บทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 15 ประตูสู่วอลตัน (ฺGate to Walton)
ประตูสู่วอลตัน
(ฺGate to Walton)
รัฐอิสระวัลเทอร์ อาริกาเซีย
หลังจากศึกที่เนินเขาคอนวิเลีย กองกำลังลีโอเนียได้ทำการเข้ายึดเมืองคอนวิเลีย หลังการถอนกำลังของอาริกาเซีย ก่อนจะทำการจัดตั้งฐานบนทวีปอาริกาเซียเป็นจุดแรก ถือว่าเป็นฐานที่มั่นที่จะกลายมาเป็นจุดรวมพลของกำลังเสริม กองกำลังลีโอเนียจำนวน 2 กองพล
ลีโอเนียในขณะนี้เปลี่ยนจากการรุกรานไปเป็นการป้องกันและยึดหมู่บ้านใกล้เคียงซึ่งเป็นจุดสำคัญยุทธศาสตร์
ในขณะที่กองกำลังลีโอเนียเข้าควบคุมอดีตอาณานิคมวัลเทอร์อย่างช้าๆ พวกเขาก็ต้องพบกับกลุ่มต่อต้านที่ซ่อนตัวอยู่ทั่วดินแดน ในป่าลึก บนภูเขาและเนินเขา มีรายงานการจู่โจมในตอนกลางคืนของพวกกบฏจำนวนมาก
แม้ว่าความเสียหายจากกลุ่มต่อต้านจะน้อยแต่มันก็ได้ก่อกวนสร้างความน่ารําคาญให้กับกองกำลังลีโอเนียอย่างมาก อย่างไรก็ตามกำลังเสริมลีโอเนียก็ได้มาถึงในเวลาไม่ช้า กองกำลังลีโอเนียจำนวนอีก 2 กองพล 2 หมื่น เดินทางมาถึงพร้อมกับผู้บัญชาการสูงสุด
ชายผู้เคยสู้รบเคียงข้างพวกกบฏ บัดนี้ถูกส่งมาเพื่อปราบปรามสหายเก่า
ภายในอาคารศาลากลางของเมืองคอนวิเลีย ถูกเปลี่ยนให้เป็นฐานบัญชาการกองกำลังปราบกบฏอาริกาเซีย ในห้องมีโต๊ะขนาดกลางตั้งอยู่ พร้อมกับชายในเครื่องแบบยศสูงในสหจักรววรดิกำลังนั่งอ่านรายงานในการศึกที่ผ่านมาด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉย เขาอ่านมันอยู่นานหลายชั่วโมงก่อนจะถอนหายใจออกแล้วเริ่มกล่าวพึมพำ
“ร้อยตรี ดักลาส… ผมเองก็หวังที่จะพบคุณในสนามรบจริงๆ” ชายผู้เคยเป็นผู้บัญชาการของดักลาสในศึกชนพื้นเมือง อดีตพันโท แดเนียล ในตอนนี้อยู่ในตําแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังปราบกบฏทั้งหมดบนอาริกาเซีย
แดเนียลที่นั่งคิดรำลึกความหลังสมัยที่ยังเป็นพันโท ก่อนจะถูกเรียกสติด้วยเสียงเคาะที่ประตู เสียงเคาะห้าครั้งเพื่อขออนุญาตเข้าห้อง เขาพูดกับผู้ที่เคาะ
“เข้ามา…” สิ้นเสียงคำตอบของแดเนียล ประตูไม้ก็ถูกเปิดออกพร้อมกับนายทหารชั้นสูงอีก 4 คน ชายหนุ่มหนึ่งคน ชายวัยกลางคน และ ชายชราสองคน ทั้ง 4 เป็นผู้บัญชาการกองพล
“ท่านพลโท!” หนึ่งในผู้ที่เข้ามากล่าวขึ้น
พลโทแดเนียล ตำแหน่งสูงเช่นนี้ หากเป็นคนที่อายุน้อยเช่นเขา ก็ยากที่จะได้รับแต่งตั้ง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากลีโอเนียกำลังอยู่ในสภาวะสูญเสียนายทหารชั้นสูงหลังศึกสงครามระหว่างทูเดียและแฟแลงซ์ ทำให้เด็กรุ่นใหม่ที่เหมือนกับแดเนียลได้รับตำแหน่งที่สูง รวมไปถึงหัวหน้าของเขา….
