ตอนที่ 159 ชายคนนั้นมาที่เซียงเจียง
"ต้องเป็นเขาไม่ผิดแน่"
แววตาของหวางหมันหยูเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ภาพในหัวของเธอมีร่างชายคนหนึ่งปรากฎอยู่
นับตั้งแต่รู้จักการชายคนนี้ ไม่มีหนุ่มๆคนไหนในเซียงเจียงสามารถเทียบกับเขาได้เลย หนุ่มพวกนั้นเป็นเพียงแค่เศษฝุ่นสำหรับเขา
"ถ้าไม่ใช่เขา ประธานจางคงไม่ต้องไปรอเองให้เสียเวลาหรอก"
หวางหมันหยูสูดหายใจเข้าลึกๆ
หวางหมันหยูรู้สึกอิจฉาจางหม่านเล็กน้อย เธอเป็นบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยระดับล่าง แต่ชายคนนี้กลับตั้งเธอขึ้นเป็นประธานบริษัทและให้บริหารงานแทนเขา
ตอนนี้มูลค่าของเงินที่เธอต้องจัดการมีมากกว่าพันล้าน
หวางหมันหยูทำงานมาตั้งหลายปีจนได้เป็นผู้จัดการ เธอยังไม่เคยจัดการเงินที่เยอะเท่ากับจางหม่านมาก่อน
จางหม่านเธอทำบุญด้วยอะไรถึงได้โชคดีแบบนี้
"เขา? เขาเป็นใครเหรอครับ?"
พนักงานของ HSBC ถามหวางหมันหยูด้วยสีหน้างุนงง
"ออกไป"
หวางหมันหยูไม่ตอบ เธอได้ไล่ให้พนักงานคนนั้นออกไป หลังจากที่พนักงานคนนั้นออกจากห้องไป เธอได้มองเข้าไปที่เอกสารที่กองอยู่ตรงหน้าเธอ
นี่คือข้อตกลงที่ลงนามร่วมกับบริษัทว่านเซี่ยง กรุ๊ป
"เขาเป็นใครงั้นเหรอ?"
หวางหมันหยูยิ้มที่มุมปากของเธอ
"แน่นอน ชายที่ชื่อซูข่านยังไงล่ะ"
เขาเป็นผู้ชายที่น่าทึ่ง นอกเหนือจากทักษะการอ่านตลาดหุ้นของเขาแล้ว
ทักษะการวิเคราะห์ราคาน้ำมันของเขาน่ากลัวซะยิ่งกว่า
ทักษะการเจรจาต่อรองของเขาก็ไม่ใช่ธรรมดา
มาหลอกให้เราแก้สัญญา ตอนแรกฉันคิดว่าเขาเสียสติไปแล้ว ถึงได้เสนอสัญญาบ้าๆแบบนั้น
หวางหมันหยูถอนหายใจขณะมองไปที่กองเอกสารข้างหน้าเธอ
"ตอนนี้ราคาน้ำมันดิบได้พุ่งขึ้นไป 2 เท่า ส่วนแบ่งของธนาคารกับคุณคงไม่ใช่น้อยๆเลย"
"ดูเหมือนว่าราคาน้ำมันก็ไม่มีท่าทีที่จะหยุดพุ่งเลย อาจจะพุ่งสูงทั้งปีเลยก็ได้"
หวางหมันหยูได้นั่งลงที่เก้าอี้ของเธอ รูปร่างที่สมส่วน แม้ขณะนั่งก็ไม่มีแม้กระทั่งไขมันในท้องส่วนล่าง บ่งบอกได้ถึงการดูแลหุ่นที่ดีของหวางหมันหยู
เธอได้มองไปที่หน้าจอบนโต๊ะของเธอ มันกำลังแสดงกราฟของราคาน้ำมันอยู่ ราคาน้ำมันที่เธอได้เปิดเป็นเส้นที่กำลังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งก็มีตกลงมาบ้าง เป็นราคาที่ค่อนข้างผันผวนในแต่ละวัน
แต่ท้ายที่สุด ราคาของน้ำมันจะสูงขึ้นกว่าตอนเปิดตลาดเสมอ
หวางหมันหยูไม่แน่ใจที่ซูข่านมาที่เซียงเจียงเพราะเรื่องนี้รึเปล่า
หรือว่าเขาจะมาจัดการถอนทุนในสัญญาที่เขาได้ทำไว้กับ HSBC
"เฮ้อ"
"มาถึงเซียงเจียงทั้งที่ แต่ไม่คิดจะบอกเราหน่อยเหรอ คิดว่าฉันจะตรัสรู้เองได้รึยังไง"
ขณะเดียวกันที่โรงแรมเพนนินซูล่า
"ฮัด….ชิ้ววววว"
ซูข่านได้จามออกมา เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
อากาศในเซียงเจียงกับที่หนานจิงก็ใกล้เคียงกัน ที่นี่ดูเหมือนจะอุ่นกว่าที่หนานจิงด้วยซ้ำ อุณหภูมิเกือบ 30 องศาแบบนี้ มันไม่ควรที่จะทำให้เขาเป็นหวัดเลย
รึว่ามีใครกำลังนินทราเราอยู่
ระหว่างที่ซูข่านกำลังคิด ก็มีเสียงเล็กๆดังขึ้น
"เจ้านายคะ"
"เจ้านายเป็นอะไรไหมคะ?"
จางหม่านมองหน้าซูข่านด้วยความสงสัย และถามเขาต่อว่า
"เจ้านายไม่สบายรึเปล่า ให้ฉันเรียกหมอให้ไหม?"
"ไม่ต้อง"
ซูข่านส่ายหัว
จากนั้นจางหม่านก็ได้หยิบคีย์การ์ดออกมาแล้วแตะไปที่ลิฟต์ ลิฟต์ได้พาพวกเขาทั้งหมดไปยังชั้นบนสุด
ประตูลิฟต์เปิดออก
"นี่คือห้องของพวกคุณค่ะ ส่วนห้องตรงข้ามเป็นห้องของเจ้านาย"
จางหม่านได้เปิดไปเปิดประตูห้องให้กับซงหมิงเจียงและเพื่อนของเขา
ซูข่านรู้สึกพอใจในตัวจางหม่านมาก เธอรู้ว่าคนพวกนี้ต้องไม่คุ้นเคยกับระบบของโรงแรมมาก่อน การที่เปิดประตูให้ ทำให้พวกเขาไม่ต้องเสี่ยงเจออุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน
"พวกนายไปพักผ่อนกันก่อน เดี๋ยวมีอะไรฉันจะเรียกอีกที"
ซูข่านได้หันไปพูดกับซงหมิงเจียง
"ครับพี่สาม"
ซงหมิงเจียงพยักหน้า จากนั้นพวกเขาก็ได้ขนสัมภาระเข้าไปในห้องของพวกเขา
ใบหน้าที่สวยงามของจางหม่านแดงขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเธอจะได้อยู่ในห้องสองต่อสองกับซูข่านอีกครั้ง
มันดูน่าเกลียดเกินไปไหมนะ
"ตี๊ด"
จางหม่านเอาคีย์การ์ดแตะไปที่ประตูและเดินเข้าไป ดูเหมือนว่าหัวใจของเธอเต้นเร็วราวกับมีกวางมาวิ่งเล่นอยู่ในหัวใจของเธอ
ระหว่างที่เดินเข้ามาในห้อง ก็มีความคิดผุดขึ้นมาในหัวของเธอ
ถ้าพูดกับเจ้านายตรงๆ เขาจะปฏิเสธไหมนะ
เอ๊ะ ฉันกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย หยุดความคิดบ้าๆนั่นเดี๋ยวนี้นะ
ฉันบอกให้หยุดไง หยุดเดี๋ยวนี้
"เธอทำอะไรอยู่?"
ซูข่านที่เดินตามจางหม่านเข้ามา เขาได้หยุดเพราะว่าจางหม่านไม่ได้เดินต่อเข้าไปในห้อง เธอเลยกำลังยืนขวางทางซูข่านอยู่
"เอ๊ะ"
คำพูดของซูข่านได้ปลุกจางหม่านให้หลุดจากภวังค์ของเธอ หน้าของเธอแดงก่ำจนไม่สามารถหันหน้าไปมองกับซูข่านได้แล้ว เธอรีบก้มหน้าลงและปิดประตู
ซูข่านเดินเข้าไปในห้องก็พบว่านี้มันไม่ใช่ห้องนอน มันเป็นเพียงห้องนั่งเล่นเท่านั้น
ห้องถูกตกแต่งในสไตล์ยุโรป มีพรมที่ทำจากขนสัตว์ซึ่งมันนุ่มมาก ไม่มีเสียงเดินขณะอยู่บนพรมนี้
ซูข่านได้เดินต่อไปที่หน้าต่างและมองดูผ้าม่านที่ปิดอยู่
เขาได้เอามือไปเปิดผ้าม่านออก ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้น นี่เป็นหน้าต่างบานใหญ่มาก สามารถมองเห็นถึงท่าเรือได้เลย
นอกจากนี้แล้วยังสามารถมองไปรอบๆเมืองเซียงเจียงได้อีกด้วย
ซูข่านยังเห็นตึกที่กำลังก่อสร้างอยู่นับไม่ถ้วน นี่เป็นช่วงเวลาที่ในฮ่องกงเจริญที่สุดช่วงหนึ่ง แต่จะมีใครรู้หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับตึกพวกนี้
อีกไม่เกิน 1 ปี ในฮ่องกงจะต้องพบการเหตุการณ์ราคาที่ดินลดฮวบอย่างไม่มีใครหยุดได้
ผู้คนนับไม่ถ้วนได้ล้มละลาย รวมถึงบริษัทอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้ด้วย
"ฉันชอบห้องนี้มาก"
ซูข่านรู้สึกพอใจกับห้องนี้เป็นอย่างมาก นี่เป็นห้องที่หรูหรามาก ต่อให้ผ่านไปอีกสัก 10 หรือ 20 ปี ก็ยังเป็นห้องที่หรูหราอยู่ดี
ราคาต่อวันน่าจะ 2,000 หยวน ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเงินเดือนทั้งหมดของคนในเซียงเจียงก็ได้
"เจ้านายชอบ ฉันก็ดีใจค่ะ"
จางหม่านยิ้มทันทีที่ได้ยินคำพูดของซูข่าน เธอรู้สึกโล่งใจที่เขาชอบ
ซูข่านได้มองไปรอบๆห้องและก็นั่งลงบนโซฟา
"เธอก็นั่งสิ"
ซูข่านชี้ไปที่โซฟาตรงข้ามเขา
"ค่ะเจ้านาย"
จางหม่านนั่งลง โชคดีจังที่เขาชี้มาที่โซฟาตัวนี้ ไม่อย่างงั้นจางหม่านอาจจะมีความคิดที่ไปไกลกว่านี้แล้วก็ได้