SWO ตอนที่ 70 เทวาทมิฬ
แม้ว่าการทำความสะอาดจะสิ้นสุดไปแล้ว แต่ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธในเมืองก็ยังมักมารวมกันที่สถานีทางตะวันออก ประการแรก เพื่อหารือเกี่ยวเกี่ยวกับเทคนิคลับ และเทคนิคการต่อสู้ร่วมกัน ประการที่สอง หากมีเรื่องเร่งด่วนเกิดขึ้น การมาอยู่รวมกันแบบนี้จะทำให้ร่วมมือกันง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตามในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา โจวเฮากลับไม่ค่อยเห็นปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธอย่างเหอเปียว และเจิ้นหงเลย
สีหน้าของผู้บัญชาการจ้าวเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “ท่านโจว เหอเปียว และคนอื่น ๆ กำลังค้นหาสมาคมเทวาทมิฬที่ซ่อนตัวอยู่ในเมือง!”
“เทวาทมิฬ?” โจวเฮางุนงง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อขององค์กรดังกล่าว
"ใช่ สมาคมเทวาทมิฬเป็นองค์กรลับใต้ดินขนาดใหญ่ที่มีสาขาอยู่แทบทุกเมือง เพียงเพื่อต้องการเพิ่มความแข็งแกร่ง พวกมันถึงกับทรยศต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ และไปสมรู้ร่วมคิดกับเผ่าพันธุ์ภายนอก ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังมักรวมตัวกันเพื่อกระทำการชั่วร้าย และสังเวยที่ไร้มนุษยธรรมทุกประเภท!” ผู้บัญชาการจ้าวกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่เหมือนพยายามระงับความโกรธ
“ฐานสำคัญทั่วโลกเกลียดชังสมาคมเทวาทมิฬอย่างที่สุด แต่พวกมันลึกลับมากเกินไป อีกทั้งยังหาตัวจับยากเพราะพวกมันได้รับความช่วยเหลือจากเผ่าพันธุ์ภายนอก”
เมื่อมาถึงตรงนี้ ผู้บัญชาการจ้าวก็กำหมัดแน่น “ในอดีต เมื่อครั้งยังมีราชันอสูรจำนวนมากในพื้นที่รกร้างของเมือง เมื่อเราตัดสินใจเริ่มค้นหาสมาชิกเทวาทมิฬ เมืองจะถูกโจมตีโดยเผ่าพันธุ์ภายนอกเสมอ ดังนั้นเราจึงไม่กล้าค้นหาพวกมันอย่างมุทะลุ”
“แต่คราวนี้ต้องขอบคุณผู้อาวุโสโจวที่ช่วยกวาดล้างเผ่าพันธุ์ภายนอกในพื้นที่รกร้างให้ แรงกดดันที่เมืองได้รับจึงบรรเทาลงในทันใด ดังนั้นเหอเปียว เจิ้นหง และคนที่เหลือจึงมีเวลาว่างมากพอสามารถเปลี่ยนเป้าหมายเป็นจัดการ และค้นหาสมาชิกเทวาทมิฬที่ซ่อนอยู่ได้!”
เมื่อได้ยินดังนั้น โจวเฮาก็เข้าใจ
ปรากฏว่ามีองค์กรที่ชั่วร้าย และต่อต้านมนุษย์แบบนี้อยู่ในเมือง
“ท่านผู้บัญชาการจ้าว สมาคมเทวาทมิฬแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียว?” เขาอดถามไม่ได้
“พวกมันนับว่าแข็งแกร่งมาก” สีหน้าของผู้บัญชาการจ้าวเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “พวกมันนั้นได้รับสมบัติ และเทคนิคจากเผ่าพันธุ์ภายนอกอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้ความแข็งแกร่งของพวกมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เหรียญมักมีสองด้านเสมอ ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นเร็วเกินไปนั้นส่งผลให้รากฐานของพวกมันไม่เสถียร ทำให้ความแข็งแกร่งจัดอยู่ในระดับค่อนข้างธรรมดาเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่พวกมันมักจะพึ่งพาสมบัติอันทรงพลังที่มอบให้โดยเผ่าพันธุ์ภายนอกเพื่อให้สามารถต่อสู้กับฝ่ายเราได้อย่างเท่าเทียม”
“ด้วยเหตุนี้เทวาทมิฬจึงซ่อนตัวอยู่เสมอ และไม่กล้าเปิดเผยตัวเองเพื่อแข่งขันกับกองกำลังของเมือง”
หลังจากหยุดครู่หนึ่ง ผู้บัญชาการจ้าวก็ถอนหายใจ และกล่าวต่อ “แต่ถึงกระนั้น การส่งตัวตนระดับปรมาจารย์ขั้นสูงไปหาเบาะแสอาจได้รับอันตรายถึงชีวิต นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ข้าส่งเหอเปียว และปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธอีกหลายคนเพื่อทำงานประเภทนี้”
โจวเฮาขมวดคิ้ว หากพวกเขาไม่สามารถส่งปรมาจารย์ขั้นสูงไปได้ แสดงว่าความแข็งแกร่งของสมาคมเทวาทมิฬนั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ การมีองค์กรที่ชั่วร้ายเช่นนี้อยู่ในเมืองก็เหมือนกับมีระเบิดที่ไม่เสถียร
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงกล่าวออกมา “ผู้บัญชาการจ้าว หากมีข่าวคราวเรื่องเทวาทมิฬ อย่าลืมแจ้งให้ข้าทราบ”
เมื่อได้ยินดังนั้นผู้บัญชาการจ้าวก็กล่าวออกมาอย่างมีความสุข “ขอบคุณผู้อาวุโสโจว ด้วยความช่วยเหลือของท่าน สมาคมเทวาทมิฬจะไม่เป็นภัยคุกคามอีกต่อไป ถ้าข้าได้เรื่องเมื่อไหร่ ข้าจะรีบแจ้งให้ท่านทราบทันที!!”
"อืม" โจวเฮาพยักหน้า เขาเต็มใจที่จะมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ ถึงอย่างไรที่แห่งนี้ก็เป็นที่ที่เขาเกิด และเติบโตมา การปกป้องเมืองก็เท่ากับการได้ปกป้องครอบครัวของเขาด้วย
…
ณ โรงเรียนมัธยมเมืองฉู
ในการฝึกต่อสู้เสมือนจริง
ผลงานของโจวเฮาในช่วงหลายวันที่ผ่านมากอยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งส่วนใหญ่ต้องยกเครดิตให้กับซูหลิง และจางอี้ที่เขาร่วมทีมด้วยคอยดึงไม่ให้เขาอยู่อันดับต่ำสุด
ฉัวะ! ฉัวะ!
หลังจากที่ซูหลิง และจางอี้จัดการนักรบอสูรที่เข้ามาเสร็จ ทั้งคู่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และทิ้งตัวลงกับพื้นเพื่อพักผ่อน
เมื่อเห็นท่าทีเฉยชาของโจวเฮา ซูหลิงซึ่งไม่ได้พูดกับเขามาหลายวันก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “โจวเฮา นี่เจ้าลืมไปแล้วรึว่าเจ้าก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของทีมด้วย ดังนั้นช่วยจริงจังกว่านี้หน่อยได้รึไม่?”
โจวเฮาถอนหายใจ และรีบกล่าวทันที “โทษที พอดีข้าใจลอยไปหน่อย”
หลังจากได้รู้ว่ามีองค์กรอย่างสมาคมเทวาทมิฬอยู่ในเมือง เขาจึงขอข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรนี้โดยละเอียดมาเป็นพิเศษ
สิ่งที่เห็นทำให้เขาค่อนข้างช็อค!
การกระทำบางอย่างของเทวาทมิฬนั้นบ้ามาก การกล่าวว่าพวกเขาต่อต้านมนุษย์นั้นดูจะไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงนัก
ยิ่งไปกว่านั้น บางทีอาจเป็นเทวาทมิฬเองที่เผยแพร่ข่าวเรื่องอัจฉริยะไร้เปรียบไปยังเผ่าพันธุ์ภายนอก
สิ่งนี้ทำให้เขาระมัดระวังตัวมากขึ้น ด้วยสมาชิกของเทวาทมิฬที่ซุ่มซ่อนอยู่ เขาจึงไม่สามารถเปิดเผยตัวตนของเขาได้อย่างแน่นอน
เพราะเมื่อตัวตนของเขาถูกเปิดเผย ผลที่ตามมาจะไม่ใช่สิ่งที่เขารับไหว
แม้ตัวเขาเองจะแข็งแกร่งจนไม่มีอะไรต้องกลัว แต่ผู้คนรอบตัวเขา โดยเฉพาะพ่อแม่ของเขาอาจต้องเผชิญกับความชั่วร้ายของเทวาทมิฬ
ท้ายที่สุดพ่อแม่ของเขายังต้องไปทำงาน ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอยู่เคียงข้างพวกเขาตลอดเวลา
“ขอล่ะ นี่เรากำลังอยู่ในพื้นที่รกร้างนะ!” ซูหลิงจ้องไปที่โจวเฮาอย่างไม่พอใจ “ถ้าเจ้ายังทำตัวแบบนั้นอีก ข้าคงต้องให้เจ้าออกจากทีม…”
จางอี้รีบกล่าว “ซูหลิง อย่าพูดอย่างนั้น โจวเฮาก็ช่วยได้มากเช่นกัน”
ซูหลิงพ่นลมหายใจ และไม่ได้พูดอะไรอีก เธอรู้ดีว่าเมื่อครู่เธอพูดเกินไปหน่อย
โจวเฮาไม่ได้สนใจมากนักเพราะเขาชินกับปากของซูหลิงแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่เขาก็ฟุ้งซ่านไปจริง ๆ
“จากนี้ข้าจะตั้งใจมากขึ้น”
ซูหลิงยืนขึ้น “ข้าจะจับตาดูเจ้า”
ต่อมาโจวเฮาไม่ได้ฟุ้งซ่านต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นเขายังแสดงความสามารถในการต่อสู้ของเขาซึ่งทำให้ซูหลิงประหลาดใจ
หลังเลิกเรียนจางอี้ได้หยุดโจวเฮาไว้..