ตอนที่ 24 ปัญหาใหญ่
ผมไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วก่อนที่สติจะกลับมาอีกครั้ง
แสงในตาค่อยๆ ฟื้นคืน ตามมาด้วยประสาทการควบคุมขาทั้ง 6 ข้าง
ลึกลงไปในร่างกายส่วนอกของผม... ความรู้สึกร้อนระอุค่อยๆ จางหายไป เหลือไว้แค่บางอย่างที่กลมและอุ่น นี่น่าจะเป็นคอร์ของผมสินะ?
ผมเริ่มเดินผ่านอุโมงค์อีกครั้ง แต่รอบนี้ออกจะเซๆ หน่อย
ตอนนี้ร่างกายรู้สึกล้ามาก แต่ผมรู้ดีว่าจะมาหยุดพักตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด
พวกทหารอาจตามลงมาสำรวจอุโมงค์ได้ทุกเมื่อ
ผมคงต้องรีบเดินทางต่อ
ไม่นานความรู้สึกอ่อนล้าก็ค่อยๆ หายไป ร่างกายเริ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
ผมเดินผ่านเส้นทางคดเคี้ยวพร้อมดูค่าสถานะไปด้วย
ชื่อ: แอนโธนี่
เลเวล: 1 (คอร์)
ค่าพละกำลัง: 15
ค่าความทนทาน: 12
ค่าความหลักแหลม: 25
ค่าความมุ่งมั่น: 18
HP: 30
MP: 10
สกิล: ขุด เลเวล 4 ; พ่นกรดรุนแรง เลเวล 1 ; แรงจับ เลเวล 4 ; กัด เลเวล 4; อำพรางตัวขั้นสูง เลเวล 1;
กลายพันธุ์: ตา +4, หนวดเสาอากาศ +2, ต่อมกรด +3, ขา +1
สปีชีส์ : ตัวอ่อนมดงาน (ฟอร์มิก้า)
แต้มสกิล: 1
ไบโอแมส: 0
แม่เจ้า เลเวลข้าใครมาแตะวะเนี่ย?
แกนดาล์ฟ ทำไมเจ้าถึงทำเยี่ยงนี้!?
กว่าจะเก็บได้แต่ละเลเวล ทั้งน้ำตา หยาดเหงื่อ และเลือดที่เสียไป... อยู่มาถึงตอนนี้ได้มันไม่ง่ายเลยนะโว้ยย!
มีศาลให้ส่งฟ้องไหมเนี่ย ศาลมดน่ะมีมั้ยย!?
ผมรู้สึกขมขื่นอยู่เต็มอก แต่พอเห็นว่า MP เพิ่มจาก 0 เป็น 10 แล้วก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
ดูเหมือนว่ามอนสเตอร์คอร์จะสำคัญจริงๆ นั่นแหละ โดยเฉพาะกับมอนสเตอร์ที่อยากใช้เวทมนตร์ได้อย่างผม
นี่คือสาเหตุที่พวกมอนสเตอร์เอาแต่ดื่มน้ำจากสระนั่นสินะ เพราะพวกมันต้องการเร่งสร้างคอร์ของตัวเองขึ้นมา
พอมาคิดๆ ดูแล้วมันไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่เลยแฮะ
MP ตอนนี้ก็มีอยู่แค่ 10 จะเอาไปทำอะไรได้ นี่เราตัดสินใจถูกจริงๆ ใช่ไหม?
ตอนนี้ผมก็มาอยู่ในสถานที่อันตรายแห่งใหม่แล้ว นึกๆ ไปก็เสียดายค่าสถานะพวกนั้นเหมือนกัน!
แต่จะมามัวนั่งเสียใจก็ใช่เรื่อง เพราะการใช้เวทมนตร์ได้มันล่อตาล่อใจจริงๆ
กลับมาเป็นเลเวล 1 ใหม่อาจไม่ได้แย่ไปซะหมด นี่หมายความว่าผมต้องเก็บมันใหม่จนครบ 5 เพื่อวิวัฒนาการอีกรอบใช่ไหม? ในส่วนของแต้มสกิลก็ต้องได้เพิ่มด้วยสิ?
