Ep.306 - ทวยเทพประทานพร
1/4
Ep.306 - ทวยเทพประทานพร
รูปลักษณ์ของปีศาจสุสานน่าเกลียดมาก
มันเหมือนกับคางคกตัวใหญ่
เจ้าหมอนี่เป็นมอนสเตอร์ประเภทแพร่พันธุ์ มันสามารถปล่อยมอนสเตอร์อันเดธออกมาได้อย่างต่อเนื่อง
ร่างนิมิตของอามอนทิสไม่อาจถูกทำลาย ณ ขณะนี้มันไม่สามารถทานรับการโจมตีได้อีกต่อไป ดังนั้นปลดปล่อยพลังงานเฮือกสุดท้าย หลอมรวมเข้ากองทัพอันเดธที่ยังไม่ถูกเรียกออกมาจากใต้ดิน ก่อตัวเป็นปีศาจสุสาน
ลีอาห์รีบสั่งให้องครักษ์โบสถ์โจมตีปีศาจสุสาน
อย่างไรก็ตาม ทุกการโจมตีเมื่อกระทบร่างยักษ์ของปีศาจสุสาน ทั้งหมดถูกดูดซับ ไม่อาจสร้างอาการบาดเจ็บใดๆต่อมัน
การโจมตีไร้ผล!
ปีศาจสุสานเป็นมอนสเตอร์ชนิดหนึ่งที่พิเศษมาก
เห็นได้ชัดว่าลีอาห์และลูกน้องของเธอไม่สามารถจัดการกับมันได้
เมื่อถึงจุดนี้ ปีศาจสุสานที่เหมือนคางคกยักษ์เริ่มตอบโต้ มันขยับท้องป่องที่ลากพื้นทับองครักษ์โบสถ์สองคน กลืนกินพวกเขาเข้าไปทันที
“ฮ่ง เจ้านาย มอนสเตอร์ตัวนี้มันตัวบั๊คชัดๆ!”
ฮัสกี้ที่เห็นปีศาจสุสานโจมตีทีเดียวคร่าไปสองชีวิตถึงกับกลัวหัวหด
ปีศาจสุสานนั้นทำได้แค่โจมตีแบบปกติ ไม่ได้มีสกิลที่วิเศษวิโสอะไรก็จริง แต่เมื่อเลือกเป้าหมายได้แล้ว และถูกมันเข้ากลืนกิน โดยพื้นฐานไม่ต่างอะไรจากการถูกโจมตีตายในครั้งเดียว
นอกจากนี้ แม้ร่างของปีศาจสุสานจะมีขนาดใหญ่มาก แต่การโจมตีส่วนใหญ่ที่ตกลงบนร่างมันนั้นกลับไร้ผล
อีกทั้งระหว่างการต่อสู้ มันยังคงปล่อยอันเดธออกมา ควบคุมสมุนบุกเข้าโจมตีอย่างต่อเนื่อง
“อย่าเสียเวลาพยายามเลย ร่างของมันมีภูมิคุ้มกันต่อดาเมจทั้งหมดที่ได้รับ!” ฮังอวี่ตะโกน “ยังไงก็ตาม มันมีจุดอ่อนร้ายแรงคือแผ่นหินที่อยู่บนแผ่นหลัง พวกเราต้องทำลายแผ่นหินพวกนั้น!”
ร่างของปีศาจสุสานประกอบขึ้นจากการหลอมรวมของหลุมศพนับร้อยจนเป็นรูปเป็นร่าง
แผ่นหินเหล่านี้จึงมีปรากฏให้เห็น ตั้งกระจัดกระจายอยู่บนแผ่นหลังของมัน เอาจริงๆมองแวบแรกเหมือนเป็นแค่ป้ายหลุมศพ แต่หากสังเกตดีๆ จะพบว่าแผ่นหินแต่ละแห่งมีอักษรรูนที่เปี่ยมไปด้วยพลังงานไหลเวียนอยู่
หรือก็คือมันเป็นสิ่งที่ใช้กักเก็บพลังงานของปีศาจสุสาน
ซูหยุนปิงกล่าว “แต่จากตำแหน่งนี้ มันยากที่พวกเราจะโจมตี”
ฮังอวี่กางปีกการ์กอยล์ “พวกคุณอยู่ข้างล่าง คอยเก็บกวาดมอนสเตอร์อันเดธ ดึงดูดความสนใจของปีศาจสุสานเอาไว้ เสี่ยวไป๋ เธอมากับฉัน พวกเราจะอ้อมไปโจมตีด้านหลังมัน”
“รับทราบ!”
