ตอนที่ 149 ตัวเลือกล่วงหน้า
ซูข่านได้หยิบสัญญาขึ้นมาอ่าน
"สัญญาระหว่างเป๊ปซี่กับเคเอฟซี"
ซูข่านอ่านชื่อข้างบนแล้วเปิดกระดาษไป 2-3 หน้า เขาเห็นเงื่อนไขของสัญญาเขียนเอาไว้ด้วย
นอกจากข้อตกลงที่หวางเอ๋อพูดมา ซูข่านได้บอกหวางเอ๋อลงนามกับข้อตกลงที่อาจจะเปลี่ยนแปลงล่วงหน้าได้ด้วย เพื่อไม่ให้ทางเป๊ปซี่บีบให้เราออกจากหุ้นของพวกเขา
ข้อตกลงประเภทนี้เป็นเรื่องที่ปกติมากในบริษัทยุคหลังๆ มันคือธุรกิจเชิงร่วมลงทุน เพื่อเอาไว้ป้องกันหุ้นที่เราถือไว้ ในฐานะผู้ลงทุนก็คือการป้องกันเอาไว้ก่อน
หากว่าเป๊ปซี่ต้องการที่จะลดสัดส่วนหุ้นของซูข่าน พวกเขาก็จะต้องเสียผลประโยชน์อย่างมาก
แต่ถ้าถึงเวลานั้นบางทีซูข่านก็ไม่ลังเลที่จะฉีกสัญญาฉบับนี้ทิ้ง
"พี่สาม"
หวางเอ๋อมองดูซูข่านที่กำลังอ่านสัญญา เขาหยิบเอกสารอีกฉบับให้กับซูข่านและได้อธิบายเสริมว่า
"นี่เป็นสัญญาการถือหุ้นของเราโดยละเอียด ผมให้คนที่รู้จักกฏหมายจัดทำให้"
ซูข่านหยิบมาแล้วก็อ่าน
โดยทั่วไปแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไรตามมาอยู่แล้ว หวางเอ่อถือว่าฉลาดไม่เบาในการให้คนที่เข้าใจกฏหมายมาจัดการสัญญาฉบับนี้
ในช่วงนี้ปีนี้ของหนานจิงยังคงมีสำนักงานกฏหมายอยู่ไม่เยอะ แต่ในอนาคตที่นี่จะมีสำนักงานกฏหมายขึ้นอยู่ทุกหัวมุมของซอย
พวกทนายความฝึกหัดก็จะมีอยู่เต็มไปทั้งเมือง กว่าจะหาผู้เชี่ยวชาญมาทำงานได้ก็เสียเวลาไม่ใช่น้อย
สัญญาที่จัดทำขึ้นมาฉบับนี้เป็นสัญญาที่ถูกทำขึ้นมาโดยทนายความมากฝืมือ
มีวิธีการลงนามในสัญญาพร้อมทั้งพยานยืนยัน
ที่สหรัฐอเมริกาหากว่าต้องการซื้ออะไร พวกเขาจะต้องเขียนสัญญาลงบนกระดาษเช่นกัน
จากนั้นก็เซ็นซื่อและประทับตรา นอกจากนี้ยังต้องมีพยานยืนยันด้วยอีก 2 คน
สัญญาของหวางเอ๋อฉบับนี้เป็นมาตรฐานของอเมริกาเลยทีเดียว เราสามารถใช้ไปฟ้องเป๊ปซี่ที่นั่นได้
"เอาตรงๆนะ"
ซูข่านพยักหน้าและหันไปมองหวางเอ๋อ
"สัญญาถูกต้องครบสมบูรณ์ ไม่มีปัญหาอะไรเลย"
"มีคนแนะนำทนายความที่กลับมาจากอเมริกามา เขาเป็นคนทำสัญญานี้ให้กับผม"
"เต่าทะเลงั้นสินะ"
หวางเอ๋อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ถามว่า
"เต่าทะเล?"
หวางเอ๋อมองซูข่านอย่างประหลาดใจ เขาไม่รู้ว่าพี่สามกำลังพูดถึงอะไร
หรือว่าพี่สามจะเรียกคนที่กลับมาจากอเมริกาว่าเต่าทะเล
"มันหมายถึงคนที่เรียนต่อที่ต่างประเทศแล้วกลับมาจากทำงานในประเทศจีนน่ะ"
"คนพวกนั้นต้องเดินทางข้ามมหาสมุทรไปมา เขาใช้เวลาหลายวันในการเดินทาง"
"คนในไห่หนานเลยเรียกคนพวกนั้นว่าเต่าทะเล"
ซูข่านได้ติดคำพูดนี้มาจากชาติก่อนของเขา
ประเทศที่เปิดทุกอย่างแทบจะเสรีอย่างอเมริกา ประเทศนั้นดึงดูดผู้คนทั่วทั้งโลกให้ไปอาศัยอยู่ ซูข่านไม่คิดเลยว่าจะมีคนที่ไปเรียนแล้วยังจะกลับมาทำงานที่ประเทศจีนอีก
คนๆนั้นต้องมีเจตจำนงที่เข้มแข็งมาก ในอนาคตคนพวกนี้ต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
การไปเรียนต่อต่างประเทศไม่ใช่เรื่องง่ายในยุคนี้ และที่นั่นเป็นอเมริกาอีก ไหนจะเรื่องวีซ่า ไหนจะเรื่องค่าเทอม ไหนจะเรื่องค่ากิน ช่องว่างระหว่างจีนกับอเมริกาในปี 1980 ตอนนี้ยังกว้างอยู่มาก
ซูข่านได้ชื่นชมคนเหล่านี้ที่กลับมาจากอเมริกาเพื่อมาทำงานในประเทศบ้านเกิดของพวกเขา
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้มีการเปิดสอบเข้ามหาวิทยาลัย บางคนก็ได้ใช้ทุนของมหาวิทยาลัยในการเดินทางไปเรียนต่อ
แต่สุดท้ายทางมหาวิทยาลัยก็มีสัญญาผูกมัดไว้กับนักศึกษาที่ไปอยู่แล้ว ส่วนใหญ่มักจะกลับมาเป็นอาจารย์ที่นี่ 1-2 ปีแล้วก็เดินทางไปทำงานต่อที่อเมริกาอยู่ดี
"เป็นคำที่สุดยอดมากเลยพี่สาม"
หวางเอ๋อยกนิ้วโป้งและชูให้กับซูข่าน
พี่สามนี่มีความรู้เยอะจริงๆ แม้ว่าหวางเอ๋อจะไม่ค่อยเข้าใจในความหมายซักเท่าไหร่ แต่เขาก็รู้สึกชอบคำนี้อยู่ไม่ใช่น้อย
"แล้วตอนนี้เขามีที่ทำงานแล้วรึยัง?"