อืม สรุปแล้วก็ไม่ได้แย่นะ ผมมีโอกาสที่จะเก็บแต้มสกิลเพิ่มไปเรื่อยๆ
ความเป็นไปได้ในการล่ามอนสเตอร์โหดๆ ก็จะเพิ่มสูงขึ้นตามลำดับ
แบบนี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเก็บแต้มสกิลกับไบโอแมสยากขึ้นด้วย
ตอนนี้ผมมีเหลืออยู่ 1 แต้มสกิล แต่ยังไม่อยากใช้มันทันที
หลายสกิลต่างพากันมากองอยู่ที่เลเวล 4 แบบนี้มันน่าหวั่นใจจริงๆ
ไม่! ผมจะไม่ดูเมนูสกิลใหม่ตอนนี้! ถ้ามีสกิลร่ายเวทหรือดัดแปลงมานาโผล่มาก็จบเห่เลยสิ
ผมต้องยับยั้งกิเลสพวกนี้ออกไป!
อะนามาปัดชะเย อะปัดติเถเถณา~
อย่า-ตก-เป็น-เหยื่อ-การ-ตลาด!
สุดท้ายผมก็หักห้ามใจตัวเองเอาไว้ได้พร้อมกับเดินมาถึงทางออกพอดี
ข้างหน้านั่นคือพื้นที่อันกว้างใหญ่ที่เคยเห็นมาแล้วรอบนึง
ผมสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะเดินหน้าต่ออีกครั้ง
ว่าแต่ที่นี่มันใหญ่ได้ใจดีจริงๆ
เพดานสูง 60 ไม่สิ อาจจะ 70 เมตรเลยด้วยซ้ำ
มันสูงมากจนผมไม่นึกอยากปีนขึ้นไปดู ไต่พลาดเพียงครั้งเดียวคือตกมาตายได้เลย
มดตกเพดานตายนี่มันน่าอนาถกว่าโดนฆ่าตายอีกนะ
ทางด้านซ้ายและขวานั้นคือพื้นที่ที่โค้งออกไปไกลจนสุดลูกหูลูกตา ต่อให้เป็นตา +4 ก็ยังมองไม่เห็นผนังฝั่งตรงข้ามแฮะ
นี่เป็นเรื่องที่ผมกำลังคิดอยู่พอดีเลยนะ
ในฐานะแมลง ตาของผมจะเป็นแบบ ‘ตารวม’ ซึ่งไม่เหมือนกับตาของมนุษย์
นั่นหมายความว่า ข้อหนึ่ง ผมไม่จำเป็นต้องกระพริบตา แต่เอาจริงๆ ก็ไม่มีหนังตาให้กระพริบอยู่แล้ว
ข้อสอง ผมไม่จำเป็นต้องเพ่งสายตาไปยังจุดใดจุดหนึ่งแบบมนุษย์ เพราะตาแมลงจะดูทุกอย่างได้พร้อมกัน แต่นั่นก็ต้องแลกมาด้วยสายตาที่แย่กว่า
นี่คือสาเหตุที่ผมโอดครวญในช่วงแรกๆ เพราะมันแย่มากจริงๆ
ผมยังเชื่ออยู่ว่าการพัฒนาตาคือหนทางที่ถูกต้อง และมันคงเป็นอย่างแรกที่ขึ้นไปถึง +5
เพราะสกิลจะเลื่อนระดับที่เลเวล 5 ผมเลยอยากรู้ว่าการกลายพันธุ์ +5 จะส่งผลแบบเดียวกันหรือเปล่า
จะมีการกลายพันธุ์ขั้นสูงกว่ารออยู่ไหม? นี่แหละคือคำถาม
ว่าไงล่ะ แกนดาล์ฟ?
...
พึ่งไม่ได้เหมือนเคย ตอนนี้ผมชินแล้วล่ะ
สำหรับเสียงที่รู้ไปซะทุกอย่าง พออยากคุยด้วยจริงๆ ก็เงียบ หรือหมอนี่จะขี้อายหนัก?
บางทีใบ้ๆ กันหน่อยก็ได้นะแหม่
โอเคหมดเวลาคิดแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่เข้าไปลองของในพื้นที่แห่งใหม่
ผมไต่ลงจากตรงนั้น ทิ้งอุโมงค์ที่ดูปลอดภัยเอาไว้ด้านหลังและตรงเข้าสู่โพรง?.... ผืนป่า?....สักอย่าง
ความกว้างของที่นี่มันเหนือคำบรรยายจริงๆ ดูไปก็คล้ายกับโลกเสมือนที่อยู่ในขวดโหล
ผมพยายามมองดูสภาพรอบๆ ขณะไต่หินลงมาเรื่อยๆ
ต้นไม้หลอนๆ เห็ดอันเท่าบ้านและพืชพรรนนาๆ ชนิดบนพื้นคือสิ่งที่รอผมอยู่เบื้องล่าง
และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือแสงสีฟ้าที่สาดส่องไปทั่วบริเวณ
นี่มันดาวเอเลี่ยนชัดๆ... เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมคิดกับตัวเองว่านี่คือต่างโลกจริงๆ
ผมลองเอาขาหน้าไปแตะๆ หญ้าและพืชใกล้เคียงเพื่อดูว่ามันจะตอบสนองยังไง.... เฉย
จากนั้นก็ลองทดสอบเห็ดยักษ์เป็นอันดับต่อไป
โห~ มาใกล้ๆ แล้วถึงรู้ว่ามันสูงประมาณผู้ใหญ่สองคนต่อตัวกัน
หลังจากลังเลอยู่พักนึง ผมก็ลองเอาขาไปจิ้มๆ ดู... เฉยเหมือนเดิม
คราวนี้ผมลองเอาขากรรไกรงับดูเลย- หือ อะไรเนี่ย?
ดูเหมือนว่าก้านของเห็ดจะนิ่มมากและเต็มไปด้วยกากไย
พอฉีกกัดรอบที่สอง มันก็ ‘สะดุ้ง’ จนผมต้องถอยออกมา แบบนี้ก็ได้เหรอ!?
ตรงส่วนที่กัดเริ่มมียางสีม่วงไหลออกมาเป็นทาง นี่มันกรดพิษหรือเปล่านะ?
ผมลองดู HP ตัวเองว่าได้รับความเสียหายหรือเปล่า
เห้ออ~ มีพิษจริงๆ
อาจดูปัญญาอ่อนที่มาเสีย HP ให้กับเรื่องแบบนี้ แต่ผมน่ะรู้สึกสบายใจกว่าเดิมทุกครั้งที่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ
งั้นนน ข้างในเห็ดนี่มีพิษ ห้ามกินเด็ดขาด
แหล่มจริงๆ
การที่ใบหน้าถูกพิษกัดนั้นทำให้ผมใจกล้ามากกว่าเดิม
ผมเริ่มเดินฉีกไปทางขวาเพื่อสำรวจรอบๆ ชายป่า
จริงอยู่ที่ผมต้องรีบออกห่างจากอุโมงค์ด้านบน แต่อย่างน้อยๆ ก็ขอเดินติดผนังไว้ก่อน เผื่อว่าต้องขุดดินซ่อนตัวหรือไม่ก็ไต่ผนังหนีไง
ถ้าไม่เผื่อทางหนีล่ะก็ ผมคงนอนตายตาไม่หลับ- ...ไม่ใช่ละ
ผ่านมา 10 นาทีแล้ว อยากรู้จังว่ามอนสเตอร์ในป่าจะเป็นแบบไหนนะ เพราะถึงตอนนี้ยังไม่เห็นสักตัวเลย!?
หลับกันอยู่เหรอ?
กร๊าซซซซซซซ!!!!
เออๆ ไม่หลับก็ไม่หลับสิ
เสียงร้องดังสนั่นจนมันสะท้อนกับผนังไปมา
ผมโดดไปอยู่หลังซอกหินและพยายามซ่อนตัวอย่างดีที่สุด
ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ต้นตอเสียงก็โผล่ออกมาให้เห็น
ตอนแรกมีแค่ตัวเดียว แล้วก็มาอีกสอง ดูเหมือนพวกมันจะค่อยๆ ปล่อยตัวลงมาจากเพดานก่อนจะสยายปีกและพุ่งลงมาที่ผืนป่าด้านล่าง
พวกมันแต่ละตัวมีกรงเล็บที่ยาวและแหลมคมอยู่ที่เท้าทั้งสองข้าง
อ้อ เมื่อกี้บอกว่ามี 3 ใช่ไหม? ขอแก้เป็น 7 ตัวละกัน
พวกมันทั้งเจ็ดดิ่งลงมาราวกับดาวหางพร้อมร้องเสียงดังราวกับกำลังเข้าเล่นงานอะไรบางอย่างอยู่
ไม่กี่นาทีต่อมา พวกมันก็บินขึ้นอีกครั้งอย่าง... ยากลำบาก? ดูเหมือนจะจับอะไรขึ้นมาด้วยนะ...!
อ้อ ตะขาบยักษ์นี่เอง เป็นตัวที่ใหญ่กว่าปกติประมาณสองเท่าเห็นจะได้ นี่มันยังดิ้นแด่วๆ อยู่เลยนะ
ร่างกายของเจ้าตะขาบเต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ส่วนตัวมันก็ดิ้นๆ ไปงั้นแหละ คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่ารอถูกสวาปามเมื่ออสูรเวหาทั้งเจ็ดบินถึงรังที่ซ่อนเร้นอยู่บนเพดาน
หลอนเลยจ้า!!
---------------
ติดตามแฟนเพจนักแปล: EP:IC Translation