ภายในห้องเต็มไปด้วยความเงียบ ทั้งสี่คนเดินเข้ามายื่นล้อมรอบโต๊ะกลางห้อง บนโต๊ะคือแผนการรบ และแผนที่ภูมิประเทศคร่าวๆ และข้อมูลของข้าศึกจากหน่วยสอดแนม
แดเนียลลุกขึ้นยื่นก่อนเดินเข้าไปในวงโต๊ะแผนที่
“เป็นไปตามแผนการของจอมพลโรแลนด์ หากแต่เราไม่คิดว่าพวกกบฏจะสามารถต่อสู้กับพวกเราอย่างกับว่าฝีมือของกบฏสูสีกับพวกเรา… มีเพียงแค่ตอนยกพลขึ้นบกที่พวกเขาดูโง่เขลา ที่ตั้งการป้องกันที่หัวชายหาด จริงอยู่ที่หากเราไม่มีปืนใหญ่เรือสนับสนุนเราเองก็คงสูญเสียไปเยอะ” ชายวัยชราชะงัก “แต่สุดท้ายพวกเขาเลือกที่จะตั้งแนวป้องกัน ในขณะที่เห็นกองเรือที่ยิ่งใหญ่ของเรา”
ชายชราคนแรกเริ่มรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด เขาและผู้บัญชาการอีกคนเป็นนายทหารชั้นสูงที่พึ่งได้สู้รบกับกบฏเป็นครั้งแรก พวกเขาไม่คิดว่ากองกำลังกบฏจะสามารถรับมือกองกำลังที่ถูกฝึกมาดีได้ จนกระทั่งเหตุที่เนินเขาคอนวิเลีย
“แต่หลังจากศึกที่ชายหาดอาณานิคมวัลเทอร์จบลง กองกำลังของเราได้เดินทางเข้ายึดเมืองคอนวิเลีย แต่ก็ต้องพบเจอกับการต่อต้านของกลุ่มชาวบ้าน …พวกกบฏ… ก่อนจะถึงเมืองคอนวิเลีย ทำให้เราเสียเวลาไปมากเมื่อเดินทางมาถึงก็พบว่า กองกำลังกบฏได้ตั้งป้อมเป็นแนวป้องกันบริเวณบนเนินเขาข้างๆเมืองคอนวิเลีย”
เขาหยุดรายงานสักพัก ก่อนจะกล่าวด้วยนํ้าเสียงที่โกรธแค้น
“พวกเราสามารถเข้ายึดเนินเขาได้สำเร็จลุล่วง แต่กลับก็สูญเสียจำนวนมาก ไม่พอแค่นั้นเมื่อตรวจสอบป้อมข้างบนเนินเขาแล้ว ช่างน่าเจ็บใจยิ่งหนักแต่พวกเขาถูกมันหลอกเข้าเต็มๆ เพราะว่าจุดที่ตั้งปืนใหญ่ที่พวกเรากลัว มันกลับไม่มีปืนใหญ่ซักกระบอก…”
ขณะที่เขากำลังรายงานอยู่นั้น แดเนียลก็หยิบทหารไม้แกะสลักจากข้างโต๊ะ และเริ่มวางบนแผนที่อาริกาเซีย อดีต 11 อาณานิคมของลีโอเนีย
เขาวางตัวแทนของกองพลทั้ง 4 ของสหจักรวรรดิลงในอาณานิคมวัลเทอร์ ก่อนจะใช้มือชี้ไปยังเมืองขนาดใหญ่ของวัลเทอร์ ชื่อของมันคือวอลตัน
" กองกำลังเสริมอีก 3 ชุดกำลังจะเดินทางมาถึงแล้ว
หน้าที่ของเราคือการแบ่งอาริกาเซียเป็นสองส่วน อย่าให้พวกมันรวมตัวกันได้
“วอลตันงั้นหรือ?” ชายวัยกลางคนกล่าวขึ้นด้วยนํ้าเสียงที่สงสัย “หน่วยสอดแนมมีรายงานว่ากองกำลังกบฏอยู่แถวแม่นํ้าลิกาโพลิส(Ligapolis River) มีโอกาสที่จะเจอกับกองทัพหลักพวกกบฏเมืองเล็กๆหลังแม่นํ้าลิกาโพลิส”
