ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 28 คำสัญญาใต้แสงจันทร์
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 28 คำสัญญาใต้แสงจันทร์
แปลโดย iPAT
ชายหนุ่มประหลาดใจเมื่อเห็นโสมจิตวิญญาณลอยขึ้นสู่อากาศ เขาเร่งใช้ทักษะการเคลื่อนไหวของตนอย่างตื่นตระหนกและเอื้อมมือไปคว้าโสมจิตวิญญาณแต่มันกลับพุ่งออกจากหน้าผา เขาทำได้เพียงมองมันหายไปในความมืดเท่านั้น นี่ทำให้เขารู้สึกหดหู่ใจจนต้องถ่มน้ำลายออกมา
“ไม่ ข้าต้องได้โสมจิตวิญญาณ ข้าจะให้ท่านพ่อส่งคนมาสำรวจภูเขาลูกนี้เมื่อข้ากลับไป!”
เขาคิดว่ามันเป็นความสามารถพิเศษของโสมจิตวิญญาณ แต่หากดวงตาของเขาสามารถมองเห็น เขาจะเห็นโสมจิตวิญญาณถูกกำแน่นอยู่ในมือคู่เล็กๆสีขาวซีด เขาสะกดรอยตามเหยื่อ แต่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองกำลังถูกสะกดรอยเช่นกัน หลังจากทั้งหมดผีที่เขามองไม่เห็นซ่อนตัวอยู่ในความมืดตลอดเวลา
ที่ด้านล่างของหน้าผา เสี่ยวอันใช้ทุกสิ่งเพื่อจับโสมจิตวิญญาณเอาไว้ มันลอยไปยังหมู่บ้านบังเหียนม้าท่ามกลางสายลมในยามค่ำคืน ผีน้อยมีความสุขมากจนอยากระเบิดความปิติยินดีออกมา ทั้งหมดเป็นเพราะการเลี้ยงดูที่ดีจากปราณหยางและป้ายไม้โบราณที่ทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นจนสามารถยกสิ่งของที่มีน้ำหนัก
ในลานบ้าน หลี่ฉิงซานกำลังหาว ดวงตาของเขาสว่างขึ้นทันทีเมื่อเสี่ยวอันลอยเข้ามา “ผีน้อย เจ้าไปเล่นที่ไหนมา?”
เสี่ยวอันเม้มริมฝีปากและพยายามระงับความสุขเอาไว้ภายในขณะวางโสมจิตวิญญาณไว้ในมือของหลี่ฉิงซาน
“หือ...อา...โสมจิตวิญญาณ!?” หลี่ฉิงซานหยิบโสมจิตวิญญาณขึ้นมาดมอย่างระมัดระวัง กลิ่นหอมแปลกๆลอยเข้าจมูกของเขาและมันก็ทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้านขึ้นทันที พลังปราณในร่างของเขาราวกับเห็นอาหารอันโอชะ มันดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก
“นี่คือโสมจิตวิญญาณจริงๆงั้นหรือ?” เขายังรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ สิ่งนี้ทำให้สองหมู่บ้านกลายเป็นศัตรูและทำให้ผู้คนมากมายเสียชีวิต แต่ตอนนี้มันกลับอยู่ในมือของเขา
วัวดำเคี้ยวหญ้าอย่างเกียจคร้านขณะกล่าว “เหตุใดเจ้าจึงคิดว่าผีน้อยออกไปวิ่งเล่นทุกคืน”
หลี่ฉิงซานตรวจสอบเสี่ยวอัน ดังคาด ผีน้อยหมดแรง แต่ใบหน้าของมันยังเต็มไปด้วยความสุข มันใช้นิ้วเล็กๆชี้ไปที่ปากของหลี่ฉิงซานราวกับต้องการบอกให้เขารีบกินมันซะ
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เสี่ยวฮันจะออกไปในยามพลบค่ำและจะกลับมาก็ต่อเมื่อใกล้รุ่งสาง ระหว่างนี้ผีน้อยไม่ได้สื่อสารกับเขามากนักขณะที่หลี่ฉิงซานคิดว่าเด็กน้อยต้องการอิสระและจากเขาไป ตอนนี้เขาพึ่งเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด มันกลายเป็นว่าผีน้อยกำลังทำเพื่อเขา
“เด็กคนนี้!” หลี่ฉิงซานรู้สึกซาบซึ้งจนเกือบร้องไห้ “เหตุใดไม่บอกก่อน!”
เสี่ยวอันยิ้มเขิลๆก่อนจะชี้นิ้วไปที่ปากของเขาอีกครั้ง
แม้หลี่ฉิงซานจะใจแข็งเหมือนหิน แต่มันกลับหวั่นไหวเมื่อเผชิญหน้ากับสายตาที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาและปราศจากความเห็นแก่ตัวของเสี่ยวอัน เขาถามวัวดำ “เสี่ยวอันควรจะใช้โสมจิตวิญญาณได้เช่นกันถูกต้องหรือไม่?”
วัวดำตอบ “โสมจิตวิญญาณเป็นสมบัติจากธรรมชาติที่หาได้ยาก พลังปราณที่บรรจุอยู่ในนั้นมีประโยชน์กับกระทั่งผี อย่างไรก็ตามหากเจ้าใช้มันเพื่อตัวเอง เจ้าจะสามารถบรรลุความแข็งแกร่งของกระทิงหนึ่งตัวได้อย่างง่ายดาย เจ้ายังคิดที่จะแบ่งปันมันอีกหรือไม่?”
หลี่ฉิงซานกล่าว “เหตุใดจะไม่? โสมจิตวิญญาณมาจากเสี่ยวอัน เขาสมควรได้รับมัน ข้าสามารถบ่มเพาะไปอย่างช้าๆ” ทัศนคติของเขาไม่เคยเปลี่ยนไปแม้จะถูกยั่วยุด้วยสมบัติล้ำค่าเช่นโสมจิตวิญญาณ
เสี่ยวอันถอยกลับและโบกมือ
“ข้าซาบซึ้งในความตั้งใจของเจ้า ดังนั้นจงรับมันไว้!”
เสี่ยวอันส่ายศีรษะอย่างต่อเนื่องก่อนจะพุ่งเข้าไปในป้ายไม้โบราณ
“ออกมา หากเจ้าไม่ต้องการ ข้าจะทิ้งมันไป!”
วัวดำตำหนิทันที “ในเมื่อเขาต้องการมอบมันให้เจ้า เหตุใดเจ้าต้องขัดขืนและทำตัวเหมือนสาวน้อย? เจ้าจะไม่ได้รับประโยชน์มากกว่าเขานับร้อยนับพันเท่างั้นหรือ!?”
ร่างของหลี่ฉิงซานสั่นสะท้านขึ้นก่อนที่เขาจะพยักหน้า “พี่วัวพูดถูก ข้าทำตัวน่าละอายจริงๆ เอาล่ะ ออกมาเถอะ ข้าจะใช้โสมจิตวิญญาณ”
“อย่างไรตามเจ้าสมควรได้รับส่วนแบ่งจากสิ่งนี้ ข้าไม่สามารถใช้มันทั้งหมดเพื่อตัวเอง หากเจ้ายังปฏิเสธ ข้าจะโกรธจริงๆ”
เสี่ยวอันทำได้เพียงตกลงเท่านั้น
หลี่ฉิงซานโบกโสมจิตวิญญาณที่อยู่ในมือ “พี่วัว ข้าควรทำอย่างไรกับมัน?” เสี่ยวอันเป็นผี ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถกินมันโดยตรง
วัวดำกล่าว “ใช้เข็มสกัดน้ำโสมออกมา”
หลี่ฉิงซานค้นหาเข็มไปทั่วก่อนจะใช้มันแทงเข้าไปในโสมจิตวิญญาณ โสมจิตวิญญาณสั่นอยู่ในมือของเขาแต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใจอ่อนกับต้นไม้ น้ำโสมถูกสกัดออกมาที่ปลายเข็มอย่างช้าๆ
วัวดำกล่าว “เอาล่ะ หยดมันลงบนหน้าผากของเขา”
“หน้าผาก? เสี่ยวอัน เงยหน้าขึ้น!”
เสี่ยวอันรีบเงยหน้าขณะที่น้ำโสมสกัดหยดลงตรงหว่างคิ้วของเขา ร่างกายของผีน้อยสั่นสะท้านราวกับระลอกคลื่นบนผิวน้ำ น้ำโสมสกัดส่องประกายเจิดจ้าอยู่ในร่างกายของเขา
ผีน้อยปิดเปลือกตาแน่น บางครั้งมันดูเจ็บปวด บางครั้งก็ดูมีความสุข เสี่ยวอันสงบลงหลังจากแสงจากโสมสกัดเลือนหายไป เมื่อเด็กน้อยเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง น้ำตาสองหยดก็ไหลออกมา
“เกิดสิ่งผิดปกติงั้นหรือ?”
วัวดำกล่าว “เขาคงจำบางอย่างได้”
“จริงหรือ? เสี่ยวอัน เจ้าจำได้ไหมว่าเจ้าเป็นใคร บ้านของเจ้าอยู่ที่ไหน?” หลี่ฉิงซานคุกเข่าลงข้างหนึ่งและมองเข้าไปในดวงตาของเสี่ยวอัน
เสี่ยวอันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะชี้ไปทางทิศใต้
หลี่ฉิงซานเร่งถามสืบต่อ “บ้านของเจ้าอยู่ทางทิศใต้งั้นหรือ? เมืองไหน? มันไกลจากที่นี่หรือไม่?”
อย่างไรก็ตามเสี่ยวอันไม่สามารถตอบคำถามเหล่านี้ เด็กน้อยทำได้เพียงส่ายศีรษะ
หลี่ฉิงซานดึงมีดออกมาและเริ่มแกะสลักป้ายไม้โบราณด้วยอักษรคำว่า ใต้ จากนั้นเขาก็ยกป้ายไม้ขึ้นต่อหน้าเสี่ยวอัน
ภายใต้แสงจันทร์ ชายหนุ่มคุกเข่าข้างหนึ่งบนพื้นและสัญญากับเด็กน้อยอย่างจริงจัง “ไม่ว่าจะอันตราย ยากลำบาก หรือมีอุปสรรคมากมายเพียงใด วันหนึ่งข้าจะส่งเจ้ากลับบ้าน!”
เด็กน้อยมองหลี่ฉิงซานด้วยสายตาว่างเปล่า แต่เขาไม่เคยลืมเหตุการณ์นี้ มันเหมือนไฝสีแดงที่เกิดขึ้นระหว่างคิ้วของเขา
หลี่ฉิงซานแขวนป้ายไม้ไว้ที่เอวอีกครั้งก่อนจะถามเสี่ยวอันว่ารู้สึกอย่างไร เขาสงสัยว่าโสมจิตวิญญาณมีประโยชน์กับผีจริงๆหรือไม่
เสี่ยวอันกระโจนขึ้นสู่อากาศและบินไปรอบๆลานบ้านของหลี่ฉิงซานราวกับลมพายุ ผีน้อยยังยกดาบของหลี่ฉิงซานขึ้นมาและเหวี่ยงมันไปรอบๆสนามหญ้า
หากเป็นคนอื่น พวกเขาจะเห็นเพียงดาบที่เต้นรำอยู่กลางอากาศด้วยตัวของมันเอง
ไม่เพียงเสี่ยวอันจะรวดเร็วขึ้นมากแต่ผีน้อยยังสามารถยกสิ่งของที่มีน้ำหนักมากขึ้นอีกด้วย ชัดเจนว่ามันแข็งแกร่งขึ้น หากผีน้อยตนนี้เรียนรู้การลอบโจมตี กระทั่งผู้เชี่ยวชาญในยุทธภพก็ยังต้องถึงวาระ
“พี่วัว ข้าควรใช้โสมจิตวิญญาณเช่นเดียวกันหรือไม่?”
“นั่นจะเป็นการสิ้นเปลืองมากเกินไป วิธีที่ดีที่สุดในการกินโสมคือการหลอมมันกับสมุนไพรอื่นๆและกลั่นเป็นเม็ดยา แต่เจ้าไม่มีทางเลือกนั้น เจ้าสามารถหมักมันกับสุราเช่นเดียวกับโสมธรรมดา ด้วยวิธีนี้ โสมจิตวิญญาณจะไม่เหี่ยวเฉาแต่พลังปราณของมันจะผสานเข้ากับสุราและทำให้มันกลายเป็นสุราจิตวิญญาณ เจ้าสามารถดื่มและรับพลังงานจากมันอย่างช้าๆ โอ้ เจ้าไม่สามารถใส่ส่วนผสมอื่นลงไปพร้อมกัน”
“นั่นเป็นความคิดที่ดี!” หลี่ฉิงซานรู้ว่าเขาไม่สามารถดูดซับพลังจากโสมจิตวิญญาณได้ในครั้งเดียว หากเขาพยายามทำเช่นนั้น มันจะส่งผลร้ายมากกว่าผลดี บางทีร่างของเขาอาจระเบิด “อย่างไรก็ตามสำหรับสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ข้ารู้สึกว่ามันไม่ปลอดภัยหากจะทิ้งไว้บางแห่ง เว้นเพียงข้าจะพกมันติดตัวไปด้วย”
เมื่อหลี่ฉิงซานกล่าวถึงเรื่องนี้ น้ำเต้าก็ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าและบินเข้าไปหาหลี่ฉิงซาน เขาคว้ามันไว้ “ขอบคุณพี่วัว!” เขาวางโสมจิตวิญญาณลงในน้ำเต้าก่อนจะเติมสุราลงไปและห้อยไว้ที่เอวของเขา
เขายืนกอดอกด้วยร่างกายอันทรงพลังพร้อมกับน้ำเต้าขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่ข้างกาย เขายังเด็กแต่เขากลับปลดปล่อยกลิ่นอายที่กล้าหาญและยิ่งใหญ่ออกมา
“เสี่ยวอัน เจ้าไม่คิดว่าข้าดูเหมือนคนในยุทธภพมากขึ้นแล้วงั้นหรือ?”
เสี่ยวอันยิ้มแต่หลังจากนั้นการแสดงออกของผีน้อยก็เปลี่ยนไป มันเริ่มกังวล อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถพูดได้ ดังนั้นมันจึงหมอบลงกับพื้นและเริ่มวาดบางอย่าง
หลี่ฉิงซานก้มลงไปมอง เสี่ยวอันเขียนบางคำไว้บนพื้น เด็กน้อยไม่รู้จักตัวอักษรมากนัก แต่หลี่ฉิงซานสามารถบอกได้ว่าเสี่ยวอันกำลังเขียนคำว่า สง่างาม ในความเป็นจริงลายมือของเด็กน้อยยังดีกว่าเขามาก