นผ่านขนหยาบๆ มายังฝ่ามือ สัมผัสถึงกลิ่นหอมลึกลับจากปลายจมูก

ทุกอย่างดีไปหมด

วีว่าซิสซิโม่เงยหน้าขึ้นและจ้องมนุษย์

มนุษย์กำลังยิ้มให้ มิได้เก็บซ่อนความสุขอันเกิดจากฝีมือของนักบุญหญิง

“ป่าก็จะจดจำเธอเหมือนกัน”

น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความสุข

อิสรภาพ — เธอยังพูดได้ไม่เต็มปากว่าเข้าใจมัน

ตอนนี้เพียงรู้สึกถึงความสุข แม้ในอดีตจะเคยได้รับคำชมมากมาย แต่เทียบไม่ได้เลยกับประโยคเมื่อครู่

แหงนมองขึ้นไปข้างบน

แสงที่ส่องจากผลไม้ มอบความอบอุ่นอย่างน่าประหลาด

ย้อนกลับไปในตอนที่เพิ่งเข้าป่า เธอรู้สึกถึงความงดงาม

แต่นั่นเป็นแค่ส่วนน้อยของป่า

ความงดงามที่แท้จริง ไม่ได้เกิดจากทิวทัศน์อันงดงามและกลิ่นที่หอมหวานเท่านั้น

ซู่ว—!

บางสิ่งค่อยๆ โรยตัวลงมาจากเพดาน เป็นเถาวัลย์สีเหลืองที่ป่าใช้ขยายอาณาเขต

เถาหนึ่งตกลงมาตรงหน้านักบุญหญิง

ปลายเถามีผลไม้กลมๆ สีขาวห้อยอยู่

ฉึบ!

เธอใช้สองมือรับผลไม้ที่ตกลงมา

สมัยอาศัยอยู่ในวิหารเทวราชาบนภูเขาหิมะ นักบุญหญิงไม่เคยเห็นผลไม้เหล่านี้มาก่อน ด้านในมีวังวนที่ดูคล้ายกับส่วนผสมของดาวขนาดเล็ก

ทำไมพืชถึงออกผลเช่นนี้ได้?

มีดาวช่างแกะสลักคอยคุ้มครองป่าแห่งนี้?

ฉึบ!

แสงสว่างจากผลไม้ดับลงทันที ผลไม้ถูกผ่าครึ่ง ดอกไม้งอกจากด้านใน

เป็นดอกเล็กๆ ที่ดูไม่มีราคา

คล้ายกับเพิ่งถือกำเนิดเมื่อสักครู่

“…”

สิ่งที่เพิ่งถือกำเนิด — นักบุญหญิงจ้องมันด้วยความรู้สึกผูกพัน

ดอกไม้ดอกนี้บานสะพรั่งตั้งแต่เกิด ถึงแม้จะเป็นแค่ต้นอ่อนก็ตาม

“โฮ่…”

นักบุญหญิงเงยหน้ามองตามเสียงอุทานของมนุษย์

“เป็นธรรมเนียมของป่าเก่าแก่… พวกเขาเรียนรู้ว่าผู้คนชื่นชอบดอกไม้”

“งั้นหรือ…”

ในเวลาเดียวกัน รอยัลบลัดกำลังประคองดอกไม้เล็กๆ ไว้ในมือ

“สิ่งนี้มีความหมายว่าอะไร”

อัศวินถามขณะจ้องดอกไม้ในมือตัวเอง

“แสดงความขอบคุณ หรือไม่ก็ผูกมิตร ให้มองว่าดอกไม้นี้คือเครื่องรางโชคลาภ เหมือนกับใบโคลเวอร์สี่แฉก”

“ใบโคลเวอร์สี่แฉก?”

“หรืออะไรทำนองนั้น”

นักบุญหญิงก้มหน้าอีกครั้ง

ดอกไม้ไร้สีสัน คือสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ป่าจะมอบให้เธอได้ในตอนนี้

แม้จะเป็นแค่ดอกเล็กๆ แต่ก็มีเรื่องราวมากมายอัดแน่นอยู่ภายใน

เรื่องราวเหล่านั้นทำให้มันดูงดงาม คล้ายกับวีว่าซิสซิโม่เริ่มเข้าใจคุณค่าของสิ่งที่มนุษย์แสวงหา

ความงามมิได้เกิดจากทิวทัศน์ที่สดใสและกลิ่นหอมหวานเท่านั้น

แต่เป็นความยิ่งใหญ่ที่แฝงอยู่ในเรื่องราว

“เหนือสิ่งอื่นใด นี่คือหลักฐานว่าป่ารอดแล้ว… เพราะป่าที่กำลังจะตายไม่สามารถผลิดอกได้ เธอช่วยมันเอาไว้”