“แต่ก่อนที่จะถึงวอลตัน ก็มีเส้นทางเพียงแค่ 3 ทางเท่านั้น… พวกกบฏจะตั้งการป้องกันทั้งสามจุดอันเป็นช่องแคบก่อนถึงเมืองอย่างแน่นอน”
“ลิกาโพลิสเป็นเหมือนกับแนวป้องกันของพวกกบฏ เราจะทำลายกองกำลังพวกเขา ทะลวงจุดที่คิดว่าอ่อนแอที่สุด แล้วตลบหลังแนวป้องกันพวกเขา จากนั้นพวกเราเดินทัพขึ้นตะวันออกเฉียงเหนือ แล้วยึดเมืองฟลอโรก (Floroque) จากนั้นตอนเหนือของอาริกาเซียก็จะถูกตัดขาดออก” แดเนียลหยิบตัวแทนกองพลทั้ง 4 แยกออกจากกัน 1 กองพลจากอยู่ปกป้องแนวหลังและฐานบัญชาการ และอีก 3 จะเข้าลึกไปในรัฐวัลเทอร์
เขากล่าวเสียงดัง “หากไม่มีเราตัดหัวงูได้ ทั้งตัวก็จะตายไปเอง! เป็นไปได้ให้ทำการจับกุมผู้บัญชาการสูงสุดของพวกกบฏ อดีตผู้ว่าการอาณานิคมอาริกาเซีย ดักลาส แมริแลนร์”
“เราจะบดขยี้พวกกบฏด้วยการฟาดครั้งเดียว!”
……
…
…
.
.
.
.
.
.
ไม่กี่สัปดาห์กองกำลังเสริมลีโอเนียก็ได้มาถึงและตอนนี้พวกเขากำลังเคลื่อนทัพเข้าตีเมืองวอลตัน จุดยุทธศาสตร์ของวัลเทอร์ ทำให้กองกำลังภาคพื้นทวีปตอบสนองด้วยการสกัดที่ประตูของวอลตัน
ประตูวอลตันคือเส้นทางที่ต้องผ่านแม่นํ้าลิกาโพลิส มันคือแนวป้องกันที่ยอดเยี่ยม ถูกแยกเป็นสามเส้นทาง ช่องแคบขนาดเล็ก ที่มีภูเขาเล็กและแม่นํ้ากันไว้ ลาสแบ่งกองพลทั้งสองออกไปกันทั้งสามจุด หากลีโอเนียจะเข้าตีเมืองวอลตันพวกเขาต้องเดินผ่านเส้นทางที่มีเท่านั้น
เพราะนอกสามเส้นทางเข้าเมืองวอลตันแล้ว ก็เป็นแม่นํ้าและภูเขาเล็กที่กันไม่ให้เดินทางผ่านไปไหนได้ ดักลาสรู้ว่าลีโอเนียเองก็ไม่ต้องการที่จะเดินทางตัดภูเขาเป็นแน่ เขาจึงเลือกที่จะแบ่งกำลังที่น้อยนิดออกได้อย่างไร้ความกังวล
การป้องกันเส้นทางที่คับแคบก็คงเป็นแผนการที่ดีที่สุดในตอนนี้
ในขณะที่กองกำลังลีโอเนียเริ่มเดินทัพ กองกำลังภาคพื้นทวีปก็เตรียมเข้าป้องกันรัฐวัลเทอร์ ด้วยจำนวนทหารที่น้อยกว่ากองทัพรุกรานของลีโอเนีย
กองพลที่ 6 จากวัลเทอร์ กองพลที่มีความเสียหายความที่สุด จนดักลาสเรียกเกณฑ์ทหารอาสาเข้ากองพลที่ 6 เพื่อชดเชยทหารที่เสียไป และในส่วนของกองพลที่ 5 จากชาร์ลสยังคงสามารถต่อสู้ได้เต็มประสิทธิภาพ ถูกแบ่งออกเพื่อป้องกัน สองจุดสำคัญทางด้านซ้ายและกลาง และส่งกองกำลังขนาดเล็กไปทางขวาสุด เพราะว่าเป็นจุดที่ห่างไกลที่สุด
ผู้บัญชาการสูงสุดของกองกำลังภาคพื้นทวีปคิดว่าพวกลีโอเนียไม่น่าจะเดินทัพไกลเพื่อผ่านเส้นทางเล็ก และหากพวกเขาส่งทหารเข้าผ่านเส้นทางนั้นก็ต้องเจอกองกำลังขนาดเล็กของลาสค่อยซุ่มโจมตี
…