เสี่ยวไป๋ไม่ขัดข้อง
เธอกางปีกภูติแล้วโบยบินขึ้นไป
ด้านลีอาห์ เธอสั่งให้เหล่าองครักษ์ที่ยังรอดคอยสนับสนุนพวกซูหยุนปิง
ส่วนตัวเองกางปีกนางฟ้า โบยบินขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้า ร่างสามร่างก็อ้อมมาถึงด้านหลังของปีศาจสุสาน
ซูหยุนปิงสร้างร่างเงาหุ่นเชิด ขณะเดียวกันเปิดเขตแดนแห่งความเงียบเพื่อสะกดเหล่าอันเดธที่ถาโถมเข้ามา
ฉูเทียนหัวกับหวังเอ๋อรับหน้าที่กำจัดอันเดธที่เข้าใกล้
องครักษ์หลายคนยังคงโจมตีปีศาจสุสาน แม้ไม่อาจสร้างดาเมจแก่ปีศาจสุสานได้ แต่การโจมตีของพวกเขาอย่างน้อยสามารถล่อความสนใจของมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ฮังอวี่เรียกธนูคำสาปหินแล้วยิงศรออกไปหลายดอก
ได้ยินแค่เสียงฟุบ ฟุบ เพียงชั่วพริบตา แผ่นหินก็แตกเป็นเสี่ยงๆ
ปีศาจสุสานคล้ายถูกกระแทกอย่างแรง ร่างมันเซทันที
ปีกการ์กอยล์คงอยู่ได้ไม่นาน
ฮังอวี่เก็บปีกของเขา สลับอาวุธเป็นดาบและกระบี่ ร่อนลงบนแผ่นหลังของปีศาจสุสาน
เขาเปิดใช้งานคลุ้มคลั่งกระหายเลือด ตามต่อด้วยคลุ้มคลั่งเข้าสังหาร เคลื่อนตัวไปข้างหน้าราวกับพายุเฮอริเคน ฟาดฟันซากศพที่ผุดขึ้นมา ทุบทำลายแผ่นหินอย่างดุเดือด
เสี่ยวไป๋ ลีอาห์ก็ไม่อยู่เฉยเช่นกัน
ทั้งสองช่วยกันระดมยิงสกิล บนท้องฟ้าพรั่งพราวไปด้วยกลุ่มแสงราวกับเม็ดไข่มุก
ปีศาจสุสานโกรธจัด มันหันหลังกลับมาพยายามโจมตีทั้งสอง แต่พวกเธอมีพรสวรรค์โดยกำเนิดคือการบิน ดังนั้นควบคุมปีกได้อย่างมีประสิทธิภาพ คล่องแคล่วว่องไว ปีศาจสุสานไม่อาจสัมผัสตัวได้เลย
ปีศาจสุสานรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างยิ่ง
มันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยอันเดธออกมาเยอะๆเพื่อขัดขวางการทำลายแผ่นหิน
ฮังอวี่ได้รับแรงกดดันมหาศาลจากมอนสเตอร์อันเดธ
อย่างไรก็ตาม เสี่ยวไป๋สวมแหวนแห่งการรักษาอยู่ และลีอาห์เป็นนักบวชที่ทรงพลัง
ทำให้นอกจากโพชั่นฟื้นฟูแล้ว
เขายังได้รับเทคนิครักษาร่ายลงบนตัวตลอดเวลา
ทั้งตัวฮังอวี่อาบไปด้วยบัฟนานาชนิด ควงอาวุธคู่ร่ายระบำ บ้างใช้สกิลบลิงค์เปลี่ยนตัวแหน่ง บ้างโหมกระหน่ำเป็นเส้นตรงด้วยคลุ้มคลั่งเข้าสังหาร มอนสเตอร์อันเดธเลเวล 10 เหล่านี้ไม่สามารถหยุดภัยคุกคามของเขาได้
ต้องขอยอมรับว่าปีศาจสุสานนั้นดุร้ายมาก
มันสามารถปลดปล่อยกองทัพอันเดธได้อย่างต่อเนื่อง
แต่ตราบใดที่รูวิธีรับมือ การสังหารมอนสเตอร์ประเภทนี้ก็ไม่ยาก
ภายใต้การสนับสนุนจากสองสาวสุดแกร่งเสี่ยวไป๋ ลีอาห์ ในที่สุดฮังอวี่ก็สามารถทำลายแผ่นหินก้อนสุดท้ายลงได้สำเร็จ
ร่างยักษ์ของปีศาจสุสานสูญเสียการควบคุม
เศษหินร่วงหล่น เศษดินกลับคืนสู่พื้นเบื้องล่าง
โครงกระดูกและแขนขานับไม่ถ้วนพังทลาย
ร่างมหึมาสูญเสียการเชื่อมต่อกัน กลายเป็นดินทรายไร้แรงยึดเกาะ ทรุดตัวลงกระจายไปทั่วพื้นดิน
จบเสียที!
ฮังอวี่ลุกขึ้นท่ามกลางเศษหินดินทรายที่ทับถม
แม้จะมอมแมมไปบ้างแต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บสาหัส
ร่างนิมิตของอามอนทิสเองก็พังทลายลงเช่นกันเมื่อปีศาจสุสานพ่ายแพ้
เมื่อปราศจากร่างนิมิตเป็นสื่อกลาง คำสาปจากพิธีกรรมแห่งความมืดก็ไม่สามารถแพร่กระจายเข้าสู่สถานที่นี้ได้อีกต่อไป ออร่าแห่งความมืดที่เข้ากัดกินโบส์ถ์ค่อยๆสลายด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่า
สภาพแวดล้อมจากเดิมมืดมนเหมือนอยู่ในตอนกลางคืน
เวลานี้ค่อยๆสว่างขึ้นทีละนิด
วิกฤตของโบสถ์ได้สิ้นสุดลงแล้ว
ซูหยุนปิง ฉูเทียนหัว ถอนหายใจโล่งอก
ขณะเดียวกัน ทั้งคู่เผยสีหน้าครุ่นคิด
เขาและเธอไม่ใช่คนธรรมดา
ดังนั้นสามารถสรุปได้ทันที
ว่าครั้งนี้เป็นเพราะคำชี้แนะและความเป็นผู้นำของฮังอวี่จึงทำให้พวกเขาสามารถผ่านด่านได้อย่างราบรื่น
บททดสอบนี้มอบประสบการณ์และกลยุทธ์มากมายที่สามารถใช้ได้ในเขตแดนลับแก่พวกเขา และพวกมันมีความสำคัญมาก หากนำไปเผยแพร่ คาดว่าจะช่วยห้ผู้คนที่ไม่เคยสัมผัสเขตแดนลับมาก่อนสามารถเข้าท้าทายพวกมันได้ ส่งผลให้ผู้คนเติบโต พัฒนาไปอีกขั้น
ณ ตอนนี้
ภายในโบสถ์สภาพเละเทะ
“ด้วยความช่วยเหลือของพวกท่าน โบสถ์แห่งรุ่งอรุณจึงรอดพ้นจากมลทินจากอามอนทิส ข้าขอมอบของขวัญเล็กๆน้อยๆให้แก่พวกท่านเพื่อแสดงถึงน้ำใจที่พวกท่านมีต่อโบสถ์”
ทั้งสี่ได้รับถุงสมบัติทองคำ
“ต่อไป เตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะอธิษฐานขอพรจากท่านเทพธิดา!”
ลีอาห์คุกเข่าลงหน้าโบสถ์
เธอเริ่มอธิษฐานด้วยความศรัทธา
ผ่านไปประมาณห้านาที แสงอ่อนๆค่อยๆลอยขึ้นจากแท่นบูชา สุดท้ายกลายเป็นลำแสง พุ่งเข้าห่อหุ้มคนทั้งสี่และสัตว์วิญญาณ
ฮังอวี่สัมผัสได้
พลังงานบางอย่างถูกฉีดเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว
“ได้รับรางวัลบททดสอบ แต้มวิญญาณ+2000!”
“ได้รับพรจากโบสถ์แห่งรุ่งอรุณ ค่าพลังชีวิต +5 , ค่าพลังจิต +5 , คุณสมบัติศักดิ์สิทธิ์ +2 , เจตจำนง +2”
เชี่ยเถอะ!
นี่มันโคตรเซอร์ไพรส์!
พวกเราได้รับโบนัสฐานคุณสมบัติ!
แถมยังได้เพิ่มมาเยอะมาก!
ค่าคุณสมบัติของฮังอวี่ในเลเวล 8 คือ : ค่าพลังชีวิต 84 , ค่าพลังจิต 60...
ค่าคุณสมบัติของฮังอวี่ในเลเวล 9 คือ : ค่าพลังชีวิต 96 , ค่าพลังจิต 66...
หรือก็คือพลังชีวิตเพิ่มขึ้นเลเวลละ 12 หน่วย และพลังจิตเพิ่มขึ้นเลเวลละ 6 หน่วย
แต่หลังจากได้รับพรอันศักดิ์สิทธิ์ของโบสถ์แห่งรุ่งอรุณ ค่าคุณสมบัติโดยรวมของเขาได้กลายเป็น : ค่าพลังชีวิต 101 , ค่าพลังจิต 71 , พละกำลัง)+15 , ว่องไว +11.5 , ร่างกาย +7 , จิตวิญญาณ +3 , จิตรับรู้ +3 , ศักดิ์สิทธิ์ +2 , เจตจำนง +2 , การโจมตีทางกายภาพ +6 , การป้องกันทางกายภาพ +4 , ความเร็วในการเคลื่อนที่ +6.5 , อัตราฟื้นฟูพลังชีวิตเพิ่มขึ้น +0.1, อัตราฟื้นฟูพลังจิตเพิ่มขึ้น +1 , ระยะอาวุธประเภทธนู 10% , แต้มวิญญาณ 7223/8000
ในที่สุดพลังชีวิตก็ทะลุเกินหลักร้อย!
ส่วนโบนัสค่าศักดิ์สิทธิ์และเจตจำนง แม้มันไม่มีประโยชน์สำหรับนักรบ
แต่ค่าคุณสมบัติศักดิ์สิทธิ์มาพร้อมกับความสามารถในการเพิ่มดาเมจโจมตีแก่ธาตุมืด
ด้านเจตจำนง มันช่วยเพิ่มความสามารถในการต้านทานสถานะผิดปกติ
ค่าคุณสมบัติของฮังอวี่นั้นดีมาก และด้วยสกิลกับอุปกรณ์สวมใส่ มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลยหากคิดลุยเดี่ยวกับมอนสเตอร์ระดับเจ้าถิ่นขั้นบรอนซ์ในเลเวลเดียวกัน
ในการต่อสู้ตัวต่อตัว
ขอแค่ระมัดระวัง
และมีโพชั่นคอยเติมเลือดกับพลังจิต
เกรงว่าคงแทบไม่มีใครเอาชนะฮังอวี่ได้
ด้านคนอื่นๆ หลังจากได้รับแต้มวิญญาณ 2000 แต้มแล้ว ซูหยุนปิงสามารถอัพเลเวล 9 ได้สำเร็จ หวังเอ๋อ ราชินีมด ทั้งคู่อัพเลเวล 8 ส่วนฮังอวี่ ฉูเทียนหัวนั้นอยู่ห่างจากเลเวล 10 เพียงเล็กน้อย เรียกได้เลยว่าเป็นการกระโดดก้าวใหญ่!
ฮังอวี่ขาดแต้มวิญญาณอีกเพียงหลักร้อย!
ลีอาห์กล่าวอย่างจริงใจ “ท่านได้รับพรจากเทพธิดาแห่งรุ่งอรุณแล้ว นับจากนี้ไป พวกท่านคือสหายผู้ศรัทธาในรุ่งอรุณ ไม่ว่าจะไปที่ใดในอนาคต ตราบใดที่สถานที่แห่งนั้นมีโบสถ์แห่งรุ่งอรุณ พวกท่านสามารถใช้พักพิงได้”
บททดสอบสิ้นสุดลง
หลังออกจากเขตแดนลับ หวังเอ๋อโวยวายด้วยความตื่นเต้น “ฮ่ง เจ้านาย เขตแดนลับนี้คุ้มค่าจริงๆ คราวหน้าพวกเรากลับมาอีกได้ไหม?”
ฮังอวี่กล่าว “ฉันคิดว่าเหตุผลที่พวกเราได้รับพรแห่งรุ่งอรุณ สาเหตุหลักๆมาจากการผ่านบททดสอบเป็นครั้งแรกด้วยผลงานสูงสุด ต่อให้ดันเจี้ยนนี้รีเฟรชใหม่ และพวกเรามีโอกาสได้เข้ามาอีก ฉันคิดว่าคงได้รางวัลแค่แต้มวิญญาณ ยากที่จะได้รับการประทานพรอีก ... มากสุดคงได้แค่ถุงสมบัติอีกถุงเท่านั้น”
อย่าบ้าไปหน่อยเลยน่า
ถ้าตั้งใจคิดดีๆจะรู้ได้ทันที
ว่าค่าคุณสมบัติมันไม่ใช่สิ่งที่สามารถแจกกันมั่วซั่ว
เจ้าหมาคิดว่าพรจากเทพธิดาเป็นกะหล่ำปลีที่สามารถมอบให้ใครก็ได้ตามต้องการงั้นหรือ?
