ตอนที่ 30 มีรุ่นน้องก็ใช้รุ่นน้องสิ
การสำรวจเป็นไปอย่างราบรื่น นี่คือสิ่งที่เมียรินรู้สึกขอบคุณจริงๆ
หน่วยองครักษ์และทหารลีเจี้ยนช่วยกันกวาดล้างพื้นที่ชั้นบนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มอนสเตอร์เลเวลต่ำหลายร้อยตัวถูกทำลายเพื่อรอรับการมาถึงของคลื่นถาโถม
ตามปกติแล้ว กองกำลังเลเวลสูงๆ น่าจะเดินทางไปได้เร็วกว่านี้มาก
ทหารลีเจี้ยนมีค่าความทนทานที่สูงลิบ ต่อให้โดนมอนสเตอร์รุมสัก 6 ตัวก็คงแทบไม่เป็นอะไรเลย
พวกเขาต้องกวาดล้างทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอุโมงค์หลักหรือทางย่อย ทุกเส้นทางจะต้องได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียด
เมื่อมีทั้งทหารองครักษ์ที่มีแต่ยอดฝีมือ บวกกับทหารลีเจี้ยนที่ช่ำชองเรื่องต่อสู้ในดันเจี้ยนมาตลอด ถือได้ว่าพวกเขาทำงานกันเร็วสุดๆ แล้ว
“ตรงนั้นดูสบายกันจังนะ” ดอนเนแลนบ่นพึมพำ
สายตาของเขาเหลือบมองไปทางทหารลีเจี้ยนรุ่นพี่ที่ยืนคุยและหัวเราะกันอยู่ตรงปากอุโมงค์
“ข้าว่าเจ้าอย่าแอบมองดีกว่า แล้วก็เงียบเสียงลงด้วย” เมียรินกระซิบตอบ
ตอนนี้นางกำลังเล็งหน้าไม้ สายตาก็จับจ้องอยู่ที่ปากอุโมงค์อีกด้าน
“มีข่าวลือว่าออรีเลีย... นางมีสกิลเสริมประสาทการได้ยินที่สูงมาก
เจ้าคงไม่อยากโดนลงโทษและให้ไปขุดส้วมแทนใช่ไหม?”
“ข้าก็แค่เห็นว่ามันไม่ยุติธรรมเลยนี่นา
ทำไมทหารฝึดหัดอย่างเราต้องมารับหน้าที่หนักๆ ในขณะที่พวกลีเจี้ยนเต็มยศเอาแต่ยืนสบายๆ ด้วยล่ะ?
นี่ข้าปล่อยลูกไฟมาตั้ง 10 ชั่วโมงกว่า นิ้วดำหมดแล้วเนี่ย!” ดอนเนแลนยังไม่เลิกโอดครวญ
ปกติแล้วดอนเนแลนจะไม่ใช่พวกขี้บ่นแบบนี้ แต่การต้องมาสู้กับมอนสเตอร์ยาวนานถึงครึ่งวันนั้นเป็นใครก็คงรู้สึกอ่อนล้าและขวัญเสีย
ที่แย่กว่านั้นคือ เหล่าทหารฝึกหัดเองก็มีเลเวลสูงกันหมดแล้ว สู้กับมอนสเตอร์พวกนี้ให้ตายยังไงก็ได้ค่าประสบการณ์นิดเดียว
“เลิกบ่นได้แล้วน่า” เมียรินกล่าวเตือนอีกรอบ
“เดี๋ยวเราก็ไปถึงพื้นที่แห่งแรกกันแล้ว จากนั้นถึงจะตั้งค่ายพักแรม พอค่ายเสร็จเมื่อไหร่ก็คงได้พักทันที”
“แจ๋วมาก สู้เสร็จแล้วก็ต้องไปสร้างค่ายต่อ”
เมียรินได้แต่กลอกตาใส่ท่าทางเหลาะแหละของสหาย แต่นางจะไปโทษเขาหมดก็ไม่ได้หรอกนะ
จอมเวทที่เชี่ยวชาญเรื่องการใช้ไฟอย่างดอนเนแลนนั้นมักถูกขนานนามว่า ‘จอมเวทระเบิด’ เพราะพวกเขาสามารถจัดการกับมอนสเตอร์จำนวนมากๆ ได้ในเวลาอันสั้น
ด้วยเหตุนี้ดอนเนแลนก็เลยถูกบังคับให้ทำงานหนักกว่านาง
“พวกเจ้าเป็นไงบ้าง ยังไม่หลับในกันใช่มั้ย? ฮ่าฮ่าฮ่า” เอล็กซี่ เซ็นจูเรี่ยนของทั้งสองหัวเราะหลังจากเดินเข้ามาถามไถ่
เมียรินกับดอนเนแลนทำความเคารพทันที
“ยังอยู่ดีขอรับ/ค่ะเซ็นจูเรี่ยน!”
หนำซ้ำดอนเนแลนยังพูดต่อไปอีก
“ให้อยู่อีก 10 ชั่วโมงก็สบายมากขอรับ!”
เอล็กซี่เค้นเสียงออกทางจมูก
“เหลวไหล อีก 10 ชั่วโมงเจ้าคงยืนหลับไปแล้ว”
นายกองตบหลังของทั้งสองเป็นการปลอบใจ
“จำไว้ให้ดีนะ ว่าสำหรับพวกเจ้านั้นนี่คือบททดสอบ และแน่นอน พวกเจ้าจะถูกทดสอบอย่างหนักที่สุด
พอผ่านทุกอย่างมาได้ พวกเจ้าก็จะรู้สึกเหมือนได้ตายแล้วเกิดใหม่เลย”
เมียกินทำหน้าเหยเก ในขณะที่ดอนเนแลนถอนหายใจในลำคอและทำให้เอล็กซี่หัวเราะอีกรอบ
“อย่าห่วงเลย พอถึงพื้นที่แรกเมื่อไหร่ ข้ากับเจ้าแก่พวกนั้นก็จะเริ่มออกโรงเองแหละ” เอล็กซี่โน้มตัวเข้ามากระซิบเบาๆ
“เรื่องนี้พวกเจ้าอาจไม่รู้มาก่อนนะ แต่ทหารลีเจี้ยนระดับสูงอย่างเราๆ จะสู้ได้ดีก็ต่อเมื่ออยู่ในดันเจี้ยนชั้นลึกๆ เท่านั้นแหละ
ให้สู้ตรงนี้ก็คงสู้ไม่ออกหรอก”
ดอนเนแลนหลุดขำทันที
“แล้วกันสิ เพราะมอนสเตอร์อ่อนเกินไปรึขอรับ” ชายหนุ่มพูดเชิงล้อเลียน
“เปล่าเลย” เอล็กซี่พูดเนิบๆ
“เพราะมานาบนนี้มันน้อยไปต่างหาก
สภาพมานาบนพื้นที่แรกเองก็เกือบจะพออยู่นะ แค่เกือบๆ เท่านั้น
เดี๋ยวพวกเจ้าก็จะได้เห็นของดีเอง
คอยดูท่านผู้การของเราให้ดีเถอะ รายนั้นขึ้นชื่อว่าตำนานเดินได้เชียวนะ”
“เอล็กซี่!” เสียงตะโกนดังมาจากอีกฟากหนึ่งของอุโมงค์
ทั้งสามถึงกับสะดุ้งโหยงพร้อมกัน
“ขอรับ ทรีบิวน์ออรีเลีย!”
หญิงสาววัยกลางคนกำลังจ้องมองเอล็กซี่แบบคาดโทษ
“ถ้านินทาให้พวกเด็กๆ ฟังเสร็จแล้ว ข้าขอแนะนำให้เจ้าพาสองคนนี้ไปที่รถขนเสบียง... จากนั้นก็หยิบพลั่วมา 3 อัน ถึงพื้นที่แรกเมื่อไหร่ก็เริ่มขุดส้วมกันได้เลย!”
ดอนเนแลนแทบจะลงไปนอนร้องไห้อยู่ตรงนั้น
---------------
สนับสนุนผลงานอย่างถูกต้องได้ที่ MyNovel และ Thai-Novel
---------------
ขณะที่ทั้งสามเดินจากไปแบบหงอยๆ ไททัสก็เดินเข้ามาหาออรีเลียพร้อมเสียงหัวเราะ
“ท่านคิดว่าข้าเข้มงวดเกินไปงั้นเหรอ?” ออรีเลียเอ่ยถาม
ไททัสขยับขวานศึกที่พาดอยู่บนใหล่เล็กน้อย
แทนที่จะเอ่ยตอบ ผู้บัญชาการกลับถามย้อน
“ยังจำตอนที่เจ้าลงมาสำรวจเพื่อเลื่อนขั้นได้ไหม?”
คราวนี้ออรีเลียเป็นฝ่ายโอดครวญนิดๆ
“จะให้ข้าลืมได้อย่างไร ท่านแทบจะป่นพวกเราเป็นผง จากนั้นก็ประกอบเราขึ้นมาใหม่อีกครั้ง”
คำตอบของนางทำให้ผู้การไททัสยิ้มเหี้ยมเกรียม
“และตอนนี้เจ้าก็ได้กลายมาเป็นหนึ่งในนายทหารที่ดีที่สุดที่ข้าเคยเห็น
เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อจูงมือพวกเขานะออรีเลีย เรามาเพื่อหลอมละลายเหล่าทหารฝึกหัด จากนั้นก็หล่อพวกเขาขึ้นมาใหม่ด้วยแม่พิมพ์ที่เตรียมไว้แล้ว
ถ้าเด็กพวกนั้นไม่ยอมร้องไห้ก่อนเข้านอน นั่นแสดงว่าเราบกพร่องต่อหน้าที่”
“แล้วเอล็กซี่ล่ะคะท่าน?”
“...” ไททัสขมวดคิ้ว
“เดี๋ยวข้าจะไปคุยกับเจ้าเซ็นจูเรี่ยนปากมากด้วยตัวเอง”
ออรีเลียทำหน้านิ่วทันที
หลังจากได้ ‘คุย’ กับผู้การไททัส เอล็กซี่คงจะไม่ได้พูดอะไรไปอีกพักใหญ่ๆ เพราะกว่าแผลจะหายก็ปาเข้าไป 2-3 สัปดาห์แล้ว...
“ทรีบิวน์ พวกองครักษ์เข้าใจหน้าที่ของตัวเองดีหรือยัง?” ไททัสเอ่ยถาม
“ค่ะ ท่านผู้การ เราสามารถปล่อยให้พวกเขาดูแลทางเข้าด้านบนได้อย่างสบายใจ
ข้าล่ะอยากไปขอบพระทัยองค์ราชินีด้วยตัวเองจริงๆ ทหารของพระนางเก่งกาจสมคำร่ำลือ”
ไททัสพ่นลมออกทางจมูก
จริงอยู่ที่องครักษ์ของพระนางนั้นเก่งกาจมาก แต่เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าองค์ราชินีทรงคิดอะไรอยู่
การปล่อยให้วังหลวงแทบจะไร้การป้องกันนั้นถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงไม่น้อยเลย
หลังจากกวาดล้างชั้นบนหมดแล้วก็จะถึงเวลาเคลื่อนพลไปยังพื้นที่แรกเสียที
ที่นั่นคือที่ที่ดันเจี้ยนเริ่มแสดงเขี้ยวเล็บออกมา รวมไปถึงสมบัติล้ำค่าที่เก็บซ่อนอยู่ในนั้นด้วย
มอนสเตอร์คอร์คือหนึ่งในสมบัติล้ำค่าของดันเจี้ยน นอกจากนั้นยังมีแร่ธาตุหายาก คริสตัลเวทมนตร์ รวมไปถึงค่าประสบการณ์จากมอนสเตอร์มากมาย ทุกอย่างล้วนแค่มีมูลค่า
ยิ่งกองกำลังสำรวจเข้าไปลึกมากขึ้น ไททัสก็ขยับตัวได้ง่ายขึ้นตามลำดับ
หลังจากการทำศึกอยู่ด้านล่างเป็นเวลาหลายปี เป็นเรื่องยากสำหรับชายแก่คนนี้ที่จะต้องประจำอยู่บนพื้นผิวเป็นเวลานานๆ แถมบนนั้นยังไม่มีอะไรให้ทำมากนัก นอกจากเขียนจดหมายและจัดการงบประมาณไปวันๆ
การได้จับขวาน สูดอากาศที่เต็มไปด้วยมานา และเคลื่อนไหวได้อย่างเต็มที่ นี่สิคือความสุขสบายที่แท้จริง
ภายในชั่วโมงต่อมา กองกำลังสำรวจก็พร้อมที่จะออกเดินทางต่ออีกครั้ง
ไททัสขึ้นไปประจำตำแหน่งหน้าสุดขณะเดินนำทุกคนอย่างไม่เกรงกลัว
หลังจากเคลื่อนพลต่ออีกประมาณ 10 นาที บวกกับเวลาอีกเล็กน้อยเพื่อบดขยี้มอนสเตอร์ตามทาง พวกเขาก็มาถึงโพรงขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า ‘พื้นที่ป่า’ซึ่งบางครั้งก็ถูกเรียกว่า ‘พื้นที่แรก’ เช่นกัน
ที่นี่มีผืนป่าที่กระจายออกไปทั่วและเต็มไปด้วยแสงสีฟ้า
เหล่าทหารลีเจี้ยนรีบสร้างค่ายขึ้นมาอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบ
จอมเวทพสุธาเริ่มก่อกำแพงด้วยการเสกม่านดินจากพื้นอุโมงค์
เหล่าทหารฝึกหัดเริ่มขนเสบียงลงจากรถ สร้างค่ายพักแรม และแน่นอน... ขุดดินเพื่อทำส้วมสำหรับทั้งกองทัพ
ไททัสเฝ้าตรวจตราการทำงานทุกอย่างโดยละเอียด
กองกำลังสู้รบในครั้งนี้มีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 100 นาย เป็นทหารฝึกหัดเสีย 20 นาย ส่วน 80 นายที่เหลือนั้นคือทหารลีเจี้ยนเต็มยศ ยังมีเหล่าทหารสนับสนุนตามลงมาด้วยอีก 25 นาย พวกเขาจะคอยดูเรื่องการปฐมพยาบาล พลาธิการ และการจัดเตรียมอาหาร
กองพันลีเจี้ยนมักจะตั้งค่ายประจำอยู่ที่นี่เพื่อปิดทางขึ้นไปยังด้านบน
พอคลื่นถาโถมมาถึง พอเขาก็จะปักหลักสู้กันตรงนี้นี่แหละ
และจากที่นี่เองที่พวกเขาจะส่งหน่วยสำรวจเพื่อออกตามหาโคโลนี่มด
แต่จู่ๆ ไททัสก็ได้ยินเสียงขู่คำรามดังขึ้นจากชายป่า
มอนสเตอร์ที่ออกมาต้อนรับก็คือวานรหมัดสายฟ้า
กอลิล่ายักษ์ชาร์จใส่กองพันลีเจี้ยนราวกับโกรธอีกฝ่ายมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
ผู้บัญชาการไททัสได้แต่ถอนหายใจเบาๆ
สำหรับดันเจี้ยนชั้นบนนั้น ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยที่จะมีมอนสเตอร์ไร้สติปัญญาออกมาพุ่งใส่เป็นครั้งคราว
วานรหมัดสายฟ้าเองก็เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่มีพฤติกรรมแบบนี้
จากสายวิวัฒนาการทั้งหมดของลิงแสงไฟ... วานรหมัดสายฟ้าคือสายเดียวที่ทำให้ค่าความหลักแหลมลดลง
ข้อดีของมันก็คือได้ค่าพละกำลังที่สูงขึ้น บวกกับความสามารถในการเปลี่ยนมานาให้เป็นสายฟ้าและปล่อยออกมาที่หมัด
ขณะที่มันพุ่งใส่ ทหารทุกคนไม่สะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย ต่างจับจ้องไปที่ผู้บัญชาการของตน
พอเจ้าลิงยักษ์อยู่ใกล้แค่เอื้อม ไททัสจึงเริ่มขยับตัว
เขาใช้มือเดียวยกด้ามขวานศึกขึ้นจากบ่า ต่อด้วยการฟันมันลงไปข้างหน้า
ขวานกระแทกเข้ากับพื้นดัง ‘กึ้งงง!’ ทุกอย่างเงียบลงชั่วครู่ จากนั้นลิงยักษ์ก็กรีดร้องขณะล้มลงกับพื้นทันที
พอฝุ่นหายไปหมดแล้ว สิ่งที่อยู่ด้านหน้าของทุกคนก็คือรอยตัดยาว 30 เมตร... และศพของวานรหมัดสายฟ้าที่ถูกผ่าออกเป็นสองซีกแบบเท่ากันพอดี
---------------
ติดตามแฟนเพจนักแปล: EP:IC Translation