ในที่สุด กองกำลังลีโอเนียก็เดินทางมาถึง เป็นอย่างที่ลาสคาดการเอาไว้ เมื่อกองทัพลีโอเนียเข้าตีแนวป้องกันจุดแรกที่อยู่ทางตะวันตก(ซ้าย) ยุทธการวอลตันได้เริ่มต้นขึ้นเป็นที่เรียบร้อย
กองกำลังภาคพื้นทวีปยิงอาวุธสังหารทหารในแถวจู่โจมของลีโอเนียในตอนเช้าตรู่ กองกำลังฝั่งตะวันตกเป็นของกองพลที่ 5 นำโดยพลตรี เจมส์
เสียงปืนได้ยินทั่วถนนเส้นทาง มันดังไปถึงถนนสายหลัก(กลาง)ของเส้นเมืองวอลตัน การต่อสู้ของกองพลที่ 5 นั้นดุเดือดและรุนแรงอย่างมาก แต่ที่ท้ายที่สุดพวกเขาสามารถป้องกันที่มั่นของตัวเองเอาไว้ได้ แถมยังสามารถดันกองกำลังลีโอเนียให้ถอยกลับไปได้อีกด้วย
ในขณะที่ฝั่งตะวันตก(ซ้าย)สามารถป้องกันที่มั่นแนวป้องกันเอาไว้ได้ ทางถนนสายหลัก(กลาง)ก็ต้องพบกับการต่อสู้อันนองเลือดแทน
กองพลที่6 นำโดย พลตรีทาลอส ออกคำสั่งยิงทันทีเมื่อเห็นศัตรูเข้าระยะยิงปืนคาบศิลา กระสุนปืนถูกปลดปล่อยสังหารแถวของลีโอเนียไปจำนวนหนึ่ง แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่ากองพลที่ 6 จะเสียเปรียบ แม้ว่าจะมีจุดป้องกัน แต่ความแม่นยำของลีโอเนียนั้นเป็นของจริง
กองพลที่6 เผชิญหน้ากับกองกำลังที่มากประสบการณ์ของลีโอเนีย พวกเขาแทบจะสู้ไม่ได้ พลตรีทาลอสเห็นท่าไม่ดี ส่งข่าวสารกลับไปยังดักลาสที่อยู่แนวหลังเพื่อขอกำลังเสริม
การต่อสู้นั้นยาวนานเหมือนกับศึกที่เนินเขาคอนวิเลีย พลตรีทาลอสพยายามที่จะเรียกขวัญกำลังใจของกองพลที่6 ทำให้แนวป้องกันยังไม่ถูกตีแตก อย่างไรก็ตามแม้ว่าฝั่งป้องกันจะเป็นกองกำลังภาคพื้นทวีปแต่ความเสียหายนั้นเยอะจนน่ากลัว กองพลที่ 6 สูญเสียไป 300 กว่าคนในการรบครั้งเดียว
อย่างไรก็ตามเมื่อถึงช่วงกลางคืนพวกเขาก็ได้พักรบเพราะว่ากองกำลังลีโอเนียถอนออกจากแนวยิง และกำลังเสริมถูกส่งมาจากกองพลที่ 5 พวกเขายังคงต้องป้องกันประตูแห่งแม่งวอลตันให้ได้
…
ยุทธการวอลตัน เกือบสัปดาห์ที่มีการยิงไม่หยุดระหว่างสองฝั่ง ในที่สุดความคืบหน้าของสหจักรวรรดิลีโอเนียก็แสดงผลออกมา ไม่ใช่เพราะทางตะวันตก หรือทางเส้นหลัก แต่เป็นตะวันออกแทนเสีย
ทางเข้าฝั่งตะวันออก(ขวา)ที่เป็นช่องแคบขนาดเล็ก และไม่คิดว่าลีโอเนียจะส่งกำลังหลักเดินทางหลายวันขึ้นไป การป้องกันในจำนวนที่น้อย อนิจจากองกำลังที่ป้องกันจุดนั้นถูกเหยียบย่ำด้วยกองกำลังจำนวนมาก
ด้วยความตื่นตกใจหลังทราบข่าวสาร ดักลาสก็รีบสั่งการให้กองหลังของเขาเข้าสกัดกองกำลังทะลวงจากฝั่งตะวันออก(ขวา)ของลีโอเนีย หากกองพลที่ 6 ที่อยู่ส่วนกลางถูกตีจากข้างหลัง กองพลที่ 5 ที่อยู่อีกฝั่งอาจจะถูกล้อมได้และหนีออกไม่ได้
ดักลาสบัญชากองหลังเข้าสกัดกองกำลังลีโอเนีย แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะหลงลืมบางอย่างไป เมื่อตรงหน้าของเขาเป็นทุ่งหญ้าที่ทำศึกได้แค่แบบเดียว กว่าจะรู้สึกตัวมันก็คงสายไปเสียแล้ว
“บัดซบ!” ลาสสบถด่าออกมา “เฮ้นายทหารคนนั้นน่ะ!” ลาสหันไปหาทหารใกล้ๆเคียงเขา
“ครับ!?” เขามีใบหน้าที่ตกใจเล็กน้อย แต่ลาสกระโจนลงจากม้าของเขา ก่อนจะยื่นให้กับนายหทารผู้ถูกเรียก
“นายขี่ม้าเป็นไหม?” ลาสถามออกมา ซึ่งนายทหารก็พยักหน้า
เมื่อเห็นเช่นนั้นลาสยื่นกระดาษให้กับนายทหารและออกคำสั่งแก่นายทหารคนนั้น “ส่งสารรีบไปแจ้งกองพลที่ 6 และ กองพลที่ 5 เอานี่ไปแจ้งพลตรีทาลอส กับพลตรีเจมส์ บอกพวกเขาให้ถอนกำลังไปเมืองวอลตันโดยเร็ว รักษากำลังพลให้ได้มากที่สุด!”
เมื่อส่งข้อความไปแล้ว ชายหนุ่มก็หันกลับมาที่สนามรบตรงหน้าต่อ ดักลาสออกคำสั่งตั้งแถวเตรียมพร้อม กองกำลังสำรอง นำโดยดักลาส พวกเขาตั้งแถวยาวเป็นแนวยิงเหมือนที่ฝึกกันมา แน่นอนว่าทหารลีโอเนียก็แปรขบวนตั้งแนวรอสัญญาณเริ่มต่อสู้
ตรงข้ามของลาสเป็นกองกำลังลีโอเนียจำนวน 6000 คน ในขณะที่กองหลังของลาสมีเพียงแค่ 2000 คนเท่านั้น เป็นศึกที่ยังไงยังก็ไม่สามารถจะเอาชนะได้อย่างแน่นอน
ดักลาสใช้กล้องส่องทัพข้าศึก ก่อนจะเห็นใบหน้าที่คุณเคย ใบหน้างามกลายเป็นสีขาวซีด เต็มไปด้วยความกลัว เมื่อเห็นชายคนหนึ่งขี่อาชาอยู่หลังแนวลีโอเนีย
เขาคือ จอห์น โอลิเวอร์ อาจารย์ผู้สอนการศึกคนแรกของเขา.. ทั้งสองสบตากันแม้ว่าจะห่างไกลกัน แต่ลาสกลับรู้สึกเกรงกลัวชายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเขาอย่างมาก
เสียงกลองศึกฝั่งลีโอเนียดังขึ้น พร้อมกับเท้าที่ก้าวตรงมายังแนวกองกำลังอาริกาเซีย ทั้งสองผู้บัญชาการไม่ได้อยู่แนวหน้าเพื่อความปลอดภัย แต่การสั่งการคือสิ่งที่พวกเขาต้องทำ ดักลาสออกคำสั่งต่อสู้ทันที
“กองกำลัง!” เหล่าทหารชาวอาริกาเซียในเครื่องแบบสีนํ้าตาลยกอาวุธคาบศิลาขึ้นมา
“เล็งเป้า!” เสียงสั่งการของนายกองอาริกาเซียสั่ง ปืนคาบศิลาถูกเล็งไปข้างหน้า
“ยิง!” สิ้นเสียงคำสั่งของนายกอง แรงระเบิดของดินปืนพร้อมควันปืนที่ถูกปลดปล่อยกับลูกกระสุนที่พุ่งตรงไปยังแนวทหารลีโอเนีย