ซูข่านถามหวางเอ๋อความด้วยคาดหวัง
"มีแล้วครับพี่"
หวางเอ๋อพยักหน้า
"ดูเหมือนว่าเขาจะเพิ่งกลับมาแล้วก็ได้งานทำเลย"
"ว่าแล้ว"
ซูข่านถอนหายใจ แม้ว่าเขาจะเดาออกอยู่แล้ว คนที่นี่ต้องไม่กล้าปฏิเสธที่จะรับคนจบจากนอกมาแน่นอน
มีประสบการณ์เรียนต่อต่างประเทศ การศึกษาระดับสูงสุด พวกเขาต้องไม่พลาดที่จะรับคนแบบนี้เข้าทำงานแน่ๆ
หากว่าเขายังไม่มีงานทำ ซูข่านต้องการที่จะรับเขาเข้ามาทำงานกับซูข่านทันที ตอนนี้คนของซูข่านส่วนใหญ่ไม่ได้เรียนจบปริญญาตรี
พวกเขาห่างไกลจากการศึกษาพอสมควร
คนที่นี่ส่วนใหญ่ยังยึดติดอยู่กับประเพณีเก่าของจีนมากเกินไป
เสียดายที่เขาคนนั้นได้งานทำไปก่อน ซูข่านรู้สึกเสียดายพรสรรค์ของเขามาก
การไปเรียนต่อนอกจนจบได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถและวิสัยทัศน์ที่เหนือกว่าคนธรรมดาหลายเท่า
ซูข่านแอบคิดในใจ
"ทำไมเหรอพี่สาม"
หวางเอ๋อแสดงหน้าตาที่สงสัย
"ถ้าพี่ต้องการเดี๋ยวผมไปคุยให้เขามาทำงานกับพี่ไหม"
"ไม่ต้องหวางเอ๋อ"
ซูข่านส่ายหัว
เขาคิดว่าตอนนี้มันน่าจะยังไม่สำคัญเท่าไหร่
ซูข่านได้มองหน้าหวางเอ๋อแล้วพูดว่า
"ไปเถอะ กลับไปพักได้แล้ว"
หลังจากพูดจบ ซูข่านก็ได้ทำท่าโบกมือลาหวางเอ๋อ แต่ดูเหมือนว่าหวางเอ๋อไม่ได้ลุกเดินจากไป เขายังอยู่ที่เดิมและเหมือนว่ากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
"มีอะไรอีกไหม?"
ซูข่านถามขณะมองไปที่หวางเอ๋อ
"ถ้านายมีอะไรจะพูดอีก ก็รีบพูดมาได้แล้ว นายโดนใครทำอะไรมารึเปล่า?"
"ฮ่าๆ"
หวางเอ๋อหัวเราะออกมา
"ไม่มีหรอกพี่สาม นอกจากสัญญาแล้วผมก็มีเรื่องที่จะคุยกับพี่อีก"
"เรื่องอะไรล่ะ?"
ซูข่านยิ้มให้กับหวางเอ๋อ
หวางเอ๋อพยักหน้าของเขาและสูดหายใจเข้าลึกๆ
"พี่สาม ตอนนี้หนานจิงได้เปิด KFC 2 สาขาแล้ว ผมเห็นว่าทั้งสองสาขากำลังไปได้สวยทั้งคู่"
"ผมเลยคิดว่าจะเปิด KFC สาขาที่ 3 โดยไม่ตั้งอยู่ในหนานจิง"
"หื้ม"
ซูข่านประหลาดใจเล็กน้อย
ทำไมหวางเอ๋อถึงได้มีความคิดแบบนี้ขึ้นมา
ปล.ขออธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจร่วมลงทุนนะครับ หากอธิบายเพิ่มเติมผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ธุรกิจร่วมลงทุนก็เหมือนกับการที่สองบริษัทได้มาลงทุนอะไรบางอย่างด้วยกัน
โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะมีบริษัทหนึ่งที่ผลิตสินค้าออกมาเป็นหลัก
ส่วนอีกบริษัทจะช่วยเหลือเรื่องเงินทุน เงินวิจัย แผนการขยายกิจการต่างๆ
พอได้กำไรก็จะแบ่งอัตราส่วนตามหุ้นที่ได้ลงกันไป