SWO ตอนที่ 71 โต้แย้ง
“มีอะไรเหรอจางอี้?” โจวเฮาถามด้วยความสงสัย
จางอี้เกาหัวของเขา “โจวเฮา คือพรุ่งนี้เป็นวันเกิดน้องสาวข้า ข้าเลยอยากเชิญเจ้ามาทานอาหารเพื่อขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือครั้งก่อน!”
เมื่อโจวเฮาได้ยินก็อดยิ้มไม่ได้ "แน่นอน ได้สิ ตั้งแต่รู้จักกันมาข้ายังไม่เคยเจอน้องสาวเจ้าเลย ว่าแต่ ทำไมเจ้าถึงไม่ชวนซูหลิงไปด้วยล่ะ? ข้าว่าแบบนั้นน่าจะดีเพราะพวกนางเป็นผู้หญิงทั้งคู่”
“ข้าไม่ค่อยสนิทกับซูหลิง…” จางอี้กล่าวด้วยความลำบากใจ
"นั่นไม่จริง หลายวันที่ผ่านมาเราทุกคนคุ้นเคยกันดีหลังจากได้ร่วมมือระหว่างฝึก ดังนั้นเลิกกังวลได้แล้ว ข้าเชื่อว่าตราบใดที่เจ้าถามนาง นางจะตกลง”
อย่างที่โจวเฮาพูด เมื่อซูหลิงได้ยินว่าเธอถูกชวนไปร่วมงานวันเกิดของน้องสาวจางอี้ เธอก็ตกลงทันทีโดยไม่ต้องคิด อีกทั้งยังบอกอีกด้วยว่าจะหาสถานที่ให้
จางอี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และตกลง
แม้ในอดีตจางอี้จะเคยยากจน แต่ตอนนี้สถานะทางการเงินของเขาดีขึ้นมากแล้ว เขาจึงต้องการให้วันเกิดปีนี้ของน้องสาวเป็นวันเกิดที่ดีที่สุด
เที่ยงวันรุ่งขึ้น โจวเฮาเดินตรงไปยังที่พักเต๋อหรานตามที่ตกลงกันไว้
เมื่อเขามาถึง เขาตระหนักว่ามีนักเรียนคนอื่น ๆ ในชั้นเรียนของเขาอยู่ที่นั่นด้วย แม้แต่หยวนเฉิง หยุนหยาน และอัจฉริยะหยานจิงที่เหลือก็อยู่นี้
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องเป็นฝีมือซูหลิงแน่นอน
เขารีบเดินไปหาซูหลิง และกระซิบ "ซูหลิง ทำไมเจ้าถึงชวนคนมามากนัก?"
ซูหลิงอธิบาย “เมื่อวานจางอี้บอกข้าว่าน้องสาวของเขามีความมั่นใจต่ำตั้งแต่นางยังเด็ก ทำให้นางแทบหาเพื่อนที่โรงเรียนไม่ได้เลย ดังนั้นเขาจึงขอให้ข้าทำให้น้องสาวของเขาร่าเริงร่าเริ
งดเถียงทันที่าง ทันใดลย ้าไม่หายมาช้านักขึ้น”
“อีกอย่างข้าคิดว่าเนื่องจากเราไม่เคยรวมตัวกันแบบนี้มาก่อน ข้าจึงใช้โอกาสนี้เพื่อเชิญทุกคนมา”
หลังจากที่โจวเฮารู้ เขาก็พูดไม่ออก
“งั้นหยวนเฉิง และพวกก็ตอบรับคำเชิญของเจ้าจริง ๆ?”
ซูหลิงยิ้ม “หยวนเฉิง และหยุนหยานเป็นคนคุยง่าย ส่วนฟางอวี่ เหลยจินเผิง และคนที่เหลือ พวกเขาน่าจะถูกหยวนเฉิงเกลี้ยกล่อมให้มา”
โจวเฮามั่นใจว่าซูหลิงไม่มีพรสวรรค์ในการต่อสู้มากนัก แต่ในแง่ของการรับมือกับผู้คน เธอได้รับมาจากพ่อเต็ม ๆ เพราะเพียงไม่กี่วัน เธอถึงกับสามารถเป็นมิตรกับหยวนเฉิง และหยุนหยานได้!
แน่นอนว่าสิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือเป็นอาจารย์เสิ่นต่างหากที่เกลี้ยกล่อมให้หยวนเฉิง หยุนหยาน และพวกมา
เมื่อเวลาผ่านไป จางอี้ และน้องสาวของเขากลับยังมาไม่ถึง
ห้องที่กว้างขวางซึ่งแต่เดิมมีชีวิตชีวาค่อยๆ กระสับกระส่าย
ท้ายที่สุด นักเรียนหลายคนมาเพราะซูหลิงเป็นคนเชิญพวกเขา
“ซูหลิง จางอี้อยู่ที่ไหน? ทำไมเขายังไม่มาอีก?”
“ไม่ใช่เขานัดเรามาฉลองวันเกิดน้องสาวเขาหรอกเรอะ? ทำไมเขาถึงมาช้านัก!”
“ใช่ นี่ก็เกือบจะบ่ายแล้วนะ หรือเขาจะลืมไปแล้วว่าเรายังมีเรียนอยู่!”
หลายคนเริ่มบ่น
ขณะที่หยวนเฉิง หยุนหยาน และอัจฉริยะหยานจิงที่เหลือยังคงเงียบเช่นเดิม
แต่ฟางอวี่ใช้โอกาสนี้เพื่อเยาะเย้ย “หากเจ้าไม่มีแม้แต่ความอดทน เจ้าจะเอาที่ไหนไปประสบความสำเร็จ! ทั้งชีวิตนี้ก็ย่ำอยู่กับที่ไปเสียเถอะ!”
เหลยจินเผิงสนับสนุน “พี่สาวฟางพูดถูก ในการต่อสู้กับเผ่าพันธุ์ภายนอก ความอดทนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เราก็มารอพร้อมกับพวกเจ้า แต่พวกเจ้ากลับเริ่มหมดความอดทนเสียแล้ว นี่แหละหนาโรงเรียนมัธยมเมืองฉู ไม่ต่างจากที่ข้าคิดเลยสักนิด!”
นักเรียนหลายคน ไม่ชอบฟางอวี่ และเหลยจินเผิงมานานแล้ว
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาของการฝึกต่อสู้เสมือนจริง ทั้งสองมักจะจับผิด และเยาะเย้ยพวกเขาทุกครั้งที่มีโอกาส ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยังเจ็บใจเรื่องเสียหน้าครั้งล่าสุดไม่หาย
นั่นทำให้พวกเขาที่ได้ยินฟางอวี่ และเหลยจินเผิงพูดระเบิดอารมณ์ออกมาทันที
“อดทน อดทน อดทน! แม้พวกเจ้าจะอดทน แต่พวกเจ้าก็ยังแพ้ซูหลิงของเราอยู่ดีไม่ใช่รึไง?”
“ฮาฮ่า พวกเขาเป็นอัจฉริยะของค่ายฝึกหยานจิงจริงดิ? ในความคิดของข้า พวกเขาน่าจะเป็นขยะที่อยู่ปลายแถวของค่ายฝึกหยานจิง!”
"ต้องเป็นเช่นนั้นแน่ ถ้าพวกเขาเป็นอัจฉริยะจริง ๆ พวกเขาจะถูกอาจารย์เสิ่นย้ายมาที่นี่เรอะ?”
พวกเขาตะโกนด้วยความโกรธ
ฟางอวี่ และเหลยจินเผิงที่กังวลเรื่องย้ายมาที่นี่มากอยู่แล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดในตอนนี้ ทั้งสองก็โกรธทันที
“พวกเราเป็นขยะ? อย่ามาทำให้ขำไปหน่อยเลย มาสิ ข้าจะสู้กับพวกเจ้าแบบไม่ต้องใช้มือให้ดู!”
“ไก่อ่อนอย่างพวกเจ้าควรรู้สึกเกียรติด้วยซ้ำที่ได้พูดกับเรา ท้ายที่สุดพวกเจ้าก็ไม่สามารถจัดการนักรบอสูรได้แม้แต่ตัวเดียว”
“พวกเจ้ามันก็แค่ขยะที่ดีแต่สร้างเรื่องเท่านั้น!”
นักเรียนคนอื่น ๆ ไม่คิดยอมแพ้จึงตะโกนขึ้นอีกครั้ง “ใช่ เราไม่สามารถเอาชนะเจ้าได้ก็จริง แต่อัจฉริยะไร้เปรียบของเราสามารถบดขยี้เจ้าได้ด้วยนิ้วเดียว!”
"ใช่ หยุดดูถูกโรงเรียนมัธยมเมืองฉูของเราได้แล้ว เมื่อเจ้าเห็นความแข็งแกร่งของอัจฉริยะไร้เปรียบเมื่อไหร่ เจ้าจะเข้าใจว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า!”
“ในสายตาของอัจฉริยะไร้เปรียบ เจ้าด้อยกว่ากระทั่งนักรบอสูรด้วยซ้ำไป!”
ในห้องที่กว้างขวางนั้นเต็มไปด้วยความโกลาหลทันที อีกทั้งยังมีสัญญาณว่าจะเกิดการต่อสู้อีกด้วย
ซูหลิงรู้สึกปวดหัวขึ้นมา และรีบหยุดพวกเขา แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไร
โจวเฮาก็รู้สึกหมดหนทางเช่นกัน เพราะทันทีที่ทั้งสองกลุ่มเจอกันเมื่อไหร่ มันต้องมีสักฝ่ายหาเรื่องทะเลาะเรื่อยไป
“ฮ่าฮ่าฮ่า พวกเจ้ากำลังแต่งเรื่องอีกแล้ว?”
“ไหน อัจฉริยะไร้เปรียบที่จัดการสามแม่ทัพอสูรขั้นสูงอยู่ไหน หากมีจริงก็ออกมาให้เราดูดิ!”
“หากเป็นเรื่องโอ้อวด ฝ่ายเราต้องยอมรับจริง ๆ ว่ายังด้อยกว่าโรงเรียนมัธยมเมืองฉูอยู่มาก!”
เหลยจินเผิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ฟางอวี่มองดูพวกเขาอย่างดูถูก
หยวนเฉิง หยุนหยาน และคนที่เหลือต่างส่ายหัวอย่างลับ ๆ
พวกเขามักจะได้ยินนักเรียนจากโรงเรียนมัธยมเมืองฉูพูดถึงอัจฉริยะไร้เปรียบอยู่บ่อย ๆ เอาเข้าจริงอย่าว่าแต่พวกเขาทั้งห้าที่เพิ่งย้ายมาเลย แม้แต่หัวหน้าครูฝึกของค่ายฝึกหยานจิงก็ยังไม่เชื่อ
“โจวเฮา รีบโทรหาจางอี้เร็วเข้า” ซูหลิงเร่งเขา
ก่อนหน้านี้โจวเฮาได้โทรหาจางอี้อยู่หลายครั้ง แต่อีกฝ่ายกลับไม่รับสาย
เขากางมือ และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเขาก็เห็นจางอี้ที่ดูกังวลปรากฏตัวที่ประตูห้อง
ทุกคนหยุดเถียงกันทันที
พวกเขาสามารถบอกได้ว่าจางอี้เวลานี้ใกล้พังทลายเต็มที..