ตอนที่ 153 มอบบ้านให้อีกหลัง
ความเยือกเย็นของซูข่านทำให้สาวๆรอบตกใจ
"ป่ะ ไปร้านอาหารวังหลวงกัน"
ซูข่านพูดเสร็จก็เดินไปที่ประตูหน้าบ้านทันที
"ค่ะ"
หวางรุยพยักหน้าของเธอ เธอไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อ
"อืม"
จ้าวชิงชิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
หลี่ชิงเยว่ที่มองทุกอย่างอยู่ เธออุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
พี่สามนี่น่าทึ่งจริงๆ เขาสามารถทำให้สองคนนี้หยุดทะเลาะกันได้เพียงไม่คำพูดไม่กี่คำ
"ยอดไปเลย"
เธอแอบยกนิ้วโป้งใหักับซูข่าน
ซูข่านเดินออกไปที่หน้าบ้าน เขาไม่ได้เรียกเฒ่าหลี่หรือคนอื่นๆให้ไปด้วย
ดูเหมือนว่าสาวๆที่สนามหญ้าแค่นี้ก็ทำให้เขาปวดหัวแล้ว
ถ้าหากว่ามีเฒ่าหลี่เพิ่มมาอีกคนละก็…..
โลกใบนี้คงไม่สงบสุขสำหรับฉันแน่ๆ
ซูข่านส่ายหัวอย่างรวดเร็วขณะที่คิดถึงเรื่องที่เฒ่าหลี่อาจจะทำกับสาวๆสองคนนี้
ซูข่าน จ้าวชิงชิง หวางรุย และหลี่ชิงเยว่ ได้เดินตามซูข่านออกไปที่ถนน
ในหนานจิงตอนนี้บนถนนยังมีรถวิ่งอยู่ไม่มาก ซูข่านก็ยังอยากได้รถไว้สักคัน
มันเหมาะสำหรับการเดินทางไปไหนมาไหน ตอนนี้เขายังไม่ได้เดินทางบ่อยขนาดนั้น เอาแต่มอเตอร์ไซค์สักคันหรือจักรยานก็น่าจะเพียงพอแล้ว
หากว่าซูข่านซื้อรถแล้วมาจอดที่สนามหญ้าหน้าบ้าน เกรงว่าลุงๆป้าๆแถวบ้านจะนินทราซูข่านหนักกว่าเดิมแน่ๆ
ถ้าเป็นอย่างงั้นซูข่านคงไม่อยากออกจากบ้านไปไหนมาไหน เดี๋ยวจะมีคนมองเขาด้วยสายตาแปลกๆอีก
ตอนนี้เขามีเงินนับล้านๆหยวนในเซียงเจียง หากว่าเขาจะซื้อรถเมล์ให้มาวิ่งประจำที่หน้าบ้านของเขาก็ยังได้
แต่ดูเหมือนว่ามันจะยุ่งวุ่นวายเกินไปหน่อย
ทั้งหมดได้เดินออกจากซอยและไปขึ้นรถเมล์ ไม่นานพวกเขาก็ได้ลงรถเมล์ที่ถนนไทเชียนหมิน
พวกเขาได้เดินต่ออีกประมาณ 2-3 ร้อยเมตร แล้วก็เห็นป้ายร้านอาหารวังหลวง
ตอนนี้ใกล้ถึงมื้ออาหารแล้ว ที่หน้าร้านวังหลวงมีรถจักรยานยนต์และรถยนต์จอดเรียงรายเต็มหน้าร้าน และแน่นอนรถทุกคันเป็นรถหรูนำเข้าแบบพิเศษ
ซูข่านได้เปิดประตูเข้าไปก่อน สาวๆทั้งสามคนได้เดินตามเข้ามาที่หลัง
พนักงานเสิร์ฟในร้านเห็นซูข่านเดินเข้ามาก็รีบวิ่งเข้ามาทักทายซูข่านอย่างเร็ว
"ยินดีต้อนรับครับคุณซู"
ซูข่านขมวดคิ้วเล็กน้อย คุณซูงั้นเหรอ?
นี่คือคำที่เฒ่าจางเรียกเราเพียงคนเดียวในหนานจิง
"อาจารย์จางได้บอกให้ทุกคนในร้านเรียกคุณว่าคุณซูครับ เขาได้ย้ำกับพวกผมว่าหากว่าคุณมา ให้พาคุณไปยังห้องรับรองที่ใหญ่ที่สุดทันที แล้วเขาจะเป็นคนปรุงอาหารให้กับคุณด้วยตัวเอง"
พนักงานพูดด้วยรอยยิ้ม
ซูข่านพยักหน้าเล็กน้อย ไม่คิดว่าเลยเฒ่าจางจะอบรมพนักงานของร้านดีขนาดนี้
ทุกคนในร้านรู้จักกับเขา แล้วสามารถไปใช้ห้องรับรองไว้ได้เลย
ซูข่านรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
ถ้าจำไม่ผิดเฒ่าจางดูเหมือนจะเป็นคนทำอาหารประจำตระกูลมาก่อน ไม่แปลกที่เขาจะรู้เรื่องพวกนี้เป็นพิเศษ
ซูข่านเหลือบมองไปที่พนักงานที่มาต้อนรับเขา ดูเหมือนว่าการแต่งตัวของพนักงานคนนี้ดูสะอาดและเรียบร้อย ไม่ใช่แค่เพียงพนักงานคนนี้คนเดียวแต่เป็นเหมือนกันทั้งร้าน ลูกค้าที่เข้ามาต้องรู้สึกถึงความสดใสของฤดูใบไม้ผลิแน่ๆ
ไม่แปลกใจเลยที่คนจะมาเต็มร้านทุกวัน
นอกจากรสชาติของอาหารที่อร่อยแล้ว การบริการของพนักงานก็จำเป็นต่อร้านอาหารเช่นกัน คนในยุคนี้ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารของรัฐ หรือว่าร้านอาหารของคนทั่วไป พวกเขาไม่สนใจลูกค้าที่มากินเลยแม้แต่น้อย เขาคิดแค่ว่าเสิร์ฟอาหารแล้วก็เสร็จหน้าที่ของพวกเขา
แต่ที่ร้านวังหลวงแห่งนี้ไม่ใช่แบบนั้น การบริการของพนักงานที่นี่ ซูข่านสามารถพูดได้เลยว่า เป็นร้านอาหารที่ดีที่สุดในประเทศจีนตอนนี้อย่างแน่นอน
ลูกค้าหน้าเดิมจึงเต็มใจที่จะมาที่ร้านนี้อีก เวลาไปร้านอาหารที่พนักงานทำหน้าเคร่งขรึม แค่เห็นหน้าพนักงานก็อารมณ์ที่จะกินแล้ว ไหนจะยังต้องมาลุ้นกับรสชาติอาหารอีก
ที่ร้านวังหลวง พนักงานทุกคนบริการลูกค้าเปรียบเสมือนกับพระเจ้า แถมยังยิ้มแย้มตลอดเวลา
ซูข่านที่กำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาว่าจะให้เฒ่าจางนี่แหละจะเป็นศูนย์กลางในการสร้างแลนด์มาร์คของที่นี่ ไม่แน่เฒ่าจางอาจมีกลยุทธ์เด็ดๆในการมัดใจลูกค้าได้อีก
"ห้องใหญ่ที่สุด"
หลังจากที่พนักงานพูดจบ หวางรุยก็อุทานออกมาเสียงดัง
สำหรับหวางรุยแล้วเธอรู้สึกเหมือนว่าระยะห่างของเธอกับพี่สามได้กว้างกว่าที่เธอคิดไว้มาก
การที่มาร้านอาหารแล้วมีห้องรับรองให้เขาโดยเฉพาะ แสดงว่าพี่สามคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
บางทีพี่สามอาจจะลงเงินไปกับร้านนี้หลายร้อยหยวนก็ได้
ดวงตาของจ้าวชิงชิงที่กระพริบถี่ขึ้น เธอมีความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าหวางรุยอีก เธอได้ประเมินว่าซูข่านต้องมีหุ้นส่วนกับร้านแห่งนี้แน่นอน
เขาเป็นคนที่เก่งอยู่แล้ว จะมีหุ้นส่วนกับร้านนี้ก็ไม่แปลก
"ไม่เอาน่า พวกเรามากันแค่ 4 คนเอง ขอห้องเล็กๆก็พอแล้ว"
ซูข่านส่ายหัว จะให้ไปอยู่ในห้องใหญ่โดยมีคนแค่ 4 คนเนี่ยนะ บรรยากาศมันน่าจะขนลุกมากกว่าอีก
"ได้ครับคุณซู"
พนักงานเสิร์ฟได้หัวเราะเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ได้พาซูข่านและคนอื่นๆเดินไปยังด้านหลังของห้องโถง
ที่นั่นมีห้องเล็กๆห้องหนึ่งอยู่ แม้ว่าพนักงานบอกว่าเป็นห้องเล็กๆ แต่ที่นี่ก็กว้างพอที่จะสามารถนั่งทานได้ถึง 10 คน
"อยากกินอะไรก็สั่งเลย"
ซูข่านได้หยิบเมนูที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาดู
ส่วนหวางรุยกับจ้าวชิงชิงดูเหมือนว่าจะสั่งอาหารกันอย่างบ้าคลั่ง ไม่รู้ว่าโกรธหรือว่าหิวกันแน่
ซูข่านเห็นแล้วก็พูดไม่ออก
ซี่โครงหมูตุ๋น ปลาแม่น้ำตุ๋น เต้าหูยัดไส้ ซุปลูกชิ้น และผัดกะหล่ำปลี
ทั้ง 4 คนได้สั่งอาหารหลัก 4 จานและซุปอีก 1 จาน อาหารที่นำมาเสิร์ฟมาขนาดใหญ่มาก และที่สำคัญคือเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว
ทั้งสี่คนได้กลิ่นอาหารตรงหน้าก็อดใจไม่ไหว ทุกคนเริ่มที่จะกินอาหารด้วยความเอร็ดอร่อย หลังจากที่ท้องเริ่มจะอิ่มแล้ว ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของหวางรุยกับจ้าวชิงชิงก็ได้ผ่อนคลายลง
ระหว่างที่กำลังจะทานอาหาร ทั้งสองคนก็ได้พูดคุยและหัวเราะกัน
เมื่อทานอาหารเสร็จ ประตูห้องก็ได้เปิดออก เฒ่าจางที่สวมผ้ากับเปื้อนสีขาวผืนใหญ่ก็ได้เดินเข้ามาแล้วพูดว่า
"คุณซูครับ ผมขออภัยที่ออกมาต้อนรับคุณสาย ผมต้องทำอาหารอีก 2-3 จานก่อน"
เฒ่าจางเดินเข้ามาขอโทษซูข่านอย่างรวดเร็ว
"รสชาติอาหารดีมาก คุณภาพของอาหารก็ยังดีเหมือนเดิม ฉันได้ตรวจสอบร้านอาหารของเฒ่าจางแล้ว ดูเหมือนคุณจะทำร้านนี้ออกมาได้ดีมากๆ"
ซูข่านพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
เฒ่าจางได้ยิน เขาได้มองดูซูข่านที่ทำทางพอใจกับร้านของเขา เฒ่าจางก็รู้สึกโล่งใจ
เฒ่าจางเป็นเจ้าของร้านที่นี่ แต่ซูข่านคือคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง ในฐานะเจ้าของที่ใหญ่ที่สุด
ตั้งแต่วันเปิดร้าน ซูข่านก็ไม่ได้มาที่ร้านนี้อีกเลย เฒ่าจางคิดว่าเขาน่าจะทำอะไรผิดพลาดจนซูข่านโกรธ
เขาได้นอนคิดมากไปหลายวัน จนเขาได้ไปขอโทษกับซูข่านเองถึงที่บ้าน แต่ทำอย่างงั้นแล้วเขาก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี
ตอนนี้หลังจากที่ได้คำชมของซูข่าน เฒ่าจางก็รู้สึกโล่งไปหมด
"ชิงชิง หวางรุย ชิงเยว่ พวกเธอไปรอฉันข้างนอกก่อน"
ซูข่านได้คิดอะไรบางอย่างออก เขาได้พูดกับทั้ง 3 สาว
จ้าวชิงชิงพยักหน้า จากนั้นทั้ง 3 คนก็ได้เดินออกจากห้องอย่างเชื่อฟัง ทิ้งให้ซูข่านอยู่กับเฒ่าจางในห้อง
"คุณซูมีอะไรจะให้ผมทำอีกไหมครับ?"
เฒ่าจางมองไปที่ซูข่านด้วยความสงสัย
ซูข่านยิ้มและพูดว่า
"เฒ่าจาง ร้านอาหารวังหลวงดูเหมือนจะไปได้สวยในการจัดการของเฒ่าจางนะ ฉันมีบ้านหลังข้างๆอยู่อีกหลังหนึ่ง"
"ถ้าเฒ่าจางต้องการที่จะขยายร้าน ฉันก็จะยกบ้านหลังข้างๆให้ เฒ่าจางสนใจไหม?"
เมื่อเฒ่าจางได้ยิน สีหน้าของเขาก็ดูดีใจมาก