ตอนที่แล้วตอนที่ 148 ได้หุ้นเป๊ปซี่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 150 การเติบโตแบบก้าวกระโดดของ KFC

ตอนที่ 149 ตัวเลือกล่วงหน้า


ซูข่านได้หยิบสัญญาขึ้นมาอ่าน

"สัญญาระหว่างเป๊ปซี่กับเคเอฟซี"

ซูข่านอ่านชื่อข้างบนแล้วเปิดกระดาษไป 2-3 หน้า เขาเห็นเงื่อนไขของสัญญาเขียนเอาไว้ด้วย

นอกจากข้อตกลงที่หวางเอ๋อพูดมา ซูข่านได้บอกหวางเอ๋อลงนามกับข้อตกลงที่อาจจะเปลี่ยนแปลงล่วงหน้าได้ด้วย เพื่อไม่ให้ทางเป๊ปซี่บีบให้เราออกจากหุ้นของพวกเขา

ข้อตกลงประเภทนี้เป็นเรื่องที่ปกติมากในบริษัทยุคหลังๆ มันคือธุรกิจเชิงร่วมลงทุน เพื่อเอาไว้ป้องกันหุ้นที่เราถือไว้ ในฐานะผู้ลงทุนก็คือการป้องกันเอาไว้ก่อน

หากว่าเป๊ปซี่ต้องการที่จะลดสัดส่วนหุ้นของซูข่าน พวกเขาก็จะต้องเสียผลประโยชน์อย่างมาก

แต่ถ้าถึงเวลานั้นบางทีซูข่านก็ไม่ลังเลที่จะฉีกสัญญาฉบับนี้ทิ้ง

"พี่สาม"

หวางเอ๋อมองดูซูข่านที่กำลังอ่านสัญญา เขาหยิบเอกสารอีกฉบับให้กับซูข่านและได้อธิบายเสริมว่า

"นี่เป็นสัญญาการถือหุ้นของเราโดยละเอียด ผมให้คนที่รู้จักกฏหมายจัดทำให้"

ซูข่านหยิบมาแล้วก็อ่าน

โดยทั่วไปแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไรตามมาอยู่แล้ว หวางเอ่อถือว่าฉลาดไม่เบาในการให้คนที่เข้าใจกฏหมายมาจัดการสัญญาฉบับนี้

ในช่วงนี้ปีนี้ของหนานจิงยังคงมีสำนักงานกฏหมายอยู่ไม่เยอะ แต่ในอนาคตที่นี่จะมีสำนักงานกฏหมายขึ้นอยู่ทุกหัวมุมของซอย

พวกทนายความฝึกหัดก็จะมีอยู่เต็มไปทั้งเมือง กว่าจะหาผู้เชี่ยวชาญมาทำงานได้ก็เสียเวลาไม่ใช่น้อย

สัญญาที่จัดทำขึ้นมาฉบับนี้เป็นสัญญาที่ถูกทำขึ้นมาโดยทนายความมากฝืมือ

มีวิธีการลงนามในสัญญาพร้อมทั้งพยานยืนยัน

ที่สหรัฐอเมริกาหากว่าต้องการซื้ออะไร พวกเขาจะต้องเขียนสัญญาลงบนกระดาษเช่นกัน

จากนั้นก็เซ็นซื่อและประทับตรา นอกจากนี้ยังต้องมีพยานยืนยันด้วยอีก 2 คน

สัญญาของหวางเอ๋อฉบับนี้เป็นมาตรฐานของอเมริกาเลยทีเดียว เราสามารถใช้ไปฟ้องเป๊ปซี่ที่นั่นได้

"เอาตรงๆนะ"

ซูข่านพยักหน้าและหันไปมองหวางเอ๋อ

"สัญญาถูกต้องครบสมบูรณ์ ไม่มีปัญหาอะไรเลย"

"มีคนแนะนำทนายความที่กลับมาจากอเมริกามา เขาเป็นคนทำสัญญานี้ให้กับผม"

"เต่าทะเลงั้นสินะ"

หวางเอ๋อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ถามว่า

"เต่าทะเล?"

หวางเอ๋อมองซูข่านอย่างประหลาดใจ เขาไม่รู้ว่าพี่สามกำลังพูดถึงอะไร

หรือว่าพี่สามจะเรียกคนที่กลับมาจากอเมริกาว่าเต่าทะเล

"มันหมายถึงคนที่เรียนต่อที่ต่างประเทศแล้วกลับมาจากทำงานในประเทศจีนน่ะ"

"คนพวกนั้นต้องเดินทางข้ามมหาสมุทรไปมา เขาใช้เวลาหลายวันในการเดินทาง"

"คนในไห่หนานเลยเรียกคนพวกนั้นว่าเต่าทะเล"

ซูข่านได้ติดคำพูดนี้มาจากชาติก่อนของเขา

ประเทศที่เปิดทุกอย่างแทบจะเสรีอย่างอเมริกา ประเทศนั้นดึงดูดผู้คนทั่วทั้งโลกให้ไปอาศัยอยู่ ซูข่านไม่คิดเลยว่าจะมีคนที่ไปเรียนแล้วยังจะกลับมาทำงานที่ประเทศจีนอีก

คนๆนั้นต้องมีเจตจำนงที่เข้มแข็งมาก ในอนาคตคนพวกนี้ต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

การไปเรียนต่อต่างประเทศไม่ใช่เรื่องง่ายในยุคนี้ และที่นั่นเป็นอเมริกาอีก ไหนจะเรื่องวีซ่า ไหนจะเรื่องค่าเทอม ไหนจะเรื่องค่ากิน ช่องว่างระหว่างจีนกับอเมริกาในปี 1980 ตอนนี้ยังกว้างอยู่มาก

ซูข่านได้ชื่นชมคนเหล่านี้ที่กลับมาจากอเมริกาเพื่อมาทำงานในประเทศบ้านเกิดของพวกเขา

เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้มีการเปิดสอบเข้ามหาวิทยาลัย บางคนก็ได้ใช้ทุนของมหาวิทยาลัยในการเดินทางไปเรียนต่อ

แต่สุดท้ายทางมหาวิทยาลัยก็มีสัญญาผูกมัดไว้กับนักศึกษาที่ไปอยู่แล้ว ส่วนใหญ่มักจะกลับมาเป็นอาจารย์ที่นี่ 1-2 ปีแล้วก็เดินทางไปทำงานต่อที่อเมริกาอยู่ดี

"เป็นคำที่สุดยอดมากเลยพี่สาม"

หวางเอ๋อยกนิ้วโป้งและชูให้กับซูข่าน

พี่สามนี่มีความรู้เยอะจริงๆ แม้ว่าหวางเอ๋อจะไม่ค่อยเข้าใจในความหมายซักเท่าไหร่ แต่เขาก็รู้สึกชอบคำนี้อยู่ไม่ใช่น้อย

"แล้วตอนนี้เขามีที่ทำงานแล้วรึยัง?"

ซูข่านถามหวางเอ๋อความด้วยคาดหวัง

"มีแล้วครับพี่"

หวางเอ๋อพยักหน้า

"ดูเหมือนว่าเขาจะเพิ่งกลับมาแล้วก็ได้งานทำเลย"

"ว่าแล้ว"

ซูข่านถอนหายใจ แม้ว่าเขาจะเดาออกอยู่แล้ว คนที่นี่ต้องไม่กล้าปฏิเสธที่จะรับคนจบจากนอกมาแน่นอน

มีประสบการณ์เรียนต่อต่างประเทศ การศึกษาระดับสูงสุด พวกเขาต้องไม่พลาดที่จะรับคนแบบนี้เข้าทำงานแน่ๆ

หากว่าเขายังไม่มีงานทำ ซูข่านต้องการที่จะรับเขาเข้ามาทำงานกับซูข่านทันที ตอนนี้คนของซูข่านส่วนใหญ่ไม่ได้เรียนจบปริญญาตรี

พวกเขาห่างไกลจากการศึกษาพอสมควร

คนที่นี่ส่วนใหญ่ยังยึดติดอยู่กับประเพณีเก่าของจีนมากเกินไป

เสียดายที่เขาคนนั้นได้งานทำไปก่อน ซูข่านรู้สึกเสียดายพรสรรค์ของเขามาก

การไปเรียนต่อนอกจนจบได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถและวิสัยทัศน์ที่เหนือกว่าคนธรรมดาหลายเท่า

ซูข่านแอบคิดในใจ

"ทำไมเหรอพี่สาม"

หวางเอ๋อแสดงหน้าตาที่สงสัย

"ถ้าพี่ต้องการเดี๋ยวผมไปคุยให้เขามาทำงานกับพี่ไหม"

"ไม่ต้องหวางเอ๋อ"

ซูข่านส่ายหัว

เขาคิดว่าตอนนี้มันน่าจะยังไม่สำคัญเท่าไหร่

ซูข่านได้มองหน้าหวางเอ๋อแล้วพูดว่า

"ไปเถอะ กลับไปพักได้แล้ว"

หลังจากพูดจบ ซูข่านก็ได้ทำท่าโบกมือลาหวางเอ๋อ แต่ดูเหมือนว่าหวางเอ๋อไม่ได้ลุกเดินจากไป เขายังอยู่ที่เดิมและเหมือนว่ากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง

"มีอะไรอีกไหม?"

ซูข่านถามขณะมองไปที่หวางเอ๋อ

"ถ้านายมีอะไรจะพูดอีก ก็รีบพูดมาได้แล้ว นายโดนใครทำอะไรมารึเปล่า?"

"ฮ่าๆ"

หวางเอ๋อหัวเราะออกมา

"ไม่มีหรอกพี่สาม นอกจากสัญญาแล้วผมก็มีเรื่องที่จะคุยกับพี่อีก"

"เรื่องอะไรล่ะ?"

ซูข่านยิ้มให้กับหวางเอ๋อ

หวางเอ๋อพยักหน้าของเขาและสูดหายใจเข้าลึกๆ

"พี่สาม ตอนนี้หนานจิงได้เปิด KFC 2 สาขาแล้ว ผมเห็นว่าทั้งสองสาขากำลังไปได้สวยทั้งคู่"

"ผมเลยคิดว่าจะเปิด KFC สาขาที่ 3 โดยไม่ตั้งอยู่ในหนานจิง"

"หื้ม"

ซูข่านประหลาดใจเล็กน้อย

ทำไมหวางเอ๋อถึงได้มีความคิดแบบนี้ขึ้นมา

ปล.ขออธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจร่วมลงทุนนะครับ หากอธิบายเพิ่มเติมผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

ธุรกิจร่วมลงทุนก็เหมือนกับการที่สองบริษัทได้มาลงทุนอะไรบางอย่างด้วยกัน

โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะมีบริษัทหนึ่งที่ผลิตสินค้าออกมาเป็นหลัก

ส่วนอีกบริษัทจะช่วยเหลือเรื่องเงินทุน เงินวิจัย แผนการขยายกิจการต่างๆ

พอได้กำไรก็จะแบ่งอัตราส่วนตามหุ้นที่ได้ลงกันไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด