ตอนที่ 18 โลกใต้พิภพ
สิ่งที่อยู่ตรงหน้ามดๆ ของผมคือภาพที่ไม่น่าเป็นไปได้...
โลกใต้พิภพขนาดมหึมา พื้นที่ที่เต็มไปด้วยพืชเวทมนตร์แปลกประหลาด
มีทั้งต้นไม้รูปร่างเพี้ยนๆ และเห็ดยักษ์เต็มไปหมด ส่วนที่พื้นก็มีหญ้าสีฟ้าขึ้นหน้าแน่นรวมถึงดอกไม้ที่เคยเจอก่อนหน้า
ฉากตรงหน้ายังถูกฉาบไปด้วยแสงสีฟ้าอีกที แม้แต่บางส่วนของใบพืชเองก็มี ‘เส้นเลือด’ สีฟ้าให้เห็น
ผมเฝ้ามองทุกอย่างเต้น ‘ตึกตัก’ คล้ายกับเถาวัลย์แสง
นี่มันบ้าชัดๆ
...
แกนดาล์ฟ? นี่นายเล่นอะไรอยู่?
ทำไมพื้นที่ด้านล่างมันถึงได้ใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้เนี่ย?
นี่ผมยังมองไม่เห็นอีกฝั่งหนึ่งเลยนะ ไม่รู้ว่ามันจะไปจบที่ไหน เพดานก็สูง 60 เมตรได้มั้ง!?
ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้
อ้อ... มอนสเตอร์น่ะเหรอ? แม่งมีเป็นกองทัพแน่นอน ไม่ต้องสืบเลย
แค่คิด หัวใจน้อยๆ ของผมก็รู้สึกเหมือนถูกบีบ
ในโพรงยักษ์นี่อาจมีโคโลนี่ของผมอยู่ก็เป็นได้นะ... หากไม่ใช่ก็แสดงว่ามดลาดตระเวนแค่ผ่านมาทางนี้เฉยๆ
ยังไงซะ ผมก็ต้องสำรวจที่นี่อยู่ดี
ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากทำใจ ไอ้ตื่นเต้นมันก็ตื่นเต้นอยู่หรอก แต่ผมไม่มีข้อมูลอ้างอิงอะไรเลยนี่สิ!
ถ้าพื้นที่อยู่อาศัยใหญ่ขนาดนี้ แล้วมอนสเตอร์จะตัวขนาดไหนกัน?
ถ้ารวมไบโอแมสของทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้วจะเยอะแค่ไหน?
ผมไม่รู้สักอย่าง!
อ้ากก!
ใจมั่นๆ หน่อยสิแอนโธนี่ นายต้องรอดไปให้ได้! นายจะพิชิตที่นี่และได้เจอกับโคโลนี่อีกครั้ง
แต่ว่านะ!...
ก่อนอื่นต้องรีบถอยกลับไปข้างบนกันก่อน
‘...’
อะไรเล่า!? ก็ทำมาตลอดนี่นา!
ก่อนจะสำรวจที่นี่แบบจริงจัง ผมคงต้องหาแต้มสกิลกับไบโอแมสมาเพิ่มก่อน
ผมต้องพิชิตสิ่งที่ตัวเองรู้ ก่อนจะออกไปโจมตีสิ่งที่ตัวเองไม่รู้!
ถอยขึ้นข้างบนกันเล้ยยย!
---
ผมถอยกลับยาวๆ มาที่รังนอนของตัวเองอีกครั้ง... กว่าจะไต่กลับขึ้นมาได้นี่เหนื่อยเอาเรื่อง
ตอนนี้รู้สึกกดดันหน่อยๆ แฮะ
ถ้าข้อสันนิษฐานถูกต้อง งั้นโพรงอันนี้น่าจะเชื่อมต่อกับอันที่ถูกทหารยึดไปแล้ว
พวกมันอาจเดินทัพมาเมื่อไหร่ก็ได้ ดังนั้นผมต้องระวังตัวให้มาก
พอกองทัพมาถึงที่นี่ ผมก็จะเก็บเกี่ยวค่าประสบการณ์กับไบโอแมสไม่ได้อีก
ผมจะถูกบังคับให้ลงไปที่โลกด้านล่างโดยที่ยังไม่พร้อมและไม่ได้มีการเตรียมการ
เมื่อสรุปได้แบบนี้แล้ว... ผมคงต้องรีบ
มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มความเสี่ยงซึ่งมันตรงข้ามกับช่วงที่แล้วมา
หากขาดค่าประสบการณ์กับไบโอแมส ผมคงไม่รอดเมื่อถูกถีบให้ไปอยู่ชั้นล่าง
จะใช้เวลานานเกินไปไม่ได้ มดตัวนี้ต้องเข้าสู่สมรภูมิแล้ว
ผมเริ่มเดินออกไปไต่เพดานที่โพรงข้างนอกและใช้สกิลอำพรางตัวทันที เสาอากาศส่ายไปมาไม่หยุดขณะพยายามมองหาเหยื่อ
ถ้าอยากได้ไบโอแมสแบบเต็มๆ ผมจำเป็นต้องหาเหยื่อที่ไม่เคยกินมาก่อน
นั่นหมายความว่าต้องเป็นเจ้าทาก (แหวะ) เจ้าหนูสามหาง หรือไม่ก็เข้ยักษ์
เข้ยักษ์นี่ไม่รู้เลยว่าจะล่ายังไง พวกมันคือมอนสเตอร์ที่ดูน่าเกรงขามที่สุดในละแวกนี้
มองไปรอบๆ แล้วก็เห็นทากตัวหนึ่งกำลังไต่ผนังทางด้านซ้ายของผม... นี่ตูไม่มีเวลามานั่งวิเคราห์มันแล้วนะโว้ยยย ขอลุยเลยละกั๊น!
ผมแอบย่องเข้าไปทางด้านหลังของมันและพยายามไม่ไปเหยียบทางน้ำเมือกที่มันเหลือทิ้งเอาไว้
ผมพยายามมองรอบๆ ไปด้วยเพราะไม่อยากเป็นฝ่ายถูกตัวอื่นล่าเสียเอง
พอมาดูใกล้ๆ แล้วถึงรู้ว่ามันน่าหยะแหยงกว่าเดิม... ไม่สิ มันน่าจะตัวใหญ่กว่าผมประมาณเท่านึง
ส่วนที่ควรจะเป็นเปลือกหอยทากก็โตออกมาจากหลังของมันจริงๆ นั่นแหละ
ตรงส่วนนั้นขอเชิญดันเจี้ยนดูดซับกลับไปได้เลย ไม่กินให้โง่หรอก!
---------------
สนับสนุนผลงานอย่างถูกต้องได้ที่ MyNovel และ Thai-Novel
---------------
มีลูกตา 2 ข้างยื่นออกมาจากหัวของมัน? จะตาหรือเสาอากาศหรือทั้งสองอย่างก็ไม่รู้หรอกนะ แต่อาจจะเป็นจุดอ่อนของมันก็ได้
ตอนนี้ผมเข้าไปใกล้มากๆ จนสังเกตุเห็นอย่างอื่นเพิ่ม
ร่างกายของมันมีเมือกปกคลุมอยู่ตลอด เดาว่าคงเป็นการหล่อลื่นเพื่อทำให้เคลื่อนที่เร็วขึ้น... แต่ผมสงสัยว่าอาจมีจุดประสงค์แอบแฝง
ผมถอยไปหลบหลังซอกหินที่อยู่ใกล้ๆ จากนั้นก็ยิงกรดทันที! เซอร์ไพรส์!
แล้วก้อออออ...แป้ก
ขนาดตัวมันยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ
ว่าละ เมือกพวกนั้นเป็นเกราะป้องกันตัวอีกชั้น
ถ้าหากเข้าไปกัดด้วยขากรรไกร ผลมันก็เหมือนๆ กัน ดีไม่ดีตัวจะติดไปกับมันด้วย
ไอ้ทากระยำ
วิธีป้องกันตัวมีอยู่เป็นสิบอย่าง แต่แกดันเลือกใช้สนามพลังเมือกงั้นเหรอ? จะเอาให้อ้วกแตกตายกันไปข้างเลยใช่ไหม?
ถ้าอยากเล่นแบบนี้ล่ะก็ได้ เดียวจะแสดงพลังสมองของมนุษย์ให้ดู!
...
จริงๆ แล้วนี่เป็นวิธีเดียวกับที่มดบนโลกใช้นั่นแหละ
ขณะที่ทากยังไต่ผนังต่อไป ผมก็รีบออกตามหาเศษดินที่อยู่แถวนั้น
ผมใช้ขากรรไกรโกยดินออกมาให้มากที่สุดก่อนจะเอามากลบข้างๆ ตัวมันและเผ่นแน่บ
เฉย... ดูเหมือนมันจะไม่สนใจด้วยซ้ำว่าผมทำอะไรลงไป
หึๆ งานนี้มีซ้ำ
ผมทำแบบนี้อีกถึง 4 รอบ พยายามเอาดินมาถมที่ส่วนหลังของมันไปเรื่อยๆ
เศษดินกับเมือกเริ่มจับตัวกันเป็นก้อน พอเจ้าก้อนนี่เริ่มชุ่มไปด้วยเมือกและหยะแหยงจนได้ที่ดีแล้ว ผมก็ไปงับเอามันออกมาก่อนจะยัดดินชุดใหม่ใส่เข้าไป
ผมทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ อีก 10 นาทีจนเมือกส่วนหลังหายไปเกือบหมด และแน่นอน มันก็ยังไม่สนใจเหมือนเดิม
คราวนี้มาลองกันใหม่อีกรอบ...
ทันทีที่กรดเดินทางไปถึงเนื้อหนังนุ่มๆ เจ้าทากก็สะดุ้งด้วยความตกใจ
รอบนี้รู้สึกแล้วล่ะซี่? เอาไปกินอีกชุดเป็นไง!?
จิ้วๆ!
โดนไปอีกดอก!
ตอนนี้ส่วนหัวของมันกำลังงองุ้มเพราะความเจ็บปวด
โห กรดของผมนี่ร้ายไม่เบานะ เล่นมันซะควันขโมงเลย...
แหวะ!
สุดท้ายมันก็เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งและหันมาหาตัวการอันแสนหล่อเหลา~
ก้านยาวๆ ที่ต่อกับลูกตาพยายามส่ายไปมาอย่างบ้าคลั่ง
เป็นเสี้ยววินาทีนี้เองที่สัญชาตญาณของผมแจ้งเตือนเข้ามาจนสมองเริ่มประมวลผลแบบความเร็วแสง: ช้าได้ใจขนาดนี้แล้วปกติมันล่าเหยื่อยังไงวะ? ตรงนี้ไม่มีต้นไม้ใบหญ้าสักหน่อยนี่?
ทันทีที่คิดได้ ผมก็รีบโดดออกมาจากตรงนั้นและรีบวิ่งหนีสุดชีวิต
พอหันกลับไปแวบนึง ภาพที่เห็นก็คือเจ้าทากกำลังอ้าปากกว้างจนเห็นฟันยุบยับไปหมด
เสี้ยววินาทีให้หลัง เมือกปริมาณมหาศาลก็พุ่งออกมาเป็นสาย!
มันพุ่งใส่ผนังหินที่อยู่ด้านหลังผมไปนิดเดียวเอง
โว้ว! กรดเมือก! น่าจะแรงกว่าของผมด้วย ข่มกันชัดๆ เลยนี่หว่า
ผมรีบล่าถอยโดยไม่หยุดดูต่อ กลับขึ้นเพดาน และเข้าไปซ่อนในหมู่หินด้านบน
ตอนนี้เจ้านั่นกำลังโมโหใหญ่ และดูเหมือนว่ามันจะมุ่งหน้ามาทางที่ผมอยู่ซะด้วย
ปากแกนี่ขยับไม่หยุดเลยนะ... นี่เพื่อนไง จำไม่ได้เหรอ?
---------------
ติดตามแฟนเพจนักแปล: EP:IC Translation