แถวแรกของลีโอเนียล้มลง… ล้มลงเพียงไม่กี่คน พวกเขายังคงเดินเข้ามากองกำลังของลาสอย่างไม่เร่งรีบ ทำให้ฝั่งอาริกาเซียเกิดอาการตื่นกลัว แต่แล้วสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าทหารสีแดงก็คงเป็นเสียงดังและลูกกลมเหล็กขนาดลูกบอลพุ่งตรงทะเลผ่านร่างของทหารอาริกาเซียสังหารไป 3 คนที่อยู่ข้างหลัง
มันเป็นหายนะอีกครั้ง เมื่อปืนใหญ่ของลีโอเนียถูกนำมาใช้ในสนามรบแห่งนี้…
อาริกาเซียยิงได้เพียงแค่สองชุด พวกลีโอเนียก็ยิงตอบโต้กลับมาด้วยความเกรี้ยวกราด กองกำลังภาคพื้นทวีปล้มลงสิ้นชีวิตจำนวนมาก มากกว่าทหารลีโอเนียหลายเท่าตัว เสียงยิงระลอกที่สองดังมาจากฝั่งลีโอเนีย กองกำลังของดักลาสแถวหน้าก็หายไปเกือบหมด ไม่พอแค่นั้นปืนใหญ่พวกลีโอเนียยังระดมยิงไม่หยุด
ภายในชั่วโมงเดียว ทหารอาริกาเซียตกตายไปเกือบครึ่งกองกำลัง
แถวกองกำลังภาคพื้นทวีปแตกทันทีเมื่อระลอกสามถูกปลดปล่อย กองกำลังอาริกาเซียก็ทิ้งอาวุธวิ่งหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย ไร้ซึ่งเป็นระเบียบวินัยยุ่งเหยิงเกินกว่าจะรวมกลุ่มกันใหม่ได้
“โชคดีที่ลีโอเนียไม่ได้เอาม้ามาด้วย ไม่งั้นพวกเราคงตายกันหมด…” ลาสถอนหายใจออกมายกใหญ่ ไม่ถึง 2 ชั่วโมง เขาก็พ่ายแพ้ไปแล้ว
นายกองคนหนึ่งพยายามที่หยุดการแตกแถวของกองกำลัง “อย่าแตกแถว! กลับไปสู้พวกลีโอ-” เขาตะโกนไม่หยุด แถมยังใช้ดาบขู่นายทหารของตัวเอง จนดักลาสต้องเดินไปหาเขาและตบไหล่สองครั้งเพื่อให้นายกองหยุดการกระทำทุกอย่าง
“แต่ท่านครับ! พวกหนีทัพไม่ควรที่จะมีชีวิตอยู่ พวกเรายังสู้ต่อได้!” เขายังคงไม่ยอมแพ้
ดักลาสชี้ไปยังแถวของลีโอเนียที่ไม่ขยับไปไหนตั้งแต่กองกำลังของเขาแตกพ่าย พวกลีโอกลับยอมปล่อยให้พวกเขาหนี ช่างน่าแปลก…
“อย่าได้หลงกลพวกมันลีโอเนีย พวกเขาอยากจะให้เราแตกคอกันเอง” ลาสชะงัก “ ฉันไม่สนว่าคนของฉันจะวิ่งหนี ตราบเท่าที่พวกเขากลับมาสู้ต่อ… ช่วยคนเจ็บและรีบถอยหนีกันเถอะ!”
นายกองได้ตกใจกับความคิดของนายพลผู้ยิ่งใหญ่ เขามองดักลาสเดินไปหาคนที่กำลังวิ่งและกล่าวกับพวกเขา
“สหายนายดูไม่ค่อยดีเลยนะ พักหายใจและช่วยคนเจ็บก่อน! ค่อยถอนกำลังอย่างช้าๆ ไม่ต้องรีบร้อน”
ดักลาสตะโกนพูดกับกองกำลังที่แตกพ่ายอย่างไม่วิตกกังวล แม้ว่าเขาต้องเสี่ยงตายจากลูกปืนของฝั่งตรงข้าม อย่างน้อยกองพลที่ 5 และ 6 ก็คงเริ่มถอยกลับไปยังวอลตันแล้ว ความพ่ายแพ้ในครั้งนี้คงเป็นความผิดของเขา แต่อย่างน้อยเขาก็ยังรักษาความสามัคคีของกองกำลังเอาไว้ได้