วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0070
บทที่ 25 เหตุผลที่นักผจญภัย ออกผจญภัย (2)
* * *
รีเบคก้าทำได้เพียง ใช้ดวงตาอันว่างเปล่าจ้องไปทางนักผจญภัยที่เพิ่งได้พบกันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
มนุษย์ผมสีดำดึงกระดาษคุณภาพสูงออกมาหนึ่งแผ่น
จากนั้นก็นำอุปกรณ์การเขียนคุณภาพสูงที่จอมเวทในเมืองใหญ่มักใช้กัน เขียนบางสิ่งลงบนกระดาษ
“ลิลี่ มาวิเคราะห์กัน”
“อื้อ”
“ฉันต้องให้ความสำคัญกับสิ่งใดเป็นอันดับแรก”
“ข้อจำกัดทางเวลา”
ชายคนดังกล่าวเงยหน้ามองรอยัลบลัด
เมื่อเห็นอีกฝ่ายประหลาดใจกับคำตอบ รอยัลบลัดมอบเหตุผล
“ไม่มีสิ่งใดรับประกันได้ว่า ปรสิตจะอยู่ในสถานะนี้ไปตลอด พรุ่งนี้มันอาจจะออกไปข้างนอกก็ได้”
“ไม่ใช่สิ่งที่ฉันคิดไว้ แต่ก็น่าสนใจดี”
มนุษย์เพศชายทึ่งกับคำตอบ แถมยังกล่าวชมเชยรอยัลบลัด
สำหรับรีเบคก้า เรื่องแบบนี้พบเห็นได้ยากมาก
รอยัลบลัดคือแวมไพร์ขุนนาง
แม้จะเป็นเผ่าเดียวกัน แต่ขุนนางกับสามัญชนก็มีความแตกต่างเชิงโครงสร้างร่างกาย
เผ่าพันธุ์ที่สูงส่งเช่นนั้น กับเผ่าพันธุ์ที่ถูกเก้าเทพทอดทิ้ง
ทั้งสองกำลังสุมหัวกันวางแผนล่าปรสิต
เป็นภาพที่ยากจะเชื่อลง โดยเฉพาะท่าทีของรอยัลบลัดที่ดูกระตือรือร้นเป็นพิเศษ
ถ้าคำนึงว่า รอยัลบลัดสามารถมองเห็นโฉมวิญญาณ
‘เธอเห็นสิ่งใดในตัวมนุษย์คนนี้?’
‘เขาพิเศษตรงไหน?’
ถึงจุดหนึ่ง รีเบคก้าพบว่าตนเริ่มคิดมากเกินไป จึงส่ายศีรษะแผ่วเบา
ระหว่างนั้น ทั้งสองยังคงสุมหัวกันเขียนบางสิ่งลงบนกระดาษ
คังซอนฮูกล่าวพลางวาดเครื่องหมายคำถาม
“สำหรับฉัน สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ มันมีหน้าตาแบบไหน”
“อ้อ…”
“แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่ระยะดักแด้ เพราะมันสามารถแผ่เส้นเลือดไปทั่วป่าได้”
“ใช่”
จากสิ่งที่รีเบคก้าเห็น คล้ายกับมนุษย์กำลังเปิดคลาสสอนการล่าให้รอยัลบลัดฟัง
ผ่านไปสักพัก รีเบคก้าตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้และเปิดปาก
“ไม่ใช่ว่าปรสิตโตเต็มวัยมีรูปร่างที่ตายตัวหรอกหรือ”
มนุษย์เงยหน้ามองรีเบคก้า
“ตามปรกติก็ใช่ แต่ถ้าจะล่ามันด้วยความคิดแบบนั้น เธอทำผิดไปแล้วครึ่งก้าว”
“เจ้าจะบอกว่าไม่ถูก?”
“รูปลักษณ์ของปรสิตโตเต็มวัย ได้รับอิทธิพลจากสิ่งกระตุ้นขณะอยู่ในดักแด้ ส่วนใหญ่จึงมีหน้าตาเหมือนกันหมด เพราะพวกมันล้วนได้รับสิ่งกระตุ้นจากป่า”
คังซอนฮูเงยหน้ามองเข้าไปในส่วนลึกของป่า
“แต่สถานการณ์ที่นี่ค่อนข้างพิเศษ ถ้าฉันด่วนสรุปจากประสบการณ์ ในกรณีเลวร้ายอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต”
“…อย่างนี้นี่เอง”
รีเบคก้าเริ่มสนใจประสบการณ์ของมนุษย์เพศชาย
เขาตาแหลมทีเดียว สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ของป่าทั้งที่เพิ่งเข้ามาได้ไม่กี่นาที
ดูเหมือนจะไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา แต่ก็ยังเดาไม่ได้ว่าเป็นใคร
เมื่อลองสมมติให้สิ่งที่ชายคนนี้พูดเป็นความจริง ทุกอย่างจะดูลงล็อกไปหมด
แต่อีกหนึ่งคำถามผุดขึ้น
“แล้วจะตรวจสอบยังไง? ในสถานการณ์แบบนี้ การลาดตระเวนเป็นเรื่องที่อันตรายมาก”
ไม่มีทางรู้ว่ามีตัวอะไรอยู่ข้างใน เว้นเสียแต่จะเข้าไปดูด้วยตาตัวเอง
แต่นั่นก็เท่ากับโยนตัวเองเข้าสู่ความเสี่ยง
ถ้าปรสิตผสานเข้ากับป่าจริง ไม่ใช่ว่าทั้งผืนป่าจะกลายเป็นเล็บและฟันของปรสิตหรอกหรือ
รีเบคก้าสัมผัสถึงอันตรายได้อย่างคลุมเครือ
มนุษย์เพศชายมองมาทางรีเบคก้าสลับกับนักบุญหญิง
“…ฉันขอรบกวนพวกเธอสักเรื่องได้ไหม”
“ขอฟังก่อน”
มนุษย์ชายหลับตาลง
“อย่าส่งเสียงเอะอะ”
“หา?”
“ฉันเบื่อที่จะฟังประโยคทำนองว่า ‘ทำไมมนุษย์ถึง…’”
“หมายความว่ายังไง…”
“ธาม-ทัตซาTham-tatha”
เสียงหนึ่งดังขึ้น เป็นเสียงที่เส้นเสียงของมนุษย์ไม่น่าจะเปล่งได้
อัศวินของศาสนจักรมีอำนาจสั่งการจอมเวทกลุ่มเล็ก
อัศวินผู้พิทักษ์อย่างรีเบคก้า จึงมีโอกาสเข้าถึงอักษรรูนมากเป็นพิเศษ
และสมัยที่ยังพูดได้ นักบุญหญิงก็เคยใช้ภาษารูนบ่อยครั้ง
แต่รีเบคก้าไม่เคยได้ยินภาษารูนที่มอบความรู้สึกโบยบินเช่นนี้มาก่อน
ธาม-ทัตซาTham-tatha
ภาษารูนของพวกโหราจารย์
ถึงจะโด่งดังในทางนั้น แต่อีกชื่อหนึ่งคือภาษาของพวกนักต้มตุ๋น
เพราะคำคำนี้จะทำให้ผู้ใช้แบ่งปันประสาทสัมผัสกับสิ่งมีชีวิตรอบข้าง
เป็นการยืมประสาทสัมผัสของสิ่งมีชีวิตในละแวกใกล้เคียง
ในทางกลับกัน สิ่งมีชีวิตโดยรอบก็จะตระหนักถึงผู้ใช้ด้วย
กล่าวคือ มันเป็นรูนที่ไม่เหมาะสำหรับฝั่งที่วางแผนจะลอบจู่โจม
“ทำไมมนุษย์ถึง…”
“ก็บอกว่าอย่าเอะอะ”
มนุษย์เพศชายกำลังหลับตาเพื่อเพ่งสมาธิ
ช่างน่าขัน พฤติกรรมที่ดูเป็นอันตราย กลับช่วยให้เขารับรู้สถานการณ์ทั้งหมดของป่าได้ภายในไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
* * *
ตลอดสองคืนที่ผ่านมา
ความรู้สึกในใจนักบุญหญิง เปลี่ยนจากกระวนกระวายเป็นอยากรู้อยากเห็น
คังซอนฮูสร้างสิ่งที่เกือบจะเป็นห้องทำงาน หมายความว่า เขากำลังวางแผนสำหรับการล่าเต็มรูปแบบ
ถักสานกิ่งไม้ ผสมทราย ต้มน้ำ ใส่สมุนไพรลงไปตามสัดส่วน และนำของเหลวที่ได้มาบรรจุใส่ขวดใบเล็ก
ทั้งสองจะดูดาวพลางทำอาหารกินในตอนกลางคืน และเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น พวกเขาจะก้มหน้าก้มตาทำงานหนัก
สิ่งที่ชายคนนั้นทำ ชวนให้ตั้งคำถามมากมาย
ลงทุนทำถึงขนาดนี้เพียงเพื่อช่วยป่า?
