Ep.302 - รวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์
2/2
Ep.302 - รวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์
คนทั้งสองนับว่ามีหัวใจอันยิ่งใหญ่
ต้องขอชื่นชมจากใจจริง
ยังจำได้ไหมว่าทำไมเฉินหยูถึงเลือกบินเดี่ยว?
นั่นเพราะเธอคาดการณ์ได้ล่วงหน้า ว่าด้วยชื่อเสียงและอิทธิพลที่ยิ่งนานยิ่งเพิ่มขึ้นของฮังอวี่ สุดท้ายเขาจะได้ครองอำนาจแต่เพียงผู้เดียว
อีกทั้งเฉินหยูยังไม่มั่นใจว่าจะแข่งขันกับจ้าวหมิงและฉูเทียนหัวได้ นับประสาอะไรกับฮังอวี่ ดังนั้นเธอจึงเลือกเดินทางอื่น แยกตัวออกไปคนเดียว
แต่เธอคงจินตนาการไม่ออกแน่นอน
ว่าจ้าวหมิง ฉูเทียนหัวจะเป็นคนเลือกรวมทีมด้วยตัวเอง
ทั้งสองนำทีมที่ขัดเกลามาอย่างดี สุดท้ายยอมถวายถึงมือฮังอวี่
สละตำแหน่งหัวหน้าแล้วให้ฮังอวี่นั่งบนบัลลังก์
จ้าวหมิงกล่าว “เพื่อประโยชน์ของสถานการณ์โดยรวม ฉันหวังว่านายจะไม่ปฏิเสธ”
บอกตามตรงนะ
การกระทำหลายอย่างของฮังอวี่
มันทำให้จ้าวและฉูรู้สึกสับสนเล็กน้อย
เพราะชายหนุ่มผู้นี้บางครั้งก็ไม่เล่นตามกฏเกณฑ์ทั่วไป
สิ่งที่พวกเขากังวลมากที่สุดก็คือ ฮังอวี่ไม่ชอบมีพันธะหรือเพิ่มความรับผิดชอบ สุดท้ายปฏิเสธข้อเสนอนี้ ... ขืนฮังอวี่ปฏิเสธที่จะเป็นผู้นำ แผนการรวมทีมและปรับโครงสร้างทีมคงไม่สามารถดำเนินต่อได้
ฮังอวี่หัวเราะ “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่คนๆหนึ่งจะลุยเดี่ยวได้ ในเมื่องพวกคุณเชื่อใจผม และผมก็สนิทกับทุกคนแล้ว ดังนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปฏิเสธ!”
ทั้งสองถอนหายใจโล่งอก
ก่อนหน้านี้ที่ฮังอวี่มักฉายเดี่ยว
มันไม่ได้หมายความว่าเขาชอบทำงานคนเดียว
แต่ต้องมาพูดถึงคำถามที่ว่าข้อได้เปรียบที่แท้จริงของฮังอวี่คืออะไร?
มันคือประสบการณ์และข้อมูลที่ทำให้สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้!
ช่วงแรกๆของป่าแห่งการเริ่มต้น ในโลกวิญญาณทุกคนเริ่มใหม่จากศูนย์ แต่ในโลกจริงยังคงหลงเหลืออำนาจและอิทธิพลอยู่ เช่นนั้นคนธรรมดาอย่างเขาจะสู้กับเถ้าแก่ใหญ่อย่างจ้าวหมิงและคนที่มีเบื้องหลังเป็นกองทัพอย่างฉูเทียนหัวได้อย่างไร?
หากเริ่มต้นด้วยเส้นทางสร้างทีมตั้งแต่แรก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเท่ากับเป็นการขุดหลุมฝังตัวเอง เป็นการใช้จุดอ่อนของตนโจมตีจุดแข็งของอีกฝ่าย
ต่อให้ฮังอวี่สามารถคุมทีมได้ในช่วงแรก แต่คุณภาพและอิทธิพลของเขาไม่สามารถเทียบกับจ้าวหมิงและคนอื่นๆได้แน่นอน
ต้องรู้นะว่าการดูแลพัฒนาการของทีมนั้นไม่ได้จบแค่เรื่องพาอัพเลเวล แต่ยังรวมไปถึงการจัดสรรทรัพยากร สกิล อุปกรณ์ เพื่อช่วยให้สมาชิกเติบโต เจียระไนพวกเขาตั้งแต่เนิ่นๆ คอยวิ่งเต้นแก้ปัญหาต่างๆ สุดท้ายเปลืองพลังงานตัวเอง ในขณะที่เขาเป็นแค่คนธรรมดาซึ่งไม่เชี่ยวชาญเรื่องนี้ และนั่นเป็นการขัดขวางความก้าวหน้าส่วนบุคคลของตัวเขาเองมาก
ดังนั้นในช่วงเริ่มเกม
กลยุทธ์ของฮังอวี่จึงชัดเจนมาก
ประการแรกคือต้องแน่ใจว่าทุกการกระทำจะนำมาซึ่งความแข็งแกร่งและพลังรบแก่เขา
ประการที่สองคือต้องแน่ใจว่าทุกการกระทำจะนำมาซึ่งผลประโยชน์สูงสุดแก่ตนเอง
เขาเชื่อ
ตราบใดที่ก้าวนำทุกคนหนึ่งก้าว
เขาก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกกลืนหายไปกับกระแส
สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตคือผู้แข็งแกร่งย่อมเป็นที่เคารพ ดั่งคำกล่าวที่ว่าหากดอกไม้บานย่อมดึงดูดผีเสื้อ เมื่อพลังรบและอิทธิพลส่วนบุคคลสูงส่งมากพอ เพียงคุณตะโกน ทุกคนก็จะตอบรับ ดังนั้นการเน้นพัฒนาตัวเองก่อนจึงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
เมื่อเข้าสู่อาณาจักรมังกรโลกา
สิ่งที่เขาทุ่มเทลงมือก็สุกงอม
ในยามที่มนุษยชาติต้องเผชิญหน้ากับกำแพงอุปสรรคครั้งใหม่
ฮังอวี่เชื่อว่าด้วยพลังของเขา ย่อมดึงดูดผู้คนให้มาเข้าร่วมกับตัวเอง
อย่างไรก็ตาม
เขาไม่คาดหวังเลย
ว่าสุดท้ายพอรู้สึกง่วง จะมีคนส่งหมอนมาให้ถึงที่
จ้าวหมิง ฉูเทียนหัวตระหนักได้ว่าความสามารถของตนเองมีจำกัด
นอกจากนี้ พวกเขายังตระหนักถึงความสำคัญของความสามัคคี ดังนั้นหลังจากพูดคุยกัน จึงตัดสินใจลงมือ
และตัวเลือกของพวกเขามีประโยชน์มหาศาลแก่ฮังอวี่ การกระทำนี้ไม่ต่างจากการที่คุณปลูกต้นไม้ และเมื่อมันเติบโตก็มอบให้แก่ผู้อื่น
แน่นอน
การรวมทีมนี้
เขาไม่สามารถปล่อยให้จ้าวหมิง ฉูเทียนหัวต้องทนทุกข์
จ้าวหมิงเสียเงินในกระเป๋าเพื่อสร้างทีมไปเป็นจำนวนมาก รวบรวมอุปกรณ์และหินสกิลแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา ขณะที่ฉูเทียนหัวใช้ทรัพยากรของกองทัพในการขนย้ายวัสดุจำนวนมากมาในโลกวิญญาณ
สิ่งเหล่านี้ที่พวกเขาลงทุนไป
ฮังอวี่ไม่สามารถฮุบเป็นของตัวเองได้
ฮังอวี่เจรจาข้อตกลงกับทั้งสอง
สรุปว่าเงินทุนที่เสียไปเหล่านี้จะอยู่ในรูปแบบหนี้ของทีมที่มีฮังอวี่เป็นผู้นำ ต่อไปหลังจากได้รับสินสงคราม ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์หรือหินคริสตัล บางส่วนจะนำมาทยอยส่งคืนให้จ้าวหมิงกับฉูเทียนหัวจนกว่าจะครบจำนวนที่พวกเขาเคยเสียไป
ฮังอวี่ทำหน้าที่เป็นผู้นำ
จ้าวหมิง ฉูเทียนหัวทำหน้าที่เป็นรองผู้นำ ซึ่งมีสถานะเท่าเทียมกัน
หลังจากทั้งสามประกาศข่าวนี้ออกไป ทุกคนแตกตื่นตกใจ
แต่สุดท้าย ผลปรากฏว่าไม่มีใครคัดค้าน ตรงกันข้าม พวกเขากลับเริ่มรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ
หากมองในภาพใหญ่
นี่เป็นข่าวดีอย่างไม่ต้องสงสัย
เจียงหนานปรบมืออย่างมีความสุข “ยอดเยี่ยม! ตอนนี้เท่ากับว่าพี่มหาเทพกลายเป็นหัวหน้าที่แท้จริง และฉันจะได้กลายเป็นลูกน้องของเขาอย่างเป็นทางการ ได้อยู่ในการดูแลของมหาเทพ ต่อไปฉันก็สบายใจแล้ว!”
จางเสี่ยวเฉียงเองก็กล่าวด้วยความตื่นเต้น “ด้วยการนำทีมของลูกพี่ฮัง ประธานจ้าว และบอสฉู ฉันไม่เชื่อเด็ดขาดว่าจะฆ่าพวกมนุษย์จิ้งจอกไม่ได้!”
ตอนนี้กำหนดแค่ตำแหน่งคร่าวๆไว้ก่อน
รายละเอียดอื่นๆค่อยปรึกษากันเพิ่มเติม
ขณะนี้มีจำนวนคนที่อยู่ในอาณาจักรมังกรโลกามากกว่า 90 คน
และในอีกไม่กี่วัน ทีมที่อยู่ในป่าแห่งการเริ่มต้นก็น่าจะทยอยกันผ่านด่านหอคอยเขตแดน หากนับแค่เฉพาะคนจากในค่ายมนุษย์หมูป่าที่มาจากค่ายทั้งสามแห่ง จำนวนคนน่าจะเพิ่มขึ้นหลายร้อย
หากไม่มีเรื่องใดผิดพลาด
ในเวลาประมาณ 10 วัน ทีมๆนี้น่าจะรวบรวมคนได้ถึงหลักพัน
ซึ่งนั่นเท่ากับเป็นทีมใหญ่
ฮังอวี่จึงตัดสินใจใช้รูปแบบการบริหารเหมือนของสกายเน็ต เมื่อบุคลากรใหม่เพิ่มเข้ามา พวกเขาจะถูกกระจายเข้าทีมของฉูเทียนหัวและทีมจ้าวหมิงในฐานะสมาชิกของกองพลน้อย
และในกองพลน้อยก็จะแบ่งเป็นทีมขนาดเล็ก กลาง และใหญ่
ทีมขนาดเล็กแบ่งเป็น 5 - 10 คน
ทีมขนาดกลางแบ่งเป็น 100 คน
ทีมขนาดใหญ่แบ่งเป็น 500 คน
และ 1000 คนสำหรับกองพลน้อย
วึ่งในทีมจะเป็นการผสมผสานกันตามเลเวล
สมาชิกทีมต่างๆสามารถเพิ่มหรือแลกเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์จริง
ปัจจุบันยังไม่มีคัมภีร์สัญญาในมือ
ทุกคนเลยยังไม่สามารถลงนามสัญญารวมทีมได้
อย่างไรก็ตาม ทุกคนเชื่อในตัวฮังอวี่ และฮังอวี่ก็เชื่อใจทุกคน ดังนั้นเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน
ต่อมา ฮังอวี่เริ่มทำหน้าที่ของเขา โดยเริ่มจากการแนะนำข้อมูล เขาเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดในพื้นที่บริเวณใกล้เคียง บอกตำแหน่งที่เหมาะสมในการล่ามอนสเตอร์ จากนั้นให้จ้าวและฉู ทั้งสองคนไปจัดการแนะนำทุกคนต่อ พาพวกเขาอัพเลเวล ล่าวัสดุและทรัพยากร เพื่อให้สามารถอัพเลเวลได้เร็วยิ่งขึ้น
...
สองวันต่อมา
ฮังอวี่สามารถสะสมแต้มวิญญาณในเลเวล 9 ได้มากถึง 50%
เลเวลของคนอื่นๆก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ด้านมนุษย์จิ้งจอก มันไม่ได้ส่งใครมาสอดแนมในบริเวณนี้เลย
และระหว่างนี้ หลายทีมได้ผ่านการทดสอบของหอคอยเขตแดนและเข้าสู่อาณาจักรมังกรโลกาอย่างต่อเนื่อง
เรื่องนี้ทำให้ทีมของฮังอวี่ขยายใหญ่ขึ้น มีสมาชิกเพิ่มกว่า 200 คน และในเวลานี้ ฮังอวี่ก็ได้รับข่าวดีจากทางเจียงเฉิง
ฉูเทียนหัวบอกเขา
โบสถ์มอนสเตอร์ผีซ่อมแซมตัวเองเสร็จสิ้นแล้ว
เขตแดนลับแห่งการทดสอบพร้อมเปิดให้ใช้งาน
ฮังอวี่ค่อนข้างสนใจเรื่องนี้ ดังนั้นหลังจากทราบข่าว เขาก็โทรหาซูหยุนปิงทันทีและตัดสินใจว่าจะลองแวะไปดู