Ep.299 - ตอบโต้ชาวโลกวิญญาณ
2/3
Ep.299 - ตอบโต้ชาวโลกวิญญาณ
ณ อาณาจักรมังกรโลกา
ในพื้นที่ที่ไม่โดดเด่นของแคว้นเดียวดาย
ภูเขาและทรายทะเลทรายแห้งแล้งครอบคลุมรัศมี 700 - 800 ไมล์
แคว้นเดียวดายมีอากาศร้อนมากในช่วงกลางวัน แม้แต่สายลมก็ยังแฝงไว้ซึ่งพลังงานแผดเผา ส่งผลให้พลังงานทางกายภาพของสิ่งมีชีวิตในที่นี่สิ้นเปลืองเร็วขึ้น และง่ายต่อการตกอยู่ในสถานะอ่อนแรง
นอกจากนี้ยังมีภัยธรรมชาติอันน่าสะพรึงกลัวที่เรียกว่า ‘พายุทะเลทรายแดง’ อันโด่งดัง หากถูกมันกลืนหายเข้าไป ส่วนใหญ่จะแหลกเป็นชิ้นๆ ตายในทันที เป็นอะไรที่อันตรายมาก
แน่นอน
แม้สภาพอากาศในแคว้นเดียวดายจะแห้งแล้งอย่างรุนแรง
แม้ว่าแคว้นเดียวดายจะเกิดภัยธรรมชาติขึ้นบ่อยครั้ง
แต่ด้วยพื้นที่อันกว้างใหญ่และไร้ที่สิ้นสุด ทำให้มีสิ่งมีชีวิตและเผ่าพันธุ์มากมายอาศัยอยู่ หนึ่งในนั้นคือมนุษย์จิ้งจอกอันมีชื่อเสียง
มนุษย์จิ้งจอกในพื้นที่นี้มีประวัติยาวนาน
เมื่อหกร้อยปีก่อน มีมนุษย์จิ้งจอกในฐานะขุนนางใหญ่ถือกำเนิดขึ้น
ตามตำนานเล่าว่า ขุนนางใหญ่มนุษย์จิ้งจอกผู้นี้มีสมุนมนุษย์จิ้งจอกระดับสูงอยู่มากถึงสองสามพันตัว เป็นกองทหารขนาดใหญ่มาก ซึ่งมากพอแล้วที่จะสยบขุนนางเล็กรอบๆ บังคับมอบส่วยเป็นบรรณาการ สะกดพวกเขาให้ไม่กล้าลุกฮือต่อต้านใดๆ
แต่น่าเสียดาย
ขุนนางใหญ่มนุษย์จิ้งจอกไม่พอใจกับสภาพที่เป็นอยู่
หลังจากการล่มสลายของผู้ครองแคว้นในเวลานั้น ขุนนางใหญ่มนุษย์จิ้งจอกเกิดความโลภในบัลลังก์ที่ว่างลง ซึ่งแน่นอน มันไม่ใช่คนเดียวที่ต้องการครองบัลลังก์นี้
ตราบใดที่ขุนนางใหญ่มีพลังรบมากที่สุด
ผู้นั้นก็จะสามารถขึ้นเป็นผู้ครองแคว้นได้!
ซึ่งตราบใดที่สามารถครองแคว้นเดียวดาย เจ้าเมืองทั้งหลายจะตกอยู่ใต้อาณัติของมัน มันจะกลายเป็นราชันย์ของแผ่นดินแถบนี้ มีสิทธิ์ครอบครองทุกสิ่งในดินแดน
ซึ่งพลังรบของขุนนางใหญ่มนุษย์จิ้งจอกนั้นไม่ได้เหนือกว่าขุนนางใหญ่ตนอื่นๆ สุดท้ายถูกกำจัดระหว่างการแย่งชิง ต่อมา กองกำลังมนุษย์จิ้งจอกก็สลายตัว และกลายเป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์รองในแคว้นเดียวดาย
มนุษย์จิ้งจอกระดับสูงถูกกำจัดจนหมดสิ้น
ณ ขณะนี้ ในพื้นที่ทางตะวันตกของแคว้นเดียวดาย มีมอนสเตอร์หลายชนิดที่เป็นสายพันธุ์รอง และมนุษย์จิ้งจอกในวิดีโอคือลูกหลานที่เกิดขึ้นหลังจากการล่มสลายของขุนนางใหญ่มนุษย์จิ้งจอก
ต่อมา ก็เริ่มมีบางตัวเกิดการตื่นรู้
มนุษย์จิ้งจอกแต่ละตัวที่เกิดการตื่นรู้เชื่อว่าพวกมันคือทายาทของขุนนางใหญ่มนุษย์จิ้งจอก
เย่โน่และเย่กู่เองก็คิดแบบนั้นเช่นกัน ดังนั้นพวกมันจึงต้องการสร้างสง่าราศีของบรรพชนขึ้นใหม่
แต่น่าเสียดายที่จำนวนมนุษย์จิ้งจอกระดับสูงนั้นมีน้อยเกินไป และพลังรบของพวกมันก็อ่อนแอ แม้อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม พวกมันก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนฟ้าฝนได้ ถูกกดขี่ต่างๆนาๆ และยังคงเฝ้าอดทนรอวันที่จะขึ้นผงาดอีกครั้ง
“เจ้าพวกนี้มันอะไรกัน?”
“ข้าไม่เคยเห็นเผ่าพันธุ์แบบนี้มาก่อนเลย”
เบื้องหน้ากลุ่มมนุษย์จิ้งจอก
คือซากศพมนุษย์หลายศพนอนกองอยู่
ศพทั้งหมดเริ่มเรืองแสงทีละเล็กทีละน้อย ค่อยๆระเหยไป
เย่กู่ดูสับสนมาก “เย่โน่ เจ้าเคยเห็นเผ่าพันธุ์เช่นนี้ไหม?”
มนุษย์จิ้งจอกทุกตัวมีรูปลักษณ์คล้ายคลึงกัน พวกมันตัวใหญ่และกำยำกว่าโคโบลด์ มีความสูงเฉลี่ยประมาณ 2 เมตร มีหัวจิ้งจอกอยู่บนคอ และใบหน้าที่ดูดุร้าย
ชาวโลกวิญญานก็มีช่วงอายุเช่นกัน
แต่โดยทั่วไปแล้วจะเริ่มคำนวณอายุตอนช่วงเวลาตื่นรู้
เย่กู่อายุ 5 ปี เนื่องจากการตื่นรู้ของ ‘จิ้งจอกสังหาร’ มันเกิดมาเป็นนักรบ ตอนนี้สวมชุดเกราะหนัง มีอุปกรณ์ค่อนข้างสมบูรณ์ อาวุธคือมีดสั้นและธนูสะพายหลัง
เย่โน่อายุ 6 ปี เนื่องจากการตื่นรู้ของ ‘จิ้งจอกวอล็อค’ มันเกิดมาเป็นนักเวทย์ สวมชุดพ่อมด ในมือถือไม้เท้า แม้ถือกำเนิดมาได้ 6 ปีแล้ว แต่ตายไปยังไม่ถึง 10 ครั้ง สามารถกล่าวได้ว่ามันพอมีพรสวรรค์ในการต่อสู้อยู่บ้าง
ทั้งสองออกมาจากจากสถานที่เดียวกัน
ตอนนี้ทั้งคู่ติดอยู่ในคอขวดเลเวล 10
หลังจากเลเวล 10 ขึ้นไป ในการอัพเลเวลทุกๆครั้ง สิ่งที่ต้องการไม่ใช่แค่แต้มวิญญาณแต่ยังมีเงื่อนไขอื่นอีก ดังนั้นจากเลเวลนี้เป็นต้นไป การที่เลเวลไม่เพิ่มขึ้นเลยเป็นเวลาหลายปีจึงเป็นเรื่องปกติ
“ข้าเองก็ไม่เคยเห็นเช่นกัน” เย่โน่ส่ายหัว “พวกมันเหมือนกับเอลฟ์จากทะเลทรายทางตอนใต้ แต่ก็มีความแตกต่างอยู่บ้าง ข้าไม่เคยพบสิ่งมีชีวิตเช่นนี้มาก่อน บางทีพวกมันอาจมาจากดินแดนอื่น หรือแม้แต่แคว้นอื่น”
เอลฟ์ทะเลทรายเป็นเผ่าพันธุ์ที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของแคว้นเดียวดาย
นี่คือหนึ่งในสายพันธุ์สาขาของเผ่าเอล์ฟ
และมนุษย์หากไม่นับหน้าตาแล้ว รูปลักษณ์อื่นๆของพวกเขาเหมือนเอลฟ์ จึงถูกเข้าใจว่าเป็นแบบนั้น
เย่กู่กล่าว “ปกติไม่น่าจะมีชาวต่างแคว้นเข้ามาในถิ่นของพวกเรา แต่ดูจากพลังรบของพวกเขาที่ช่างอ่อนแอแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาคงถูกเอารัดเอาเปรียบ โดนบีบคั้นมากเกินไป จึงยอมละทิ้งดินแดน มุ่งหน้ามายังแคว้นนี้”
เย่โน่เปิดใช้งานสกิลสอดแนม
มันเริ่มสำรวจรอบๆ “กลิ่นอายของพวกเขามาจากหุบเขาหมาป่าเดียวดาย บางทีอาจมีพรรคพวกคนอื่นๆอยู่ที่นั่น”
เย่กู่กล่าว “เอาไว้พวกเราฆ่าจ่าฝูงหมาป่าหายนะก่อน แล้วค่อยไปตามล่าเอลฟ์อ่อนแอพวกนี้!”
จากการคำนวณเวลาของเย่โน่และเย่กู่ พวกมันพบว่าถึงเวลาแล้วที่มอนสเตอร์ระดับเจ้าถิ่นหลายตัวจะฟื้นคืนชีพ ดังนั้นจึงมายังสถานที่เล็กๆของหุบเขาหมาป่าเดียวดาย แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ นอกจากเหยื่อระดับเจ้าถิ่นแล้ว ยังมีกลุ่มต่างแดนแสนอ่อนแอ ‘หลบหนี’ มาที่นี่อีกด้วย
ฆ่า!
เมื่อเจอกันที่ต้องทำก็มีแค่นี้ ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก
ในโลกวิญญาณ ผู้อ่อนแอมักเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่งมาโดยตลอด!
เมื่อพบชาวต่างแดนไม่ทราบที่มา อันดับแรกต้องตัดสินพลังรบของอีกฝ่าย
หากพลังรบของอีกฝ่ายอ่อนแอ พวกมันคือเหยื่อ ก็แค่ฆ่าทิ้งซะ!
แต่หากพลังรบของอีกฝ่ายแข็งแกร่งมากหรือมีจำนวนมาก ที่ต้องทำก็แค่วิ่งหนี ยิ่งไกลเท่าไหร่ยิ่งดี!
ตราบใดที่ไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกันหรือกลุ่มพันธมิตร การฆ่ากันเองสามารถช่วงชิงแต้มวิญญาณและทรัพยากรได้ กฏนี้ของโลกวิญญาณไม่มีวันเปลี่ยนแปลง กิจวัตรหลักในโลกวิญญาณจึงถูกกำหนดให้มีแต่เรื่องโหดร้ายและเต็มไปด้วยการฆ่า
เย่โน่ เย่กู่ มิใช่ชนพื้นเมืองที่แข็งแกร่งอะไรมากมาย
ดังนั้นพวกมันจึงไม่ดูแคลนเผ่าพันธุ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
นอกจากมนุษย์จิ้งจอกระดับสูงทั้งสองตัวแล้ว ที่ติดตามมากับพวกมันยังมีสายพันธุ์รองชั้นยอดอีก 6 ตัว และทั้งหมดอยู่ในเลเวล 10
หากพรรคพวกของชาวต่างดินอ่อนแอเหมือนกับคนกลุ่มนี้ พวกมันก็จะเข้าสังหาร ซึ่งนั่นไม่ใช่แค่การช่วงชิงแต้มวิญญาณเพียงอย่างเดียว แต่ยังทำให้อีกฝ่ายอ่อนแอลงด้วย สุดท้ายกลายเป็นเผ่าพันธุ์ที่ไม่สามารถเติบโตได้ในอนาคต ไม่จำเป็นต้องอยู่ในสายตาอีก
วิ่งมาได้ประมาณครึ่งชั่วโมง
สีหน้าของเย่กู่ เย่โน่แปรเปลี่ยนไปทันที
“ที่นี่มีบางอย่างไม่ถูกต้อง มีกลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตอื่นปะปนอยู่!”
มนุษย์จิ้งจอกทั้งสองรู้สึกชัดเจน ว่านอกเหนือไปจากฝูงหมาป่าหายนะกลุ่มใหญ่ที่เดินผ่านไปผ่านมาที่นี่แล้ว ยังมีกลิ่นอายที่ไม่คุ้นเคยอีกหลายกลิ่นซ่อนตัวอยู่ แต่สกิลสอดแนมของมันไม่ดีเท่าหวังเอ๋อ ดังนั้นไม่สามารถแยกแยะพลังรบจากกลิ่นได้ มากสุดแต่ตรวจพบว่ามีกลิ่นแปลกปลอม
“กลิ่นอายยังสดใหม่”
“พวกมันคงยังอยู่แถวๆนี้”
ช่วงเวลาที่มนุษย์จิ้งจอกทั้งสองตระหนักว่ามีางอย่างผิดปกติ
ทันใดนั้นฝูงหมาป่าหายนะกระโจนออกมาจากทุกทิศทาง
มนุษย์จิ้งจอกระดับสูงทั้งสองตะลึงงัน พวกมันไม่คาดคิดว่าจะถูกหมาป่าหายนะซุ่มโจมตี! ว่าแต่หมาป่าหายนะมีสติปัญญาเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? จำได้ว่ากระทั่งจ่าฝูงของพวกมันก็ยังไม่มีเล่ห์เหลี่ยมถึงขนาดนี้!
แต่ไม่ว่ายังไง
ต้องตอบโต้ก่อน
เย่โน่เริ่มร่ายมนตร์โจมตีขั้น 2
“พวกเจ้าทั้งสี่ไปปกป้องเย่โน่!”
“ส่วนพวกเจ้าสองตัวตามข้ามา!”
เย่กู่สั่งสมุนสายพันธุ์รองทั้งหก
จากนั้น มันเปิดใช้งานสกิลล่องหน หายวับไปจากที่เดิม ตามหาตัวผู้ควบคุมที่ซ่อนอยู่ในเงามืด
แต่ในตอนนั้นเอง
ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเย่โน่
ฮังเสี่ยวไป๋ปลดปล่อยฝุ่นลวงตาเข้าห่อหุ้มร่างมันโดยตรง
ในเวลาเดียวกัน หมาขนขาวดำหลายตัวกระโจนเข้าโจมตีสมุนสายพันธุ์รอง
สุนัขเหล่านี้ดูไม่ค่อยเด่นนัก แต่ที่จริงแล้วความว่องไวและพละกำลังของพวกมันสูงกว่าหมาป่าหายนะระดับสามัญมาก เรียกได้ว่าเกือบไปถึงชั้นยอดขั้นโกลด์
ด้วยการลอบโจมตีอย่างกะทันหัน ทำให้สมุนสายพันธุ์รองของมนุษย์จิ้งจอกเกิดความโกลาหล ได้รับบาดเจ็บหนัก
หวังเอ๋อเปลี่ยนร่างทันที
หลังจากเปลี่ยนร่าง
ฐานค่าคุณสมบัติของมันไม่ใช่เจ้าถิ่นที่อ่อนแออีกต่อไป
พริบตาที่ตะปบกรงเล็บ สมุนสายพันธุ์รองสามตัวถูกตบประเด็น
พลังรบของฮังเสี่ยวไป๋แม้ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
แต่ปัจจุบันเธอมาถึงเลเวล 9 แล้ว ซึ่งอ่อนแอกว่าเย่โน่เพียงเล็กน้อย
ขณะที่เย่โน่กำลังร่ายมนตร์ แส้พลังจิตฟาดใส่มัน เกิดอาการมึนงงทันใด ปรากฏว่าเป็นราชินีมดหน้าคนที่ฉวยโอกาสนี้ย่องเข้ามา และด้วยความช่วยเหลือจากหวังเอ๋อและราชินีมด ทำให้เสี่ยวไป๋ที่เป็นรองสามารถสะกดมนุษย์จิ้งจอกตนนี้ลงได้
สำหรับเย่กู่
มันมีความคล่องแคล่วปราดเปรียวสูง!
ความเร็วในการเคลื่อนที่ของมันรวดเร็วมาก!
สาเหตุที่ทีมมนุษย์ถูกฆ่าตายอย่างรวดเร็วครั้งก่อน ส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะฝีมือของเจ้าหมอนี่
ฮังอวี่เปิดใช้งานสกิลตรวจจับของเทคนิคตาเหยี่ยวเวอร์ชั่นอัพเกรด ทำให้เขาสามารถมองทะลุสกิลล่องหนขั้น 1 ของเย่กู่ได้ เจ้าตัวปลดปล่อยคัมภีร์สกิลอัญเชิญฝูงหมาป่าที่เขาพึ่งได้มา เรียกหมาป่าหายนะชั้นยอดขั้นโกลด์สี่ตัวเขาล้อมศัตรูทันที จากนั้นใช้เครื่องรางอัญเชิญเรียกอัศวินอันเดธเลเวล 10 ออกมา
หมาป่าหายนะสามารถทำลายการลอบเร้น
และมอนสเตอร์อันเดธก็สามารถทำลายการพรางตัวได้เช่นกัน
เย่กู่ถูกปิดล้อมโดยชนชั้นยอดทั้งห้าทันที!
ฮังอวี่ถืออาวุธสองชิ้น วิ่งเข้าร่วมการต่อสู้
มนุษย์จิ้งจอกระดับสูงมีแค่สองตัวเท่านั้น นี่น้อยกว่าที่เขาคาดไว้ พลังรบของพวกมันค่อนข้างอ่อนแอ ดังนั้นมั่นใจว่ารับมือไหว!