เขาเป็นนักผจญภัยไม่ใช่หรือ
ทุกคนที่ก้าวไปบนเส้นทางอันตราย ล้วนมีเหตุผลให้ต้องทำ
แล้วทำไมเขาถึงยอมสละเวลาและเรี่ยวแรงเพื่อช่วยป่า?
มนุษย์ไม่ใช่แบบนี้สักหน่อย
เหล่าปุถุชน โดยเฉพาะมนุษย์ มักไม่ทำในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์กับตัวเอง
นั่นคือเหตุผลที่มนุษย์ยึดติดกับคำทำนายไม่ใช่หรือ
คำถามมากมายลอยอยู่เต็มความคิดของนักบุญหญิง
คังซอนฮูถามกับนักบุญหญิง
“พวกเธอพอจะมีธนูไหม”
“…”
นักบุญหญิงมองไปทางอัศวิน อัศวินส่งคันธนูให้คังซอนฮู
“มันใช้สำหรับป้องกันตัวขณะเดินทาง จึงมีขนาดเล็ก ความแม่นยำต่ำ”
“ฉันไม่สนความแม่นยำ”
ประโยคดังกล่าวชวนให้ตั้งคำถามอีกครั้ง
ถ้าไม่สนความแม่นยำ แล้วจะใช้ธนูทำอะไร?
นอกจากนั้น มนุษย์เพศชายยังยืมลูกธนูไปสามดอก
และหันกลับมาบอกว่า ขอบคุณมาก รบกวนแค่นี้แหละ
นักบุญหญิงมองดูทั้งสองทำงานสักพัก ก่อนจะตัดสินใจช่วยมนุษย์เพศชายเหลาลูกธนูที่สั้นและพิเศษกว่าปรกติ
สองวันผ่านไปในลักษณะนี้
ชายคนดังกล่าวเริ่มสร้างตาข่ายแปลกๆ โดยการผสมเชือกกับกิ่งไม้
หยาบเกินกว่าจะเรียกว่าตาข่าย ดูคล้ายกับใยแมงมุมมากกว่า
หลังจากสิ่งที่มิอาจระบุตัวตนถูกสร้างเสร็จ มันถูกวางไว้บนพื้น บริเวณทางแคบที่เชื่อมระหว่างป่ากับพื้นดิน
จากนั้น คังซอนฮูถือมีดและมองเข้าไปด้านใน
“ลิลี่”
“อื้อ”
“ถ้าเธอทำตามแผน จะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เข้าใจใช่ไหม”
“แวมไพร์เชื่อใจคู่เชื่อมวิญญาณเสมอ ไม่ว่าจะเป็นแผนที่น่าขบขันสักเพียงใด”
ชายคนดังกล่าวพยักหน้าและมองไปทางนักบุญหญิง
“คงต้องขอความร่วมมือจากพวกเธอด้วย แต่ไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไร แค่ทำตามที่ลิลี่บอกก็พอ”
นักบุญหญิงเอาแต่มองพฤติกรรมของมนุษย์ชายด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น
เธอสามารถกะเกณฑ์ได้ว่า อันตรายด้านในรุนแรงแค่ไหน
นี่คืออำนาจของพลังศักดิ์สิทธิ์ นักบวชที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองของเทพ สามารถรับรู้ถึงอันตรายที่อาจจะโจมตีเข้ามา
จึงทราบเป็นอย่างดีว่า
มนุษย์ชายคนนี้อ่อนแอเกินกว่าจะฝ่าฟันอุปสรรคด้วยตัวเอง
ทว่า ความเชื่อมั่นบนใบหน้าของเขากลับไม่สั่นคลอน
เธอจึงยิ่งสงสัย เหตุใดเขาถึงมั่นใจนัก?
มนุษย์ชายมองเข้าไปในความมืด ด้านหน้ามีเพียงทิวทัศน์ของเห็ดยักษ์และเชื้อรากลมๆ
ชายคนนั้นไม่ได้จุดไฟ ด้วยเกรงว่าอาจเปิดเผยตำแหน่งตัวเอง
เขาไม่บุ่มบ่ามบุกเข้าไป เพียงวางมือแผ่วเบาบนต้นเห็ด
จากนั้นก็พูดเสียงค่อย
“ตื่นได้แล้ว”
กำลังพูดกับใคร?
หรือปลุกใจตัวเอง?
ขณะเธอคิดเช่นนั้น
ครืน!
ครืน!
เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกะทันหัน
ป่าทั้งป่าขยับเขยื้อน แมลงที่มีปีกส่องแสงเริ่มบินมารวมตัว
แมลงบินรอบคังซอนฮูสักพัก จากนั้นก็บินเรียงแถว โดยหันหัวไปยังทิศทางใจกลางป่า
แค่ดูก็รู้ได้ทันที
ปลายทางที่แมลงกำลังหันไป คือหัวใจป่าแน่นอน
พวกมันกำลังเตือนให้คังซอนฮูรู้ถึงการมีอยู่ของปรสิต
นอกจากนั้น ป่ายังปิดกั้นทางเข้าโดยเอนต้นเห็ดและพืชอีกหลายชนิดมาขวางทาง
‘ไม่สำเร็จหรอก อย่าเข้ามาเลย’
ราวกับป่ากำลังพูดเช่นนั้น
ประหนึ่งเข้าใจเจตจำนงของป่า มนุษย์ตอบด้วยเสียงหนักแน่น
“ฉันไม่สนความคิดของนาย ไม่ว่ายังไงก็จะเข้าไป เพราะฉันเตรียมตัวพร้อมแล้ว”
ป่ายิ่งปิดทางเข้าแน่นหนากว่าเดิม ทว่า นั่นดูคล้ายกับพฤติกรรมเชิงสัญลักษณ์มากกว่า
เพราะป่าอ่อนแอเกินกว่าจะห้ามมิให้มนุษย์ตรงหน้าเข้าไป
“อย่าเพิ่งถอดใจ… ต่อต้านมันให้ถึงที่สุด ฉันจะช่วยนายเอง”
ชั้นใต้ดินที่เคยเต็มไปด้วยเสียงแห่งชีวิตชีวา ถูกความเงียบครอบงำชั่วขณะ
ผ่านไปสักพัก ป่าขยับอีกครั้ง
เส้นทางที่เต็มไปด้วยเห็ดปริศนาและพืชถูกแหวกออก
ป่าใช้เรี่ยวแรงอันน้อยนิดของตน ช่วยเปิดทางให้มนุษย์
เมื่อคังซอนฮูขอร้องให้ป่าช่วยต่อต้าน ป่าก็เริ่มขยับทันที
นี่เป็นการสื่อสารอย่างแน่นอน
อย่าว่าแต่มนุษย์เลย กระทั่งเอลฟ์ก็ยังต้องสื่อสารกับป่าผ่านพิธีกรรม
ป่าแห่งนี้ยังไม่ตาย
แม้แต่รอยัลบลัดก็ยังมองไม่เห็นวิญญาณอันอ่อนแอของป่า แต่มนุษย์เพศชายกลับทราบดี และพูดคุยกับป่าอย่างเป็นกันเอง
ในบรรดาสามคนที่ยืนมอง มีเพียงลิลี่ที่ชินชา
“ลิลี่… เชื่อใจฉันนะ”
“ข้าเชื่อใจคู่เชื่อวิญญาณอยู่แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง”
มนุษย์คนดังกล่าวผงกศีรษะและหายตัวเข้าไปในความมืด
ลิลี่ที่ถือคันธนูและลูกศร นั่งลงและรอคอยอย่างอดทน
จนกระทั่ง
“มันไม่แปลกไปหน่อยหรือ”
อัศวินที่หมดความอดทน พูดขึ้นเป็นคนแรก
นักบุญหญิงก็คิดแบบเดียวกัน
ผ่านไปแล้วสองวันหลังจากคังซอนฮูหายเข้าไปข้างใน
การที่พวกเธอรอคอยอย่างใจเย็นมาตลอด เป็นเพราะสีหน้าอันเชื่อมั่นโดยไม่กระวนกระวายของรอยัลบลัด
แต่นี่ไม่นานไปหน่อยหรือ?
“การต่อสู้จะยืดเยื้อถึงสองวันเชียว? ที่แย่กว่านั้นก็คือ ไม่มีการตอบสนองกลับมาเลย ป่ามีแต่จะอ่อนแอลงเรื่อยๆ”
อัศวินกล่าวกับลิลี่
ลิลี่เงยหน้ามองอัศวิน
“เมื่อก่อนข้าคิดแบบเดียวกัน”
ลิลี่หวนนึกถึงการต่อสู้ในป่าเบอร์มิวด้าเมื่อนานมาแล้ว
ไม่สิ นั่นไม่ใช่การต่อสู้
“แต่เขาไม่ได้เข้าไปเพื่อสู้”
“แล้วเข้าไปทำไม?”
“ล่า”
“…ต่างกันด้วยหรือ”
ลิลี่ครุ่นคิด
สิ่งที่คังซอนฮูแสดงให้เห็นมาตลอด คือการตอกย้ำแก่นแท้คำสอนของบิดา
“สำหรับนักล่า สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่กล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งและเขี้ยวที่แหลมคม”
“แล้วมันคือ?”
อัศวินกับนักบุญหญิงฟังอย่างตั้งใจ
“การรู้จังหวะและสภาพแวดล้อมที่ตนสามารถเอาชนะได้ และพลังในการควบคุมปัจจัยเหล่านั้น”
นี่คือคาบเรียนวิชานักล่าที่คังซอนฮูสอนเธอ
ไม่ใช่การเข้าห้ำหั่นด้วยกำลัง แต่ต้องควบคุมปัจจัยให้เกิดผลลัพธ์ที่ต้องการ
ทันใดนั้นเอง
ฟุ่บ!
บางสิ่งพุ่งเข้ามาหา
โดยไม่ต้องรอยืนยันตัวตนของสิ่งนั้น ลิลี่รีบลุกขึ้นยืนพร้อมกับโก่งธนู
ฉึก!
สิ่งนั้นปักเข้ากับพื้นดินที่ลาดเอียง
“ลูกธนู?”
ลูกธนูที่ผูกกับเชือก
อัศวินพบความผิดปรกติ เพราะมนุษย์ที่เข้าไปข้างในไม่ได้พกธนูไปด้วย
“อัศวิน! ช่วยดึงเชือกให้ตึงหน่อย!”
รีเบคก้ารีบดึงเชือกโดยไม่คิดมาก
คล้ายกับปลายอีกฝ่ายผูกอยู่กับบางสิ่ง ออกแรงเพียงเล็กน้อยก็ดึงจนตึงได้ไม่ยาก
ลิลี่ง้างคันศร พลางนำหัวธนูแบบพิเศษ เกี่ยวเข้ากับเส้นเชือกที่ถูกขึงจนตึง
“…?”
หัวลูกศรมีอักษรรูนเล็กๆ วาดเอาไว้
ลิลี่ปล่อยสายธนู
ลูกศรพุ่งไปตามเส้นเชือกด้วยความเร็วสูง ก่อนจะหายเข้าไปในความมืด
ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับความแม่นยำ
เพราะเชือกจะคอยนำทางหัวลูกศรแบบพิเศษ
ลิลี่ยังคงยิงลูกศรที่เตรียมไว้ต่อไปเรื่อยๆ
“…โฮกกกก”
เป็นครั้งแรกที่เสียงคำรามดังมาจากด้านใน
อัศวินเกร็งมือข้างที่ถือดาบ พลางชำเลืองด้านหลังเล็กน้อยด้วยสีหน้าเป็นกังวล
รีเบคก้าเห็นนักบุญหญิงกำลังมองเข้าไปด้านในด้วยดวงตาเบิกกว้าง
ปรสิตปรากฏตัว
ใหญ่ราวครึ่งหนึ่งของทางเข้าอันกว้างขวาง
มีขาหลายสิบข้าง ก้ามยักษ์หนึ่งอัน
ดูผิวเผินคล้ายปู แต่รูปลักษณ์ที่น่าขยะแขยงของมัน ดูคล้ายกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมากกว่า
ปากที่ยื่นยาวทั้งหก พ่นฟองสีขาว
ข้างลำตัวมีเส้นเลือดห้อยระโยงระยาง
คล้ายกับปรสิตลากพวกมันออกมาด้วยความโกรธ
เส้นเลือดภายนอกทุกเส้นถูกตัดขาด แต่ไม่ได้ทำให้มันบาดเจ็บอะไรนัก
เมื่อเผชิญสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน อัศวินขบกรามแน่น
ผนังป่าทั้งแผ่นพังลงเพียงเพราะถูกก้ามของปรสิตเหวี่ยงใส่
นี่ไม่ใช่การโจมตี เป็นแค่การเคลื่อนไหวธรรมดา
“อัศวิน! ช่วยดึงเชือกข้างๆ ขึ้นมาด้วย!”
ลิลี่ตะโกน
รีเบคก้าชำเลืองเห็นเชือกวางอยู่ด้านข้าง จึงรีบดึงขึ้นมา
ลิลี่ก็ดึงเชือกในฝั่งตัวเอง
ต่างคนต่างอยู่คนละฝั่งของปากทางเข้าป่า ทั้งคู่ช่วยกันดึงเชือก จนกระทั่งตาข่ายที่วางไว้บนพื้นผงาดขึ้นมาปิดปากทางเข้า
รีเบคก้าคิดมาตลอดว่านี่เป็นไอเดียที่โง่เง่า
คิดว่าจะหยุดสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาได้ด้วยตาข่ายเชือกหยาบๆ แบบนี้?
ไม่ทาง
นี่เธอเผลอเชื่อใจนักผจญภัยเสียสติคนนี้ เพราะหลงคารมไปกับเรื่องราวอันน่าทึ่ง?
รีเบคก้าตัดพ้อ
ทว่า เพียงไม่นานก็ต้องตระหนักว่าตนคิดผิด
ตาข่ายที่ผงาดขึ้นมาปิดทางเข้า เนื้อแท้ของมันไม่ใช่ตาข่าย
แต่เป็นอักษรรูนที่ถูกวาดอย่างประณีต
“…”
การวาดรูนไม่ใช่เรื่องง่าย
คิดว่าอักษรรูนที่ถักจากเชือกจะแสดงผลได้ตามปรกติ?
รีเบคก้าไม่เชื่อเช่นนั้น
“คาห์สkaahz”
เมื่อรอยัลบลัดวางมือลงไปพร้อมกับเปล่งเสียงกระตุ้นการทำงาน
เปรี้ยะ!
“โฮกกกก!”
ปรสิตที่พยายามทำลายอักษรรูน ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากกระแสไฟฟ้าสีแดง
รีเบคก้าไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับว่าตนคิดผิด
อักษรรูนขนาดมหึมาที่ทอจากเชือก
มันคือ ‘บาเรียกีดกัน’ ที่นิยมใช้กันในอารยธรรมโบราณและเสื่อมหายไปตามกาลเวลา
ปรสิตที่พยายามพุ่งใส่ตาข่ายอยู่สักพัก ลงเอยด้วยบาดแผลไฟไหม้หลายจุดในแถบหน้า ขากว่ายี่สิบข้างของมันกำลังแกว่งไกวส่งเดช
* * *
การลอบโจมตี
เป็นการโจมตีที่สร้างความเสียหายได้มากที่สุด
ปรสิตที่เติบโตมาเรื่อยๆ จนเชื่อว่าตนไร้เทียมทาน กำลังแตกตื่นจนทำตัวไม่ถูก
ความโอหังที่มากพอๆ กับพละกำลัง ทำให้มันไม่แยแสต่อความเจ็บปวด
ปรสิตไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้โจมตีเป็นใคร
เส้นเลือดภายนอกร่างกายถูกตัดโดยไม่ทราบสาเหตุ
หลังจากนั้น ลูกศรประหลาดพุ่งเข้ามาปักร่างกาย
ตามด้วยลูกศรแบบเดียวกันอีกสองดอกที่ลอยมาตามเส้นเชือก
ลูกศรเหล่านี้นำมาซึ่งความเจ็บปวดราวกับถูกแผดเผา
ท่ามกลางความโกรธ มันไล่ตามเส้นเชือกไปจนพบคนยิงธนู แต่กลับชนกำแพงประหลาดจนร่างกายได้รับความเจ็บปวดอีกครั้ง
บาดเจ็บมากแค่ไหนแล้ว?
เสี่ยงต่อชีวิตถึงระดับไหน?
มันคำนวณไม่ถูก
การโจมตีที่ระบุต้นตอไม่ได้ กำลังสร้างความกลัวภายในใจ แต่ความโอหังอันล้นปรี่ช่วยให้มันลืมความหวาดกลัว
ปรสิตที่เหวี่ยงขาเข้าใส่บาเรียกีดกัน ต้องเสียขาไปสองข้างในทันที
จากนั้น มันเริ่มใจเย็นลง
ประการแรก ต้องรีบกลับไปยังใจกลางป่า นั่นคือถิ่นของตน
ขณะหันหลังกลับ
มันเพิ่งตระหนักว่ามีมนุษย์อยู่ข้างหลัง
มนุษย์เดินเข้ามาพร้อมกับมีดเล็กๆ ในมือ
นี่คงเป็นคนลงมือหลัก
ปรสิตรีบขยับก้ามยักษ์มาปกปิดกึ่งกลางลำตัวทันที
“…ลิลี่”
จากนั้น มนุษย์เปิดปากพูด
“หากสิ่งชีวิตที่กำลังเผชิญวิกฤติ พยายามปกปิดส่วนใดของร่างกาย มีโอกาสสูงที่บริเวณนั้นจะเป็นจุดอ่อน”
ปรสิตฟังไม่ออก
แต่รับรู้ได้จากสัญชาตญาณว่า มันเพิ่งทำพลาดมหันต์
มนุษย์เหยียดแขนออกมาหนึ่งข้าง บนนิ้วชี้มีแหวนสวมอยู่
ปลายนิ้วเล็งมายังจุดที่ปรสิตใช้ก้ามปกปิด
ด้านหลังก้ามคือตำแหน่งที่มีหัวใจสองดวงเต้นอยู่
แกร่ก!
แหวนส่องแสง ตามด้วยเสียงประหลาดๆ
ตอนแรกมันคิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“กิ…”
ดวงตาปรสิตเลื่อนไปยังจุดอ่อนของตัวเอง
ที่นั่นมีอักขระแปลกประหลาดถูกวาดไว้
จากนั้น
“กิกิกิ๊!!”
ความเจ็บปวดแสนสาหัสยิ่งกว่าของเดิมกำลังแล่นไปทั่วร่าง
ลูกศรสามดอกที่ปักอยู่บนลำตัว ค่อยๆ ปักเข้าไปลึกขึ้น
หัวลูกศรเริ่มเปลี่ยนทิศทางและเคลื่อนไหวภายในร่างกายปรสิต
* * *
ลิฟวิงเมทัล หรือที่เรียกกันว่าโกเล็ม
โลหะอ่อนที่ฝังอยู่ในร่างปรสิต จะค่อยๆ ไหลมารวมตัวกัน ณ ตำแหน่งของรูน
ไม่สนว่าระหว่างทางจะถูกกีดขวางด้วยเนื้อ กระดูก หรือหัวใจมากแค่ไหน
กฎของรูนไม่แยแสเรื่องนั้น
เมื่อเศษโกเล็มจิ๋วค่อยๆ เจาะทะลุผ่านอวัยวะภายใน ปรสิตทำได้เพียงดิ้นรนอย่างทรมาน ต้นเห็ดโดยรอบถูกทำลายจากการอาละวาด
มนุษย์ทำเพียงยืนจ้องฉากดังกล่าว
นักบุญหญิงและอัศวินเอาแต่จดจ้องมนุษย์ชาย
จนกระทั่งอัศวินเปิดปาก
“…เขาเป็นใครกันแน่”
“หึ…”
ลิลี่ยิ้ม
“นักล่า”
______________________
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (3/4)
ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:
https://www.facebook.com/bjknovel/
หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel