Ep.296 - เขตแดนลับแห่งการทดสอบ
1/2
ไว้ชดเชยให้พรุ่งนี้ครับ
Ep.296 - เขตแดนลับแห่งการทดสอบ
ตัวโบสถ์ไม่มีทางเข้าอื่นนอกจากประตูหลัก ซึ่งตรงจุดนี้ทำให้มันดูเหมือนคุกมากกว่าที่ควรเป็นโบสถ์
ประตูถูกปิดและปกคลุมไปด้วยอักษรรูนอันสลับซับซ้อน
มีแท่นบูชาสองแท่นทางซ้ายและขวาของประตูหิน
ทุกคนพยายามผลักเปิดประตูหินแต่ก็ไร้ผล
ฉูเทียนหัวดึงกระบี่หนักออกมาแล้วฟันใส่ประตู
เคร้ง!
ใบกระบี่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
แต่ประตูหินดูเหมือนจะไม่มีแม้กระทั่งรอยขีดข่วน
ฮังอวี่กล่าว “อย่าพยายามเลย ด้วยพละกำลังของพวกเรา เป็นไปไม่ได้ที่จะฝืนใช้แรงเปิดประตูนี้”
ฉูเทียนหัวพยักหน้า “นี่มันเหมือนกับทางเข้าที่หลบภัยของโนมส์ที่พวกเราพบในเขาวงกตเลย หรือว่าข้างในจะเป็นที่หลบภัยของมอนสเตอร์?”
ฮังอวี่ “ก็คล้ายๆ แต่ไม่ใช่ซะทีเดียว”
ลั่วหยวนเจิ้งเอ่ยถาม “แล้วพวกเราจะเปิดมันได้ยังไง?”
แปลกจริงๆที่มีโบสถ์มาปรากฏขึ้นที่นี่ ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่ามันมีไว้เพื่ออะไร แต่เมื่อสังเกตดู จะพบว่ามันคล้ายเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถรักษาซ่อมแซมตัวเองได้ แม้จะได้รับความเสียหายอยู่ก็ตาม
ถูกต้อง
อาคารหลังนี้ไม่สามารถพังทลายได้ตามเอกลักษณ์ของสิ่งปลูกสร้างในโลกวิญญาณ
มันทำลายไม่ได้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ด้วยความสามารถของมนุษย์ในตอนนี้
ฮังอวี่สำรวจมองประตูที่ปิดสนิท ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “แผ่นหินบนประตูน่าจะขยับได้ เดี๋ยวผมขอลองดูหน่อย”
ประตูโบสถ์ดูเหมือนจะมีปริศนาซ่อนอยู่
จากความทรงจำของจอมปราชญ์ ฮังอวี่สามารถแยกแยะเนื้อหาของปริศนาหินสลักที่ซ่อนอยู่บนประตูได้ แท้จริงแล้วนี่คือภาพจิตรกรรมผนังของเหล่าทวยเทพ
มีทวยเทพอยู่ในโลกวิญญาณเช่นกัน
แต่ทวยเทพในที่นี้หมายถึงการดำรงอยู่ของระดับตำนาน
การดำรงอยู่ดังกล่าวเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของกฏเกณฑ์ โดยทั่วไปแล้วไม่มีวันดับสูญ เป็นตัวตนที่ลึกลับมาก
ในส่วนของเรื่องนี้
ฮังอวี่ก็ไม่ค่อยรู้อะไรมากเช่นกัน
เขาเรียงแผ่นหินบนจิตรกรรมฝาผนังใหม่ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ลวดลายอันซับซ้อนในที่สุดก็สมบูรณ์และปรากกฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
บางสิ่งที่แปลกประหลาดยิ่งกว่าภารจิตรกรรมพลันบังเกิดขึ้น
จิตรกรรมฝาผนังเริ่มทอแสงสีขาวอมเทา
ประตูทั้งบานราวกับมีชีวิต มันโปร่งใสราวกับสามารถเดินทะลุได้ แต่เมื่อก้าวเท้าเข้าไป ก็ถูกดีดกลับมาอยู่ดี
ฮังอวี่กล่าว “นี่คือเขตแดนลับแห่งการทดสอบ”
ฉูเทียนหัวกล่าว “นายหมายความว่านี่คือสถานที่เหมือนกับในเขตแดนลับในหอคอยเขตแดน?”
ฮังอวี่พยักหน้าและกล่าวว่า “ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียง เนื้อหาในบททดสอบคงไม่เหมือนครั้งก่อน ถ้าหอคอยเขตแดนเป็นแค่ภาพจำลองสถานการณ์หนึ่งที่คัดลอกมา งั้นเขตแดนลับในโบสถ์ก็น่าจะเป็นอีกสถานการณ์หนึ่งที่ถูกคัดลอกมา”
“โลกวิญญาณกำลังกัดเซาะโลกมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ เท่าที่ฉันรู้ มีสิ่งปลูกสร้างแปลกๆ ไม่ก็ซากปรักหักพังแปลกๆเริ่มทยอยปรากฏขึ้นทั่วโลก” ลั่วหยวนเจิ้งเอ่ยถาม “เป็นไปได้ไหมว่าสถานที่พวกนี้ทั้งหมดจะเป็นเขตแดนลับ?”
เขตแดนลับที่ใช้ทดสอบคล้ายคลึงกับสถานการณ์จำลอง
ทุกแห่งมีรางวัลเมื่อผ่านด่าน และรางวัลของแต่ละแห่งจะแตกต่างกันไป
หากโบส์ของมอนสเตอร์ผีคือเขตแดนลับที่สามารถท้าประลองได้เรื่อยๆจริง นั่นเท่ากับเป็นธุรกิจเม็ดงาม สามารถทำกำไรได้มหาศาลแน่นอน
อย่างไรก็ตาม
ของแบบนี้
ฮังอวี่ไม่สามารถครอบครองมันเพียงลำพังได้
เกรงว่าคงมีเฉพาะกองกำลังขนาดใหญ่อย่างสกายเน็ตและสมาคมโลกวิญญาณเท่านั้นที่มีอำนาจพอจะครอบครองสิ่งนี้
ลั่วหยวนเจิ้งเผยท่าทีดีใจขึ้นมาทันทีหลังจากเข้าใจจสถานการณ์ แม้ภารกิจนี้จะไม่ประสบความสำเร็จมากนัก ทั้งยังสูญเสียสมาชิกสกายเน็ตไปกว่าสองคน แต่สุดท้ายกลับประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ในการค้นพบเขตแดนลับ ก่อให้เกิดผลประโยชน์มหาศาลแก่สกายเน็ต
ฉูเทียนหัวกล่าว “ครั้งนี้นายช่วยพวกเราได้มากจริงๆ”
“อย่าพึ่งดีใจไป ดูนั่นก่อน” ฮังอวี่ชี้ไปทางหนึ่ง “สองแท่นบูชาที่เคยอยู่ตรงนี้คือกุญแจสำคัญในการเปิดโบสถ์เขตแดนลับ แต่วัตถุหลักอย่างแท่นบูชาถูกขโมยไปโดยคนจากโลกวิญญาณ เจ้าสิ่งนี้ยากที่จะซ่อมแซมตัวเองได้ แต่ทางสกายเน็ตเต็มไปด้วยคนมากความสามารถ ดังนั้นไม่น่าใช่ปัญหา”
โบสถ์เขตแดนลับไม่สามารถเปิดใช้งานได้ชั่วคราว
ทางหนึ่งเพราะโบสถ์ยังซ่อมแซมตัวเองไม่เสร็จ
อีกทางหนึ่ง วัตถุสำคัญอย่างแท่นบูชาทั้งสองถูกนำออกไป
และผู้ที่นำมันออกไปคือสามผู้รุกรานจากโลกวิญญาณที่นำโดยดาร์คเอลฟ์
เรื่องนี้ทำให้ฉูเทียนหัว ลั่วหยวนเจิ้ง และคนอื่นๆของสกายเน็ตเกิดอาการปวดหัว
ซึ่งเอาจริงๆการสูญเสียทรัพยากรทางวัตถุบางอย่างไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอะไรมากนัก
สกายเน็ตเป็นองค์กรใหญ่ที่สุดในเจียงเฉิง และมีเบื้องหลังคือรัฐบาล
พวกเขาสามารถแลกเปลี่ยนวัสดุที่ต้องการจากสกายเน็ตสาขาอื่นๆได้
ดังนั้นไม่น่ายากเกินไปหากคิดหาสิ่งอื่นมาทดแทนแท่นบูชา
แต่ที่ทำให้พวกเขารู้สึกปวดหัวก็คือ การที่ผู้รุกรานจากโลกวิญญาณรีบนำวัตถุที่ยังซ่อมแซมไม่แล้วเสร็จจากไปเช่นนี้ เกรงว่าเพราะพวกมันต้องการเร่งแผนร้ายของตัวเองใช่หรือไม่? นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เพียงคิดก็ทำให้ผู้คนรู้สึกตึงเครียด
ดูท่า
การจับตัวเจ้าสองคนนั้น
คงต้องรีบทำอย่างเร่งด่วน
ฮังอวี่รู้ว่าพวกเขากังวลเรื่องอะไร และเขาก็คิดได้ว่าพวกคนจากโลกวิญญาณกำลังสร้างปัญหา ดังนั้นเอ่ยว่า “ผมจะให้ร่างแยกของหวังเอ๋อซักร่างสองร่างไว้กับพวกคุณ จะได้ช่วยกันตามล่าพวกมัน”
“ถ้าได้อย่างนั้นก็ดีเลย!”
ฉูเทียนหัวตระหนักดีถึงความร้ายกาจของฮัสกี้
พลังรบของสัตว์วิญญาณตัวนี้จัดว่าอยู่ในระดับกลางก็จริง
อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการติดตามและตรวจจับของมันทรงพลังมาก แม้แต่ในสกายเน็ตที่เต็มไปด้วยผู้มากพรสวรรค์ก็ยากที่จะหาตัวตนที่มีความสามารถเหนือหวังเอ๋อ ดังนั้นหากฮังอวี่ส่งเจ้าหมามา คงช่วยพวกเขาได้มาก
ฮัสกี้เริ่มประท้วง “ฮ่ง เจ้านาย เปิ่นหวังไม่ใช่สุนัขสาธารณะ เปิ่นหวังเองก็มีศักดิ์ศรี!”
ฮังอวี่จ้องมันและพูดว่า “ฉันอุตส่าให้โอกาสนายได้มีของกินดีๆ แต่ถ้านายไม่สนใจก็ลืมมันเถอะ”
หูหวังเอ๋อกางออกทันที มันพูดอย่างมีไหวพริบ “ฮ่ง รัฐบาลอยากเช่าสุนัขใช่ไหม แล้วจะจ่ายค่าเช่ายังไง?”
ฉูเทียนหัวรีบพูดก่อนที่หวังเอ๋อจะเปลี่ยนใจ “ทุกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ภารกิจต่างกันก็มีรางวัลต่างกัน แต่นายไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเช่าร่างแยก พวกเรารับประกันว่านายจะได้กินดื่มอย่างดี แถมยังได้เงินด้วย”
หวังเอ๋อพูดทันที “ฮ่ง งั้นไม่มีปัญหา ต้องการเช่ากี่ตัวบอกเปิ่นหวังได้เลย!”
สกายเน็ตต้องการสุนัข
และสุนัขมีร่างแยกมากพอให้เช่ายืม
ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับในสิ่งที่ตัวเองต้องการ เป็นธุรกิจที่วินวินด้วยกันทั้งคู่
หลังจากหวังเอ๋อขึ้นเป็นระดับเจ้าถิ่น ความสามารถในการแยกร่างของมันแข็งแกร่งขึ้น
ขณะที่ฮังอวี่ไม่ต้องการสุนัขไว้ใช้งานมากขนาดนั้น ดังนั้นถ้าพวกมันถูกเช่าในระยะยาวซักหนึ่งหรือสองตัว นี่จะเหมือนกับการส่งหมีแพนด้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี ปลูกฝังมิตรภาพระหว่างทั้งสองฝ่าย และยังสามารถสร้างรายได้ค่าเช่าสุนัขเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
“ชาวโลกวิญญาณไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น เจียงเฉิงคืออาณาเขตของมนุษย์ พวกคุณไม่ต้องวิตกกังวลนักก็ได้” ฮังอวี่ก้มดูเวลา “ตอนนี้ยังไม่เช้า ผมว่าพวกเราถอนตัวออกจากที่นี่กันก่อนดีกว่า”
ฉูเทียนหัวพยักหน้า “นั่นสินะ ไปเถอะ”
ปฏิบัติการสังหารสามผู้รุกรานไม่สำเร็จ
แต่ก็ยังได้รับผลกำไรอย่างอื่นมาทดแทน
สกายเน็ตสาขาเจียงเฉิงจับหนึ่งในแกนนำผู้รุกรานได้ อีกทั้งยังพบโบสถ์มอนสเตอร์ผี ส่วนจูหยางที่สูญเสียสมาชิกกว่าสามคน ทางสกายเน็ตจะชดใช้เต็มจำนวนเพื่อแสดงความจริงใจ
ยังไงซะ
พวกเขาก็เสียชีวิตในระหว่างปฏิบัติการของสกายเน็ต
หากสกายเน็ตไม่แสดงท่าทีอะไรเลย ต่อไปคงยากที่จะขอความร่วมมือจากยอดฝีมือคนอื่นๆ
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่รัฐบาลมีอำนาจเหนือทุกสิ่ง สมาชิกสกายเน็ตถึงจะเก่ง แต่อิทธิพลพวกเขายังไม่ครอบคลุมขนาดนั้น
ตอนนี้ที่ประจำสาขาเจียงเฉิงมีค่ห้ากองพลน้อยเท่านั้น
หรือเท่ากับมีพลรบราวๆ 5000 - 6000 คน
แม้เมื่อรวมกับกำลังพลสำรองและกำลังพลฝ่ายผลิต จะมีจำนวนสมาชิกมากกว่าหลักหมื่น
แต่เจียงเฉิงมีประชากร 10 ล้านคน
ยอดฝีมือส่วนใหญ่ยังอยู่ในภาคพลเรือน
สกายเน็ตที่ต้องการรักษาเสถียรภาพเอาไว้
ย่อมต้องสานสัมพันธ์ที่ดีกับพลเรือนเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
และนั่นทำให้ทางด้านฮังอวี่ได้รับ 5,000 แต้มบุญระดับ 8 จากการปฏิบัติงานครั้งนี้!
อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่ไม่ยอมรับในชื่อของเขาเอง แต่ขอให้ระบบแบทเทิลเน็ตส่งแต้มบุญไปในชื่อซูหยุนปิง นี่ช่วยให้รายชื่อของเธอในการจัดอันดับผลงานเมืองเจียงเฉิงสูงขึ้น มองจากภายนอกสถานะผู้นำของเธอก็จะยิ่งแข็งแกร่ง
แต่ในตอนนั้นเอง
ข้อความหนึ่งแจ้งเตือนบนมือถือเขา : ประตูสู่โลกวิญญาณเปิดออกแล้ว!
กล่าวคือ
ขณะนี้สามารถเข้าสู่โลกวิญญาณได้
เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมาก เพราะคำนวณตามระยะเวลาที่ผ่านๆมา ประตูโลกวิญญาณสมควรเปิดขึ้นพรุ่งนี้ อา! หรือว่าเพราะการหลอมรวมระหว่างสองโลกที่ลึกล้ำขึ้นในครั้งนี้ มันทำให้ผู้คนสามารถเข้าสู่โลกวิญญาณได้ตลอดเวลาแล้ว?