Chapter 335(อ่านฟรีทุกตอนที่ลงท้ายด้วย 5-6)
อย่างที่เราทราบกันดี ใน Fantastic Four Mr.Fantastic รี้ด ริชาร์ด ชอบค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์ทุกวัน.
อย่างเช่น เปิดมิติไปต่างโลกแล้วจะได้เจอกับมอนเตอร์แบบไหนบ้าง.
คราวนี้ก็เหมือนกัน เมื่อซอดมาถึง ภายในอาคารก็เต็มไปด้วยมิติและเส้นทางมากมาย มันมากเสียจนหนังศรีษะชา.
ไม่ต้องพูดถึงความสยองขวัญบนเส้นทางเหล่านั้น.
Mr.Fantasticยังหายไป ซอดมองไปรอบๆ ถอนหายใจและจัดการมอนสเตอร์ทั้งหมดที่พุ่งออกมา
โดยการปรับการมีอยู่ของสสารมีจะเห็นได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์ผ่านคลื่นความโน้มถ่วงและคลื่นแม่เหล็ก ทางเชื่อมระหว่างมิติที่ 3 และและมิติที่ 4 สามารถจัดการปรับปรุงเวลาไทม์ไลน์ได้.
หลังจากที่ซอดใช้ความสามารถแบบนี้ เวลาและมิติภายในอาคารที่วุ่นวายก็เริ่มกลับมาเป็นระเบียบอีกครั้ง.
อย่างไรก็ตาม ไม่นานซอดก็ค้นพบว่าเวลาและมิติเหล่านี้เต็มไปด้วยพลังงานจุดศูนย์สุญญากาศจำนวนมาก.
อย่างที่เราทราบกันดีว่าทฤษฎีควอนตัมเป็นหนึ่งในสองเสาหลักของฟิสิกส์ยุคใหม่.
ทฤษฎีควอนตัมทำนายว่ามีพลังงานเบื้องหลังจำนวนมากในสุญญากาศ ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้สภาวะของศูนย์สัมบูรณ์ ซึ่งเรียกว่าพลังงานจุดศูนย์สุญญากาศ.
แนวคิดเรื่องพลังงานจุดศูนย์มาจากแนวคิดที่รู้จักกันดีของกลศาสตร์ควอนตัม: หลักการความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์ก.
หลักการระบุว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะทราบตำแหน่งและแนวโน้มของอนุภาคที่มีความแม่นยำสูงในเวลาเดียวกัน ดังนั้นเมื่ออุณหภูมิลดลงเป็นศูนย์สัมบูรณ์ อนุภาคก็ยังคงสั่นอยู่ มิฉะนั้นหากอนุภาคหยุดสนิทสามารถวัดแนวโน้มและตำแหน่งของอนุภาคได้อย่างแม่นยำในเวลาเดียวกันซึ่งเป็นการละเมิดหลักการของความไม่แน่นอน.
พลังงานของการสั่นสะเทือนของอนุภาคนี้ที่ศูนย์สัมบูรณ์ (การสั่นแบบจุดศูนย์) คือพลังงานจุดศูนย์.
พลังงานนี้ทรงพลังมาก จากการคำนวณของนักวิทยาศาสตร์ เวลเลอร์ ความหนาแน่นพลังงานของสุญญากาศสามารถสูงถึง 10^95gcm^3 ซึ่งหมายความว่าพลังงานที่เกิดจากการทำลายล้างของสสารในจักรวาลทั้งหมดอาจไม่มากเท่ากับพลังงานจุดศูนย์ของลูกบาศก์เซนติเมตรของสุญญากาศ!(TL:หลักการพวกนี้แปลตามที่เขาให้มาเลยเน้อไม่ได้เปลี่ยน)
ดังนั้นเราสามารถดึงพลังงานจุดศูนย์สุญญากาศขนาดใหญ่เช่นนี้ออกมาได้หรือไม่? หรือจะมีผลอะไรหลังการสกัด?
เนื่องจากกฏการอนุรักษ์พลังงานในเอกภพทั้งหมด จึงอาจถือว่าผลรวมของพลังงานนี้เป็นศูนย์เช่นกัน ฮอว์กกิ้งเชื่อว่าพลังงานที่ถูกครอบครองโดยการเคลื่อนที่ของสสารนั้นเป็นบวก ในขณะที่พลังงานโน้มถ่วงเป็นลบ (ต้องทำงานเพื่อกำจัดแรงโน้มถ่วง) จากนั้นการสกัดพลังงานจุดศูนย์ในสุญญากาศจะทำให้สสารในจักรวาลครอบครอง ด้วยพลังงานที่มากขึ้น จะมีผลบางอย่างมารบกวนเพื่อให้พลังงานทั้งหมดคงที่หรือไม่?
คริปตอนได้ศึกษามาถึงจุดนี้แล้ว และซอดไม่รู้ว่าโลกในชาติก่อนของเขาไปถึงได้ไกลแค่ไหนในด้านนี้ แต่การศึกษาของคริปตอนก็ยังไม่อาจทำได้.
เพราะหลังจากที่ตัวดำเนินการสกัดทำงาน |0> หรือ |0> จะไม่กลายเป็น |-1>
พลังงานจุดศูนย์สุญญากาศอยู่ที่ระดับพลังงานสถานะพื้นของสุญญากาศควอนตัม ภายใต้สถานการณ์ปกติ เป็นไปไม่ได้ที่จะดึงออกมาใช้โดยไม่ใช้พลังงานเพิ่มเติม พลังงานที่ใช้จะมากกว่าพลังงานที่ได้รับเท่านั้น.
กลับมาที่หัวข้อ มีความแตกต่างระดับพลังงานระหว่างสุญญากาศปลอมๆกับสุญญากาศจริง สิ่งนี้หมายความว่ายังไง?
หมายความว่าหากจุดใดจุดหนึ่งตกจากสุญญากาศเท็จไปสู่สุญญากาศที่แท้จริง พลังงานศักย์ที่เหลือเชื่อของมันจะให้พลังงานจลน์กับมันในปริมาณที่เท่ากัน ซึ่งเพียงพอสำหรับการระเบิดทำลายล้างโลก.
มันอาจจะกลายเป็นบิ๊กแบงก็ได้ คุณไม่ต้องสนใจแม้แต่เอเชี่ยนวัน!
หากมันเป็นอย่างที่พูด แต่ซอดก็มองอย่างตะลึงและยืนอยู่ตรงนั้น.
พลังงานจุดศูนย์ของสุญญากาศหนึ่งลูกบาศก์เซนติเมตรเป็นมากกว่าเรื่องของจักรวาล มันเป็นพลังงานมหาศาลที่ตัวเลขมากมายไม่สามารถอธิบายได้.
ขีดจำกัดจากจักรวาลเดียวไปถึงมัลติเวิร์สคือแนวคิดของ "อินฟินิตี้" และ "อินเทอร์นิตี้".
ศูนย์สุญญากาศโดยรอบสามารถรักษาความอันตรายของบิ๊กแบงที่อาจทำลายทั้งจักรวาลได้ทุกเมื่อ แต่ดูเหมือนว่า ซอดจะพบหนทางของเขาที่จะกลายเป็นมัลติเวิร์ส.
เราไม่สามารถดูดซับจักรวาลเพื่อเข้าถึงแนวคิดของ "อินฟินิตี้" และ "อินเทอร์นิตี้".
แล้วทำไมฉันถึงดูดซับพลังงานจุดศูนย์สุญญากาศที่ทำให้ไปถึงระดับนั้นได้?
อย่างที่ผมเพิ่งพูดไป เป็นไปไม่ได้ที่จะดึงพลังงานจุดศูนย์ของสุญญากาศตามปกติ แต่นี่คือจักรวาลมาเวลโลกที่ผมสามารถทำได้เพียงแค่คิด ฟิสิกส์พื้นฐานและกลศาสตร์ควอนตัมถูกประเมินว่าเปราะบางพอๆ กับพลาสติกโฟมและคนทั่วไปก็เข้าใจได้.
แล้วอย่างนั้นต้องทำอย่างไรจึงจะได้กระแสพลังงานคงที่จากสุญญากาศ?
คำตอบคือการดึงพลังงานที่มีค่ารวมเป็นศูนย์.
สกัดพลังงานสุญญากาศ ตามปกติโดยไม่ต้องใช้พลังงานใดๆเพิ่ม.
มันดูเหมือนเป็นเรื่องตลก แต่นี่คือของจริง.
ความรู้ในปัจจุบันของซอด เกี่ยวกับเวลาและมิติได้พิสูจน์แล้วว่าเริ่มจากมิติที่ 3 เป็นพื้นฐานและขยายเป็นมิติที่ 4 จนถึงขีดสุด เขาสามารถไปที่ใดๆหรือมิติไหนก็ได้ตราบเท่าที่มันอยู่ในขอบเขตของเขา.
นั่นก็คือมิติที่มีปฏิสสารจำนวนเท่ากันกับสสารทั้งหมดของจักรวาลปัจจุบัน ปริภูมิสามมิติเชิงลบ และแอนตี้จักรวาล.
ระดับพลังงานพื้นฐานสูญญากาศควอนตัมในพื้นที่ 3 มิติที่เป็นบวกเป็นระดับพลังงานสูงสุดในพื้นที่ 3 มิติเชิงลบ ในการต่อต้านจักรวาล ปฏิกิริยาพลังงานทั้งหมดดำเนินไปสู่ระดับพลังงานเชิงลบที่ต่ำกว่า.
หากระดับพลังงานของพลังงานจุดศูนย์สุญญากาศเท่ากับ 0 และระดับพลังงานในพื้นที่ปกติเท่ากับ 1 แสดงว่าระดับพลังงานปกติในจักรวาลคือ -1.
ดังนั้น ถ้าคุณต้องการดึงพลังงานจุดศูนย์ของสุญญากาศโดยไม่มีข้อจำกัด คุณต้องเจาะจักรวาลบวกและลบ แยกสถานะฐาน 0 และแยกออกเป็น +1/-1 ตามจำนวน เพื่อให้ผลรวมของพลังงานที่สกัดออกมายังคงเท่าเดิมสำหรับทั้งจักรวาล เป็น 0 แต่ในพื้นที่ 3 มิติเพียงอย่างเดียว มักจะมีพลังงานอีกจำนวนหนึ่งที่สามารถใช้ได้ตามใจชอบ.
ทุกครั้งที่ ซอด ดึงชิ้นส่วนของพลังงานจุดศูนย์สุญญากาศออก หมายความว่าพลังงานด้านลบจำนวนเท่ากันถูกผลิตขึ้นที่ด้านแอนตี้จักรวาล.
ตามจริงแล้ว พฤติกรรมการดึงพลังงานสุญญากาศนี้คาดว่าจะเร่งกระบวนการปฏิกิริยาระหว่างส่วนหน้าและส่วนหลังของจักรวาล และอาจเร่งการมาถึงจุดสิ้นสุดของจักรวาล... แต่นี่เป็นละอองของการสกัด จักรวาลช่างกว้างใหญ่ อย่าไปสนใจรายละเอียดพวกนี้เลย.(TL:อธิบายมากมายแล้วบอกอย่าใส่ใจ แต่ก็เข้าใจได้เพราะพระเอกซอดของเรากำลังจะได้พลังใหม่)
ดังนั้นแม้ว่าซอดในตอนนี้จะเข้าใจรายละเอียดทางเทคนิคของพลังงานจุดศูนย์สุญญากาศแล้ว แต่เขาก็ยังมีปัญหาในการปฏิบัติครั้งใหญ่ที่ต้องแก้ไข เช่น วิธีการเจาะทะลวงจักรวาลด้านบวกและด้านลบ และสร้างรากฐานที่สำคัญร่วมกันที่ปลายทางทั้งสองฝั่ง
ในด้านการผลการทดลองครั้งก่อน กาลอวกาศสี่มิติที่บิดเบี้ยวที่ศูนย์กลางของหลุมดำอย่างไม่ต้องสงสัยจะนำไปสู่ด้านแอนตี้จักรวาล แต่สสารใดๆก็จะต้องผ่านมิติที่ 4 ที่ศูนย์กลางของหลุมดำอย่างไม่ต้องสงสัย.
เพราะยิ่งใกล้กาลอวกาศบิดเบี้ยว เวลายิ่งผ่านไปช้า การเข้าไปในหลุมดำเสมือนเป็นการตายชั่วขณะ แต่สถาพภายนอกจะเห็นว่าร่างกายของเขาจะถูกแช่แข็งเมื่อเข้าใกล้ขอบของหลุมดำ.
แน่นอน สิ่งนี้สำหรับคนอื่นคือเป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับซอดมันง่ายมาก.
ซอดคิดอยู่ครู่หนึ่งและเริ่มบิดเวลาและมิติรอบๆตัวเพื่อสร้างเวลาและมิติในสภาวะใกล้เคียงหลุมดำ.
เมื่อเทียบกับเขา สิ่งภายนอกไม่ได้รับผลกระทบจากมิติและเวลา และกระบวนการของมิติและเวลาก็เริ่มเร่งเร็วขึ้นอย่างบ้าคลั่ง.