Ep.298 - ภัยคุกคามจากมนุษย์จิ้งจอก
1/3
Ep.298 - ภัยคุกคามจากมนุษย์จิ้งจอก
กรรรรร!
ฮัสกี้ส่งเสียงขู่คำราม
คลื่นเสียงที่มองไม่เห็นแต่แฝงไปด้วยพลังงานบางอย่างกระจายออกไป
หมาป่าหายนะสี่ตัววิ่งหนีได้เพียงครึ่งก้าว ก็ถูกคลื่นพลังงานเข้าปกคลุม ตกอยู่ในอาการมึนงงและได้รับดาเมจ
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที
หมาป่าหายนะก็ได้สติ
พฤติกรรมเย่อหยิ่งดุร้ายของพวกมันหายไป
ถูกแทนที่ด้วยความนอบน้อม หางซุกตูดยอมจำนน
ด้วยเสียงคำรามอันทรงพลังของฮัสกี้ หมาป่าหายนะทั้งสี่ยอมสภามิภักดิ์แก่มัน วิ่งไปรวมตัวกับฝูงหมาป่าหายนะที่อยู่ข้างหลัง ซึ่งเมื่อรวมกับจำนวนก่อนหน้านี้ พวกมันมีมากเกิน 40 ตัวแล้ว
“ฮ่ง เจ้านาย พวกเราได้สมุนเพิ่มมาอีก 4 ตัว” หวังเอ๋อกระดิกหาง เอ่ยต่อว่า “กองทัพเปิ่นหวังกำลังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ!”
ฮังอวี่พยักหน้า “อืม ทำได้ไม่เลว หลังจากสกิลของนายยกระดับ ต่อให้เวลาคูลดาวน์นานกว่าเดิม แต่เอฟเฟกต์ทรงพลังขึ้นมาก ... ฉันคิดว่าจำนวนเท่านี้น่าจะพอแล้ว”
ฮัสกี้สามารถแบ่งร่างแยกออกเป็นห้าตัว
เมื่อพวกมันรวมกัน จะสามารถควบคุม หมาป่าหายนะได้ทั้งหมด 42 ตัว
โดยเฉพาะเอฟเฟกต์ควบคุมของร่างจริงนั้นแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในบรรดาหมาป่าหายนะเลเวล 8 มันสามารถทำให้ชนชั้นยอดยอมจำนนได้ถึง 3 ตัว!
ส่วนร่างแยกสุนัข แม้สามารถเลียนแบบสกิล ‘ราชาหมาป่าคำรน’ แต่เอฟเฟกต์ควบคุมของมันอ่อนแอกว่าร่างจริงอย่างชัดเจน มันไม่แกร่งพอที่จะควบคุมหมาป่าหายนะชั้นยอดได้ แต่การที่สามารถควบคุมระดับสามัญนับหลายสิบตัว ยังคงเป็นอะไรที่น่าประทับใจสำหรับฮังอวี่อยู่ดี สารภาพตามตรงต่อให้เป็นตัวเขา ก็เกรงว่าจะไม่สามารถเอาชนะหวังเอ๋อในสภาพกองทัพพร้อมรบแบบนี้ได้!
พลังรบของสุนัขไม่ด้อยไปกว่าระดับเจ้าถิ่นตัวอื่นอีกต่อไป
หากมีเวลาเตรียมการล่วงหน้าดีๆ รวบรวมสมุนหลายสิบตัวในหุบเขาหมาป่าเดียวดายแห่งนี้ ไม่ต้องพูดถึงเจ้าถิ่นในขั้นเดียวกัน ต่อให้ต้องสู้กับเจ้าถิ่นในขั้นซิลเวอร์ มันก็สามารถสู้ได้ ต่อให้ต้องรับมือกับขั้นโกลด์ ก็ยังพอสู้ไหว
ที่กล่าวมาข้างต้นคือวัดแค่เฉพาะจำนวนสมุนเท่านั้น
ยังไม่ได้นับภูมิปัญญาที่ฉลาดหลักแหลมของหวังเอ๋อ
หากฝูงหมาป่ากลุ่มใหญ่ชถูกสั่งการโดยผู้มีภูมิปัญญาที่เชี่ยวชาญศิลปะการทำสงคราม กองทัพของมันไม่อาจประมาทได้เลย
แน่นอน
มีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย
ณ ขณะนี้ฝูงหมาป่าหายนะยังไม่ได้รับการฝึกฝนให้เชื่องอย่างสมบูรณ์
หวังเอ๋อและร่างแยกจึงจำเป็นต้องใช้สกิลราชาหมาป่าคำรนเป็นพักๆเพื่อกดดันฝูง หมาป่าหายนะให้สงบลง ในขณะที่ร่างแยกมีค่าพลังชีวิตและพลังจิตตายตัว ซึ่งไม่สามารถเติมเต็มด้วยโพชั่นได้
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ
หมาป่าหายนะฝูงใหญ่กลุ่มนี้
มีระยะเวลาควบคุมที่จำกัด หากคิดใช้ประโยชน์จากมัน ต้องรีบทำก่อนหมดเวลา
ฮังเสี่ยวไป๋เอ่ยถาม “พี่ชาย พวกเราจะไปไหนกัน?”
ฮังอวี่กางแผนที่ของอาณาจักรมังกรโลกาในหัวเขา และลงลึกมายังแคว้นเดียวดาย
เขากล่าวว่า “น่าจะมีจ่าฝูงหมาป่าหายนะอยู่แถวๆนี้ เจ้าหมอนั่นเป็น BOSS เลเวล 9 ระดับเจ้าถิ่นขั้นซิลเวอร์ มันจะเกิดใหม่ในทุกๆ 20 วัน พวกเราลองตามหามันดู ถ้าโชคดีอาจจะเจอ”
ฮัสกี้เอ่ยถามด้วยความสงสัย “ฮ่ง ทำไมพวกเราต้องพึ่งโชคด้วย?”
ฮังอวี่ชำเลืองมองมันแล้วเอ่ยว่า “จำไว้ให้ดี ที่นี่ไม่ใช่ป่าแห่งการเริ่มต้น ต่อให้เป็นแค่ BOSS ตัวเล็กๆ แต่ก็มีโอกาสดึงดูดนักล่าคนอื่นๆได้ ฉะนั้นพวกเราจะได้เจอมันรึเปล่า เรื่องนี้เลยขึ้นอยู่กับโชค”
“ฮ่ง เข้าใจแล้ว ที่แท้ก็มีการแย่งมอนสเตอร์กัน” หวังเอ๋อแสร้งทำหน้าตาดุร้าย “เจ้านาย ถ้ามีใครกล้าแย่งมอนสเตอร์ของพวกเรา เปิ่นหวังจะขย้ำมันให้เอง!”
ฮังอวี่ไม่สนใจคำโอ้อวดของหมา เขาลงมือทันที
เริ่มจากอัญเชิญสัตว์ขี่หมูป่าออกมา
เสี่ยวไป๋เปลี่ยนร่างเป็นภูติน้อยนั่งบนไหล่เขา
ส่วนสุนัขกับร่างแยกเข้าไปรวมกลุ่มกับฝูงหมาป่าหายนะ วิ่งตามอยู่ข้างหลัง
ฮังอวี่สั่งให้ทีมของเขาข้ามรอบนอกหุบเขาหมาป่าเดียวดาย และเข้าไปในพื้นที่ของ หมาป่าหายนะ ในฐานะที่เป็น BOSS ของที่นี่ ตำแหน่งของมันจึงไม่ค่อยแน่นอน ฮังอวี่รู้พิกัดเพียงคราวๆเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่ปัญหา
เพราะเขามีจมูกของหวังเอ๋อ
เมื่อคอมโบกับเทคนิคตาเหยี่ยว หนึ่งคนหนึ่งสุนัขก็จะกลายเป็นทีมล่า BOSS และล่าสมบัติที่เก่งกาจที่สุด!
หลังจากเก็บกวาดมอนสเตอร์รอบนอกหุบเขาแล้ว
หวังเอ๋อก็สามารถล็อคกลิ่นอายของระดับเจ้าถิ่นในพื้นที่นี้ได้สำเร็จ
ไม่นานเกินรอ หมาป่าหายนะตัวใหญ่ที่มีขนาดเท่ารถบรรทุกขนาดเล็กก็เผยโฉมภายใต้เทคนิคตาเหยี่ยวของฮังอวี่
“ใช่แล้ว เจ้านี่แหละจ่าฝูงหมาป่าหายนะ! ดูเหมือนโชคของพวกเราจะไม่เลว” ฮังอวี่กล่าว “มอนสเตอร์ส่วนใหญ่ในอาณาจักรมังกรโลกาจะแข็งแกร่งกว่าในป่าแห่งการเริ่มต้น และเจ้าหมอนี่คือระดับเจ้าถิ่นขั้นซิลเวอร์เลเวล 9 ที่มีสกิลลอบเร้นและอัญเชิญ เพราะงั้นถ้าคิดกำจัดคงต้องยุ่งยากนิดหน่อย”
“ฮ่ง เจ้านายไม่ต้องห่วง สกิลทั้งสองของมันเปิ่นหวังแก้ทางได้”
จ่าฝูงหมาป่าหายนะสามารถลอบเร้นและโจมตีในระหว่างที่มันล่องหน
ทว่าด้วยสกิล ‘จิตสุนัขเทวะ’ ของหวังเอ๋อ ทำให้สามารถตรวจสอบตำแหน่งของมันได้
ส่วนสกิลอัญเชิญสมุนของจ่าฝูงหมาป่าหายนะ
หวังเอ๋อสามารถรับมือโดยการส่งสมุนของตัวเองออกไป ดังนั้นไม่หวาดกลัวที่จะสู้กับเจ้าหมอนี่เลย
แต่ต่อให้จ่าฝูงหมาป่าหายนะแข็งแกร่งกว่าหวังเอ๋อแล้วยังไง? เรื่องนั้นไม่ต้องกังวล เพราะฝั่งนี้ยังมีฮังอวี่กับเสี่ยวไป๋!
ดังนั้น การต่อสู้ในครั้งนี้ ไม่ว่าจะมองยังไงพวกเขาก็ชนะ
หวังเอ๋อสั่งร่างแยกของตัวเองให้กระจายกันควบคุมฝูงหมาป่าหายนะ สั่งการพวกมันให้ปิดล้อม BOSS เป็นวงกลมแล้วค่อยๆตีวงแคบข้าไป
ส่วนตัวมันเปลี่ยนร่างเป็นหมาป่าดำตัวใหญ่ กระโจนเข้าต่อสู้อุตลุดกับจ่าฝูงหมาป่าหายนะ ฮังอวี่หยิบธนูคำสาปหินออกมา พร้อมกับมีเสี่ยวไป๋คอยช่วยเหลือจากระยะไกล และราชินีมดที่ใช้แส้พลังจิตเพื่อเข้าแทรกแซงเป็นระยะๆ
ฮังอวี่ เสี่ยวไป๋ หวังเอ๋อ และมดยักษ์แบ่งปันแต้มวิญญาณกันอย่างเท่าเทียม
จ่าฝูงหมาป่าหายนะผู้โชคร้ายดรอปหินคริสตัลเขียว 18 ก้อน และไอเท็มสีเขียวอีกสองชิ้น
[เขี้ยวหมาป่าหายนะ] อุปกรณ์เลเวล 8 , สีเขียวคุณภาพกลาง , การโจมตีทางกายภาพ +20 , พละกำลัง +5 , ว่องไว +3,โจมตีเลือดออก +4 , โจมตีติดพิษ +4 , ค่าความทนทาน30
[คัมภีร์สกิล : เทคนิคอัญเชิญฝูงหมาป่า] คัมภีร์เลเวล 8 , สีเขียวคุณภาพต่ำ , จ่ายพลังจิต 20 หน่วยเพื่อเปิดใช้งานและเรียก หมาป่าหายนะชั้นยอดเลเวล 8 ออกมา 4 ตัวเพื่อช่วยเหลือในการต่อสู้ , ระยะเวลาคงอยู่ 10 นาที , จำนวนใช้งานคงเหลือ 1/1
โชคดีจริงๆ!
เขี้ยวหมาป่าหายนะคืออาวุธดาบ
รูปร่างมันคล้ายกับอาวุธในสมัยคยุคหิน
ตอนนี้ฮังอวี่ขาดอาวุธมือเดียวอยู่พอดี
แม้ดาบเล่มนี้จะไม่มีเอฟเฟกต์พิเศษอะไร แต่ก็มีพลังโจมตีที่สูงมาก และคุณสมบัติก็ไม่เลว เหมาะที่จะใช้เป็นอาวุธหลัก
สำหรับอาวุธรอง? ฮังอวี่เลือกที่จะสวมใส่กระบี่ผู้บัญชาการมิโนทอร์ที่ดรอปมาได้ก่อนหน้านี้ พลังโจมตีของกระบี่เล่มนี้ไม่สูงนัก แต่โบนัสคุณสมบัติที่เพิ่มเข้ามานั้นสมดุล ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความแข็งแกร่งของฮังอวี่ได้ไม่น้อย
หอกนายพลมนุษย์มังกรแข็งแกร่งก็จริง
แต่อาวุธสองมือเหมาะสำหรับการต่อสู้แบบกลุ่มมากกว่า
หากอยู่ในสถานการณ์สู้กันตัวต่อตัว แล้วฮังอวี่ใช้ทั้งเขี้ยวหมาป่าหายนะกับกระบี่ผู้บัญชาการมิโนทอร์ พลังรบและความถี่ในการโจมตีของเขาจะแก่กล้าขึ้น
“พี่ชาย นี่คือวัตถุดิบที่รวบรวมมาได้”
ไอเท็มสองชิ้นที่ใช้สกิลรวบรวมวัตถุดิบจากศพจ่าฝูงหมาป่าหายนะ
เสี่ยวไป๋มอบมันให้แก่ฮังอวี่
ฮังอวี่เตรียมที่จะสำรวจหุบเขาหมาป่าเดียวดายต่อ เพื่อดูว่าเขาจะมีโชคอีกหรือไม่ หากพบ BOSS ตัวอื่นๆในบริเวณใกล้เคียง เขาจะล่ามันเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม
ในช่วงเวลานั้นเอง
จ้าวหมิงได้โทรเข้ามา “เสี่ยวฮัง ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน เกิดเหตุฉุกเฉิน! คนของเราพลาดท่า!”
ฮังอวี่ “เกิดอะไรขึ้น?”
จ้าวหมิงตอบว่า “ทีมห้าคนที่กำลังสำรวจพื้นที่ใกล้เคียงถูกลอบโจมตีตายยกทีม แต่สิ่งที่ฆ่าพวกเขาไม่ใช่มอนสเตอร์ธรรมดา”
ฮังอวี่เอ่ยถาม “สถานการณ์เป็นยังไง ลุงจ้าวช่วยบอกให้ชัดเจนหน่อย!”
“ก่อนที่พวกเขาจะถูกฆ่า ได้มีการบันทึกวิดีโอเอาไว้ ฉันจะส่งให้นายดู แล้วนายจะเข้าใจเอง”
ฮังอวี่หลับตาลง
ฟังก์ชั่นมือถือโลกวิญญาณสามารถถ่ายทอดภาพฉายเข้ามาในดวงตาได้โดยตรง
ฮังอวี่สามารถรับชมวิดีโอที่ส่งมาได้ทันที เขาสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าในวิดีโอ มีบางสิ่งที่เหมือนเป็นทั้งมนุษย์และสัตว์ร้ายกระโจนเข้าโจมตีทีมมนุษย์อย่างดุเดือด
ฝีเท้าของพวกมันว่องไวมาก
มนุษย์หลายคนไม่มีโอกาสที่จะตอบโต้
ในเวลาสั้นๆ พวกเขาทั้งหมดก็ถูกฆ่าตาย และมีการบันทึกภาพไว้เพียงไม่กี่ภาพ
ฮังอวี่เอ่ยกับจ้าวหมิงว่า “ผมเข้าใจแล้ว น่าจะเป็นมนุษย์จิ้งจอกที่โจมตีพวกเขา”
จ้าวหมิง “ถ้าแค่ถูกมอนสเตอร์ป่าโจมตีก็แล้วไป แต่ดูจากพฤติกรรมของเจ้าสิ่งนั้น การเคลื่อนไหวของมันไม่เหมือนพวกสายพันธุ์รอง การซุ่มโจมตีนี้ราวกับมีการวางแผนเอาไว้ล่วงหน้า”
ฮังอวี่กล่าวอย่างมั่นใจ “ผมคิดว่าพวกมันน่าจะเป็นชาวโลกวิญญาณที่มีสติปัญญา และน่าจะอาศัยอยู่ในบริเวณใกล้คียง เรื่องนี้สำคัญมาก พวกเราห้ามให้พวกมันพบฐานที่มั่นในถ้ำเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นผลที่ตามมาคงร้ายแรงมาก ... พวกเขาถูกโจมตีที่ไหน? รีบบอกผมมา!”
นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก
จ้าวหมิงส่งข้อมูลตำแหน่งให้แก่ฮังอวี่
หลังจากทราบพิกัด ฮังอวี่เผยท่าทีประหลาดใจและเอ่ยว่า “หือ? บังเอิญจริงๆ ที่นั่นอยู่ห่างจากผมแค่ราวๆสิบไมล์”
จ้าวหมิงเอ่ยถาม “นายจะทำยังไง?”
ฮังอวี่ตอบ “ผมจะพยายามไล่ตามพวกมัน”
จ้าวหมิง “ไม่ได้ นั่นอันตรายเกินไป ความสามารถในการสอดแนมของพวกมนุษย์จิ้งจอกร้ายกาจมาก เป็นเรื่องยากถ้านายคิดจะเข้าใกล้พวกมัน!”
ฮังอวี่ “ไม่เป็นไร จากในวิดีโอ จำนวนของพวกมันมีไม่มากนัก เจ้าพวกนี้น่าจะเป็นทีมที่เข้ามาบริเวณนี้เพื่อล่ามอนสเตอร์ ผมกับเสี่ยวไป๋ยังพอรับมือไหว”
ฮังอวี่วางสาย
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ
เรื่องนี้เกิดขึ้นเร็วกว่าที่เขาคาด โชคไม่ดีจริงๆ
เขาเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “เสี่ยวไป๋ หวังเอ๋อ พวกเรามีภารกิจ ไปกันเถอะ!”