มนุษย์ชายยินดียกความดีความชอบให้นักบุญหญิง ทั้งที่ตัวเองเป็นส่วนสำคัญที่สุด

นักบุญหญิงบรรจงใช้สองมือประคองดอกไม้ที่อาจถูกสายลมพัดปลิว

* * *

“เจ้าจะทำยังไงกับมัน”

ลิลี่ถาม คังซอนฮูมองศพปรสิตและตอบ

“ไม่รู้จะเอาไปใช้ทำอะไร… มันบิดเบี้ยวเกินไป ผิวหนังก็แปลกมาก จริงอยู่ ถ้านำกลับไปทั้งหมดอาจจะยังพอมีส่วนที่ใช้ประโยชน์ได้… แต่ฉันไม่อยากทำแบบนั้น”

กล่าวจบ ชายหนุ่มมองไปทางอัศวิน

“เธอจะเอามันกลับไหม”

อัศวินส่ายหน้าอย่างกระอักกระอ่วน

“ไม่ มันดูยุ่งยากเกินไป”

“ถ้าอย่างนั้นก็ทิ้งไว้ที่นี่”

คังซอนฮูจ้องสัตว์วิเศษ อีกฝ่ายอาจยังไม่ฟื้น แต่ลมหายใจคงที่แล้ว แค่กำลังหลับอยู่

“เขาจะแยกชิ้นส่วนและนำกลับมาใช้ใหม่ได้เอง”

“…เจ้าไม่มีความโลภเลยสินะ”

ได้ยินคำพูดอัศวิน คังซอนฮูตอบเชิงปฏิเสธ

“ผิดแล้ว ฉันเป็นคนโลภ จะโมโหมากถ้าไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ”

อัศวินพยายามอธิบายเพิ่ม แต่สุดท้ายก็แค่หัวเราะ

คังซอนฮูจ้องหัวใจป่าสักพักก่อนจะพูดต่อ

“ป่าแบบนี้คงมีเมล็ดพันธุ์ป่า แต่วันนี้คงต้องปล่อยให้เขาฟื้นฟูตัวเองไปก่อน ไว้ค่อยกลับมาใหม่พรุ่งนี้บ่ายๆ”

“เขาจะฟื้นตัวเสร็จพรุ่งนี้?”

“ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่เสร็จ ค่อยมาใหม่บ่ายวันมะรืน”

“…ก็คงต้องอย่างนั้น”

แม้จะได้ยินคังซอนฮูพูดออกมาส่งๆ แต่ลิลี่ก็เห็นด้วย

คังซอนฮูยกกระเป๋าที่อยู่ตรงปลายเท้าลิลี่

“จริงอยู่ การค้างคืนที่นี่อาจปลอดภัย แต่ฉันคิดว่าพวกเราควรออกไป ป่าจะได้พักผ่อนเต็มที่”

พวกเธอเดินตามคังซอนฮูออกไปด้านนอกป่า

ปรสิตร้ายที่รีเบคก้ามองว่าจำเป็นต้องเรียกกำลังเสริม คังซอนฮูสามารถจัดการได้ง่ายดาย

ปฏิบัติการดำเนินไปอย่างราบรื่นและเรียบง่ายจนทั้งสี่คนอาจหลงลืม แต่เวลาได้ล่วงเลยมาเกือบสามวันแล้ว

เมื่อทุกสิ่งจบลง ความอ่อนเพลียที่สั่งสมเริ่มถาโถม

“นี่”

คังซอนฮูที่เดินนำหน้าสุด หันกลับมามองลิลี่

“ข้าง่วงแล้ว”

“ตกลง รีบกลับไปที่เต็นท์กันเถอะ ถุงนอนอยู่ที่นั่น”

“แต่ข้าหิว”

“…”

คังซอนฮูมองไปทางอัศวิน

“ขอยืมอาหารของเธอสักมื้อได้ไหม ถ้าเพิ่งเตรียมตอนนี้คงไม่ทันกิน”

“ไม่มีปัญหา”

“กลับกัน ฉันจะยกอาหารที่เธอได้ชิมวันก่อนให้”

เมื่อตระหนักว่าคนในกลุ่มเริ่มเหนื่อย คังซอนฮูเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น อากาศเย็นจากด้านนอกไหลเข้ามาเติมความชุ่มชื้นภายในปอด ยิ่งได้สูดลมหายใจยาว สมองก็ยิ่งทำงานได้ดี

“โมห์สmohs”

ชายหนุ่มนำเชื้อราที่ขูดจากในป่ามาใช้เป็นฟืนอย่างง่าย จากนั้นก็ก่อกองไฟด้วยรูน

“ลิลี่”

เมื่อหันกลับไปมอง เขาเห็นผมสีดำของลิลี่โผล่ออกจากถุงนอน

เมื่อพบว่าถุงนอนกำลังยุบพองตัวเองอย่างเชื่องช้า คังซอนฮูแสยะยิ้ม

ชายหนุ่มยังไม่เข้านอนทันที หลังจากพักผ่อนหน้ากองไฟสักพัก เขาลุกขึ้นไปนั่งบนหินใหญ่

หิมะที่เคยพรั่งพรูลงมา หยุดตกไปสักพักแล้ว

สุดเขตที่ราบสีขาวโพลน มีเทือกเขาทอดยาวไปตามเส้นขอบฟ้า เหนือขึ้นไปคือเกาะลอยฟ้า

คังซอนฮูแช่สายตาอยู่ที่นั่น พยายามกะเกณฑ์ความสูงกับระยะทาง และคาดเดาอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้น

นอกจากนั้นยังสงสัยว่า ระหว่างทางมีหมู่บ้านอยู่หรือไม่ เพราะคงจะดีไม่น้อยถ้าได้เติมเสบียงก่อนขึ้นไป

ความคิดชายหนุ่มล่องลอยอย่างไม่ตึงเครียด พวกมันโบยบินอิสระโดยไม่มีข้อจำกัดด้านเวลา

เป็นบรรยากาศที่เขาชื่นชอบ

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า คังซอนฮูหันกลับไปมอง

นักบุญหญิงเดินมาข้างๆ และนั่งลงในท่ากอดเข่า

หิมะอาจหยุดตกแล้ว แต่อากาศหนาวเย็นยังหลงเหลือ คังซอนฮูเตรียมจะถอดแจ็กเกตของตนคลุมให้อีกฝ่าย แต่ก็ต้องหยุดความคิดกลางคัน ด้วยเกรงว่าอาจเป็นการก้าวก่าย เพราะดูจากท่าทีแล้ว นักบุญหญิงมิได้แสดงอาการหนาวสั่นให้เห็น

หรือบางที เธออาจเคยชินกับการบำเพ็ญตน

คังซอนฮูปลดปล่อยจินตนาการของตนไปเรื่อยเปื่อย

ในช่วงเวลาแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องคิดแต่เรื่องที่มีประโยชน์

“นักบุญหญิง เธอไม่นอนหรือ”

วีว่าซิสซิโม่ยังคงแหงนหน้ามองฟ้า

“…จริงสิ คงนอนไม่ได้เพราะมีดสินะ”

ชีวิตคงลำบากแย่

เมื่อมองเข้าไปในดวงตา ชายหนุ่มพบแสงสีม่วงจางๆ

นี่คือ ‘มื้ออาหาร’ ของลูกหลานดวงดาว เป็นการเปลี่ยนพลังงานจากแสงดาวให้เป็นอาหาร

เป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไปในต่างโลก แต่สำหรับเขาที่อยู่มาค่อนข้างนาน ก็ยังทึ่งทุกครั้งที่ได้เห็น

คังซอนฮูมองไปทางเส้นขอบฟ้าอีกครั้ง ส่วนนักบุญหญิงหันมามองคังซอนฮู

ต้องทำยังไงถึงจะผ่านค่ำคืนแสนโรแมนติกกับคนที่พูดไม่ได้?

“ทำไมเธอตัดสินใจคาบมีด? ได้ยินว่าเป็นนักพยากรณ์ ไม่ชอบการทำนายหรือ”

นักบุญหญิงไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย แต่คังซอนฮูก็ไม่ได้มองว่าแปลก

“เป้าหมายถัดไป ฉันจะไปที่เกาะท้องฟ้า”

จากนั้น ชายหนุ่มมองเข้าไปในดวงตานักบุญหญิง

ในนั้นเจือความสนใจ

…เริ่มเข้าใจแล้วว่า อัศวินรับรู้ความคิดของนักบุญหญิงจากทางไหน

“ได้ยินว่าที่นั่นเคยเป็นอาณาจักรในยุคทองเก่า ตอนนี้ยังไม่มีอะไรแน่ชัด แต่ฉันตื่นเต้นมาก อยากรู้แล้วว่าจะมีอะไรรออยู่”

ได้ยินคำพูดดังกล่าว นักบุญหญิงมองไปทางเกาะท้องฟ้าพลางยื่นแขน

แสงดาวทยอยมารวมตัวที่ปลายนิ้ว

กลุ่มแสงเรียงตัวกลายเป็นโมเดลปราสาท

คังซอนฮูจ้องมองสักพักก่อนจะพูด

“…ปาฏิหาริย์?”

นักบุญหญิงส่ายหน้า

“พรสวรรค์ของลูกหลานดวงดาว?”

หงึก

“เป็นเผ่าพันธุ์ที่น่าสนุกจริงๆ”

คังซอนฮูเพ่งมองโมเดลปราสาทที่นักบุญหญิงสร้าง

“นั่นสินะ ฉันเองก็คิดว่าที่นั่นมีปราสาท แต่ลองดูนั่นสิ”

นักบุญหญิงมองตามปลายนิ้วที่ชี้ไปทางเกาะท้องฟ้า

“ไม่ว่าจะมองยังไง บนนั้นก็ไม่มีกำแพง… ตามปรกติแล้ว ปราสาทคือสถานที่พักอาศัยของขุนนาง เป็นธรรมดาที่จะต้องให้ความสำคัญกับการป้องกัน อย่างน้อยก็ควรเห็นร่องรอยของกำแพงบ้าง… จริงอยู่ ถ้ามองจากตรงนี้อาจไกลเกินไป แต่ฉันไม่เห็นร่องรอยของกำแพงแม้แต่นิดเดียว”

คราวนี้นักบุญหญิงสร้างโมเดลหอคอย

“หอสังเกตการณ์? ถ้าเกาะแห่งนี้ลอยฟ้ามาตั้งแต่แรก นั่นก็เป็นไปได้… เป็นเหตุผลที่ไม่มีกำแพงสินะ”

นักบุญหญิงพยักหน้า ทันใดนั้น ดวงตาของเธอกะพริบถี่เล็กน้อย

คังซอนฮูไม่คุ้นเคยกับอารมณ์ของเธอในตอนนี้

หมายความว่ายังไง? ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่าเป็นอารมณ์เชิงลบ จึงไม่อยากถามซักไซ้

ถึงจะอยากรู้อยากเห็น แต่ก็ต้องรีบสลัดความคาใจทิ้ง ไม่แม้แต่จะแช่สายตาค้างนาน

ในความเป็นจริง นักบุญหญิงกำลังอิจฉามนุษย์เพศชาย

สองมือของเธอที่กำลังโอบเข่า กอดไว้แน่นกว่าเดิม

เขามาทำอะไรที่นี่?

นั่นคือความคิดของเธอขณะมองชายคนนี้

คังซอนฮูกำลังจ้องเกาะท้องฟ้า สายตาเปี่ยมไปด้วยความหลงใหล

“…”

แต่มีบางสิ่งต่างออกไป คล้ายกับคังซอนฮูเริ่มกระวนกระวาย

นักบุญหญิงตัดสินใจหันไปมองเกาะท้องฟ้า

“นั่นมัน… อะไร?”

วีว่าซิสซิโม่เองก็ตกตะลึงกับฉากตรงหน้า

เกาะท้องฟ้ากำลังสยายปีก

นักบุญหญิงลุกขึ้นยืนดวงตาเบิกกว้าง เพราะที่นี่อยู่ไกลเกินกว่าจะเห็นอะไรได้ชัดเจน

ปีกคู่หนึ่งซึ่งหากนำมาต่อกัน จะกว้างประมาณครึ่งหนึ่งของเกาะท้องฟ้า

และพวกเขาก็ได้ตระหนัก

นั่นไม่ใช่ปีกที่เกาะท้องฟ้าสยายออก

“…มังกร?”

มนุษย์พึมพำด้วยท่าทีลังเล แต่นักบุญหญิงมั่นใจ

นั่นคือปีกมังกร

ลูกหลานรุ่นแรกของเทพ

สิ่งมีชีวิตที่จู่ๆ ก็หายตัวไปในช่วงกลางยุคสมัยแห่งความเฉื่อยชา

คล้ายกับมันได้ยืดเส้นยืดสายหลังจากจำศีลเป็นเวลานาน

บนเกาะท้องฟ้ามีมังกรอาศัยอยู่

ที่นั่นคือจุดหมายของเขาไม่ใช่หรือ?

นักบุญหญิงเริ่มกังวล เพราะหากเป็นแบบนี้ ระดับความยากในการสำรวจเกาะท้องฟ้าจะเพิ่มสูงขึ้นมาก

มังกรคือต้นเหตุของหายนะมากมาย

คิดเช่นนั้น นักบุญหญิงรีบหันไปมองมนุษย์

อีกฝ่ายเอาแต่ยืนจ้องเกาะท้องฟ้าโดยไม่กะพริบตา

“…”

ตรงกันข้าม เขากำลังยิ้ม

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (1/4)

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด