ตอนที่ 155 ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น
ในช่วงครึ่งเดือนถัดมาทั้งจ้าวชิงชิงและหวางรุยก็ไม่ได้มากวนใจซูข่านถึงที่บ้าน เขารู้สึกมีความสุขมากในช่วงเวลานี้
อีกด้านหนึ่งที่ร้านอาหารวังหลวง มีการจัดทำบ้านหลังข้างๆของร้านรวมเป็นร้านเดียวกัน เฒ่าจางได้เปิดบ้านทั้งสองหลังและทำการเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน
บ้านหลังใหม่มีห้องอยู่เป็นจำนวนมาก สภาพแวดล้อมค่อนข้างเป็นส่วนตัว ขณะที่หลังเก่าจะมีห้องโถงใหญ่ตรงกลาง แล้วห้องใหญ่ๆอยู่
จะเป็นการแยกแบบชัดเจนว่าลูกค้าต้องการห้องส่วนตัวหรือต้องการที่จะเห็นบรรยากาศภายในร้านอาหาร
มีลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่ยังอยู่ที่ห้องอาหารแบบเดิม พวกเขาชอบฟังเสียงคนที่กำลังคุยกันและกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย
ส่วนด้านที่เป็นห้องแยกก็มีลูกค้าจำนวนมากที่ต้องการจองเพื่อเอาไว้เดตกับคนรัก หรือครอบครัวมาเลี้ยงฉลอง
หลังจากที่บ้านทั้งสองหลังได้รวมกันตอนนี้จำนวนโต๊ะภายในร้านถูกใช้งานไปประมาณวันละ 60% ของโต๊ะทั้งหมด
แสดงว่าร้านอาหารวังหลวงมีจำนวนคนที่เยอะขึ้นกว่าเดิม
จำนวนโต๊ะเยอะกว่าเดิมถึงสองเท่า แต่จำนวนลูกค้าที่นั่งกินที่โต๊ะก็ยังสูงกว่า 50% อยู่ บ่งบอกได้ถึงจำนวนลูกค้าที่เข้ามาต่อวันเยอะขึ้น
อากาศในหนานจิงเริ่มสูงขึ้นอีกแล้ว ตอนนี้สามารถใส่เสื้อแขนสั้น กับกางเกงขาสั้นได้ อากาศแบบนี้เหมาะแก่การทำกิจกรรมนอกบ้านที่สุด
เมื่อเห็นว่าอากาศค่อนข้างดีซูข่านก็มักจะไปที่จัตุรัสเทียนอันเหมินเพื่อดูการเชิญธงของที่นั่น บางครั้งเขาก็ไปเที่ยวที่พระราชวังต้องห้าม บางครั้งเขาก็ไปที่พระราชวังหยวนหมิงหยวน
เขารู้สึกมีความสุขมากที่ได้ท่องเที่ยวแหล่งวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของจีนแบบนี้
ในยุคนี้ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาเยอะ การไปสถานที่ชื่อดังต่างๆค่อนข้างที่จะเดินสบาย ไม่เหมือนกับตอนชาติที่แล้วของเขา
มองไปทางซ้ายก็เป็นกรุ๊ปทัวร์จากยุโรป มองไปทางขวาก็เป็นพวกคนจีนจากมณฑลอื่น ไหนจะยังเด็กที่มาทัศนศึกษาที่นี่อีก
มันค่อนข้างวุ่นวายมาก ไม่สามารถเสพกับบรรยากาศได้เลย
ซูข่านหลังจากที่ได้เที่ยวเสร็จเขาก็กลับมายังบ้านของเขา
ทันทีที่เดินเข้ามาในบ้านเสี่ยวผิงก็รีบมาหาเขาทันที
"พี่สามคะ"
"พี่จางเฉียงมารอคุยกับพี่สามอยู่ค่ะ เขาบอกว่าต้องการคุยกับพี่เป็นการส่วนตัว"
ซูข่านพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น
จางเฉียงเห็นซูข่านได้เดินเข้ามา เขารีบลุกยืนอย่างรวดเร็ว
เขาได้มองไปที่ซูข่านและพูดด้วยความสุภาพ
"พี่สามครับ"
"มีอะไร?"
ซูข่านได้นั่งลงก่อนจะถามจางเฉียง
"มีคนจากเซียงเจียงโทรมาครับ"
จางเฉียงได้นั่งลงหลังจากซูข่านแล้วก็เล่าต่อ
"พี่กั๋วเฉียงได้โทรหาผมจากเผิงเฉิง เขาบอกว่าที่เซียงเจียงบอกว่ามันขึ้นแล้ว"
"ขึ้นแล้ว?"
ซูข่านยิ้มเล็กน้อย
ที่บอกว่าขึ้นก็น่าจะมีเพียงอย่างเดียว ราคาน้ำมันยังไงล่ะ
ไม่แปลกที่ช่วงเวลานี้ราคาของน้ำมันโลกจะพุ่งขึ้น
เขาได้คำนวนไว้แล้วว่าช่วงนี้ราคาน้ำมันจะเพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่า
ด้วยเหตุนี้จากเงินของเขาที่ลงฟิวเจอร์ รวมกับเงินเลเวอเรจอีก ตอนนี้น่าจะมีเงินอยู่ที่ประมาณ 5.2 พันล้านแล้ว
แถมยังไม่ได้รวมกับสัญญาที่ทำไว้กับทาง HSBC อีก ซึ่งส่วนแบ่งของสัญญาที่เราได้เปลี่ยนไป น่าจะได้เยอะพอประมาณ
ตอนนี้ที่เซียงเจียงน่าจะเป็นเวลา 3 ทุ่ม ดูเหมือนว่าผู้จัดการหวางจะต้องทำหน้าตกใจอยู่แน่ๆ
เธอไม่คิดมาก่อนเลยสิว่าราคามันจะพุ่งขึ้นมาแบบนี้ ขนาดนักวิเคราะห์ของธนาคารเธอเองยังไม่สามารถทำนายได้
เห็นว่าเราได้เปลี่ยนสัญญาเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบนิดหน่อย ก็รีบจัดการเซ็นสัญญาทันที
แต่มันก็เป็นงานของผู้จัดการหวางแหละ เธอคงทำเพราะหน้าที่ของเธอ
จางเฉียงได้เกาหัวของเขา จากนั้นเขาก็เปิดกระเป๋าและหยิบกระดาษใบหนึ่งออกมา
จางเฉียงได้ยื่นมันให้กับซูข่าน
ซูข่านรับกระดาษมาอ่านก็พบว่ามันเป็นโทรเลข นี่เป็นรายงานของบทสรุปราคาของน้ำมันโลก
นี่เป็นโทรเลขที่ถูกส่งมาจากเผิงเฉิง ซึ่งถูกส่งมาเซียงเจียงอีกทีหนึ่ง
ซูข่านได้อ่านโทรเลขนี้
"ราคาน้ำมันดิบระหว่างประเทศพุ่งขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้ราคาได้สูงขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่า"
หลังจากที่ได้อ่านโทรเลข ซูข่านก็รู้สึกประหลาดใจ ดูเหมือนว่าราคาน้ำมันจะสูงกว่าที่เขาคิดไว้ถึง 2-3 ดอลลาร์
ราคานี้ยังไม่ใช่ราคาที่สูงสุดของน้ำมัน ซูข่านว่ามันต้องใช้เวลาอีกสักพัก
จางเฉียงได้ทำหน้าสงสัย เขาไม่เข้าใจคำว่าราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้น ไหนจะยังฟิวเจอร์น้ำมัน ฯลฯ ในโทรเลข
จางเฉียงอ่านแล้วก็มึนหัวไปหมด…
ถึงแม้ว่าจางเฉียงจะอ่านออก แต่มันก็ยังมีคำเฉพาะอยู่เยอะ ไม่แปลกที่จางเฉียงไม่เข้าใจความหมายของโทรเลขนี้
หลังจากที่ซูข่านได้อ่านโทรเลขเสร็จ เขาก็ได้วางโทรเลขไว้บนโต๊ะ ดวงตาของเราได้หรี่ลงเล็กน้อย
โทรเลขนี้ถูกส่งมาเมื่อวาน ก่อนหน้านี้หลังจากที่ราคาน้ำมันโลกได้พุ่งสูงขึ้น ตอนนั้นซูข่านก็ได้ประมาณเงินที่เขาจะได้อยู่ที่ 2,200 ล้าน
แต่ตอนนี้เงินซูข่านน่าจะได้สูงถึง 5,200 ล้านแล้ว แต่ถ้ารวมกับสัญญาของ HSBC อีกก็น่าจะเป็น 10,400 ล้าน
แต่ว่าเขาต้องจ่ายค่าเลเวอเรจอีก แล้วสัญญากับทาง HSBC เขาก็ไม่ได้รับเต็มจำนวน
ซูข่านได้ประมาณเงินที่เขาได้อยู่ที่ประมาณ 6,900 ล้าน
ตอนที่ HSBC ได้ลงฟิวเจอร์น้ำมัน ตอนนั้นราคาน้ำมันโลกก็ได้พุ่งขึ้นอยู่แล้วระดับหนึ่ง จะไม่แปลกที่ทาง HSBC จะได้น้อยกว่าเขา
แต่มูลค่าของ HSBC ก็น่าจะสูงถึงประมาณ 2 เท่าของเงินที่ลง
ซูข่านก็อาจจะได้รับประมาณ 1,000 ล้าน
ถ้ารวมๆเงินสองก้อนแล้ว ดูเหมือนว่าทรัพย์สินของซูข่านจะมากจนเกือบ 1 หมื่นล้านไปแล้ว
จำนวนเงินของเขาเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าในเวลาไม่ถึงครึ่งปี
ซึ่งก่อนหน้านี้เงินของซูข่านก็ได้เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
ซูข่านได้นึกถึงวันที่เขาได้กลับมาเกิดใหม่ ตอนนั้นซูข่านมีเงินในกระเป๋าเพียง 300 หยวนเท่านั้น
และ 300 หยวนในตอนนั้นได้กลายเป็นพันๆล้านแล้วในตอนนี้
แม้แต่ซูข่านยังคิดไม่ถึงเลยว่าเงินของเขาจะเติบโตเร็วขนาดนี้ มันเร็วจนน่ากลัว
"เฮ้อ"
ซูข่านถอนหายใจยาว เงินของเขาจะต้องพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งในอนาคต
เขาคิดว่าตอนนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีในการถอนตัวจากการเล่นฟิวเจอร์น้ำมัน
ดังนั้นตอนนี้ซูข่านกำลังวางแผนที่จะออกเดินทางอีกครั้ง
ไม่อย่างงั้นละก็ หากว่าราคาน้ำมันโลกไปถึงจุดสูงสุด หลังจากนั้นราคาก็จะดิ่งลงอย่างรวดเร็ว
หากว่าซูข่านไม่รีบทำอะไรตอนนั้น เขาก็จะสูญเสียเงินทั้งหมด
ซูข่านได้เอามือมากุมที่ปากของเขา ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อยและมองไปที่หน้าต่าง
"บางทีฉันอาจต้องไปเซียงเจียงอีกครั้ง"
สายตาของซูข่านไม่ได้มองถึงท้องฟ้าในหนานจิงแล้ว เขากำลังคิดถึงท้องฟ้าที่อยู่ในเซียงเจียง