ครั้งต่อไป ต่อให้ผู้ทดสอบกลุ่มอื่นบรรลุผลงานสูงสุด เกรงว่าคงจะไม่มีทางได้รับการประทานพรอีก
เมื่อทั้งสี่ออกจากโบสถ์มอนสเตอร์ผี ก็พบว่านักข่าวจากสื่อต่างๆมาถึงแล้ว พวกเขากำลังถ่ายรูปและรายงานข่าวเรื่องโบสถ์ พอเห็นทั้งสี่เดินออกมาจากข้างใน พวกเขาก็กรูกันเข้ามาทันที
“สวัสดีค่ะ”
“พวกคุณพึ่งจบการท้าทายเขตแดนลับใช่หรือเปล่า?”
“ฉันขอสอบถามได้ไหมว่าสถานการณ์ข้างในเขตแดนลับเป็นยังไง?”
“ฉันคือหัวหน้าแผนกโฆษณาของสมาคมโลกวิญญาณสาขาเจียงเฉิง ฉันอยากสัมภาษณ์พวกคุณ!”
“...”
ฮังอวี่ผลักซูหยุนปิงออกไปรับหน้าทันที
ส่วนเขานำสุนัขกับเสี่ยวไป๋จากไปด้วยคัมภีร์เทเลพอร์ต
เมื่อกลับถึงบ้าน ฮังอวี่รู้สึกหิวเลยโทรหาต้าไห่ให้เอาอาหารมาส่ง สามหน่อตั้งโต๊ะหน้าทีวี ดูรายงานข่าวเรื่องโบสถ์มอนสเตอร์ผี
โบสถ์มอนสเตอร์ผี
อีกไม่นานคงกลายเป็นที่นิยม
ค่าเข้ามันราคาไม่น้อยก็จริง!
อย่างไรก็ตาม ในทีวี ฉูเทียนหัวประกาศว่ารางวัลเริ่มต้นคือ 2000 แต้มวิญญาณ หลายคนพอรู้แบบนี้แล้ว แม้จะทราบว่าค่าเข้ามีราคาแพง นอกจากนี้ยังจ่ายค่าตั๋วแก่สกายเน็ต แต่ก็คงยังมียอดฝีมือจำนวนมากยินดีตบเท้าเข้าท้าทาย
โชคดีที่มีกลยุทธ์รับมืออยู่แล้ว
ตราบใดที่พลังรบเพียงพอ ตราบใดที่มีสมาชิกทีมเหมาะสม ตราบใดที่ร่วมสู้กันอย่างสามัคคี อย่างน้อยหกชั่วโมง ก็น่าจะอดทนจนได้รับรางวัลเริ่มต้นได้ การกวาดล้างมอนสเตอร์ไม่น่าใช่ปัญหาใหญ่
หลังจากฮังอวี่ทานมื้อเย็นเสร็จ
เขาอยู่บ้านกับเสี่ยวไป๋ นั่งดูเครยอนชินจังไปสองสามตอน
ความชื่นชอบในอนิเมะของเสี่ยวไป๋นับวันยิ่งลึกล้ำ
อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นเอง มีสายเรียกเข้าจากมือถือ ฮังอวี่ยกหน้าจอขึ้นดู และพบว่าเป็นเหล่าจ้าวที่อยู่ในโลกวิญญาณ ... ค่าใช้จ่ายในการโทรข้ามมิตินั้นแพงมาก เว้นเสียแต่ว่าจะมีเรื่องเร่งด่วน มิฉะนั้นเหล่าจ้าวคงไม่ยอมโทรแน่นอน
หรือว่าพวกมนุษย์จิ้งจอกจะมีการเคลื่อนไหวแล้ว?
ฮังอวี่ไม่กล้าประมาท “เหล่าจ้าว มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า?”
จ้าวหมิงรายงานแก่เขา “มีบางอย่างเกิดขึ้นที่นี่ มีหลายคนจากกลุ่มอื่นเข้ามา”
ฮังอวี่ไม่เข้าใจในตอนแรก
เขาใช้เวลาคิดสองสามวินาทีก่อนจะรู้สึกตัว
ที่แท้ไม่ใช่เรื่องมนุษย์จิ้งจอก แต่เป็นผู้มาใหม่ที่เลือกเข้าสู่แคว้นเดียวดาย
อย่างไรก็ตาม ผู้มาใหม่เหล่านี้ไม่ใช่คนที่มาจากค่ายมนุษย์หมูป่า
ผู้มาใหม่กลุ่มนี้มาจากหอคอยเขตแดนคนละแห่งกับฮังอวี่และกลุ่มของเขา ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นทีมใหม่เอี่ยม และการที่พวกเขามาถึงแคว้นเดียวดายได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ เกรงว่าคงไม่ใช่ทีมธรรมดาทั่วๆไป