ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0068
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0070

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0069


บทที่ 25 เหตุผลที่นักผจญภัย ออกผจญภัย (1)

* * *

หลังจากจ้องไปที่กลุ้มด้าย สีหน้าลิลี่เริ่มกระวนกระวาย

“อย่าบอกนะว่า…”

ดูเหมือนเธอจะรู้แล้ว

“รังไหมของปรสิต?”

ลิลี่เงยหน้าและมองตรง

แถวนี้เต็มไปด้วยพืชและแมลงบินว่อน ถึงจะมองเห็นได้ไม่ไกล แต่ก็พอจะจำแนกสิ่งต่างๆ ได้จากแสงสว่าง

มองผิวเผินก็รู้ได้ทันทีว่าไม่ใช่ป่าเล็ก ใหญ่กว่าป่าเบอร์มิวด้าราวสามเท่าเห็นจะได้

“เจ้าพูดว่า… ปรสิต?”

อัศวินเดินมาใกล้หลังจากได้ยินคำพูดของฉัน

“เธอรู้จักปรสิตไหม”

ฉันยังคงมองตรง

อัศวินตอบด้วยเสียงมั่นใจ

“ถ้าหมายถึงสัตว์ร้ายที่อาศัยในป่า ข้าเคยถูกฝึกวิธีรับมือมาจากโรงเรียนอัศวิน”

“มีสอนเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ”

“หากปล่อยเอาไว้ ปรสิตคือสัตว์ร้ายที่จะรุกรานหมู่บ้านใกล้เคียง อัศวินผู้พิทักษ์จำเป็นต้องรู้วิธีปราบมัน”

“ถ้าอย่างนั้น ปรกติแล้วเธอจัดการยังไง”

“แล้วแต่สถานะของปรสิต หากยังแรกเกิด เราจะเปิดฉากโจมตีก่อน”

“ถ้าเป็นตัวที่โตแล้วล่ะ”

“รอดูท่าที เพราะปรสิตมักไม่ทำลายป่าจนสิ้นซาก หลังจากแย่งชิงพลังงานจนถึงระดับหนึ่ง มันจะเปลี่ยนไปล่าเหยื่อที่อื่น โดยมากมักเป็นหมู่บ้านใกล้เคียง ดังนั้นจึงสามารถวางกับดักเพื่อรอการมาเยือนของมันได้”

“ไม่เลว ตามตำราเป๊ะ”

หงึก

ดวงตาของฉันยังมองตรง

ดูเหมือนอัศวินจะสังเกตเห็นความไม่แยแสของฉัน

อันที่จริง ฉันไม่ได้อยากเมินเธอ

แต่สมาธิทั้งหมดของฉันกำลังจดจ่ออยู่กับข้อมูลในความมืดตรงหน้า จึงไม่เหลือสมองสำหรับคิดเรื่องอื่น

“มีอะไรในใจหรือ”

มีสิ มีเยอะจนคิดไม่ทันเลยล่ะ

“การเรียนจากตำราไม่ใช่สิ่งที่ผิด เพราะไม่ต้องมัวเสียเวลาลองผิดลองถูกเอง”

พูดถึงตรงนี้ ฉันหันไปมองอัศวิน

“แต่ในป่า ไม่ว่าจะศึกษามาดีแค่ไหน ถ้าประมาทก็มีจุดจบเดียวกันหมด”

“เจ้าเห็นอะไร?”

หลังจากเอะใจกับคำพูดของฉัน ลิลี่พยายามกวาดสายตาเพื่อมองหาความผิดปรกติ

แต่ก็ไม่พบอะไรที่น่าสงสัย

ฉันมองอัศวินสลับกับลิลี่ที่ยืนข้างต้นเห็ด

จากนั้นก็ใช้กูรข่าสับต้นเห็ด

ฉัวะ!

ของเหลวข้นๆ สีแดงเข้มไหลออกมา

ปึด— ปึด—!

“…?”

นี่อาจเป็นภาพที่คุ้นเคยสำหรับลิลี่

ของเหลวที่กำลังไหลจากต้นเห็ด ดูยังไงก็ไม่เหมือนยางไม้

แต่เป็น

“…ยังกับหัวใจกำลังเต้น”

เหมือนกับเลือดที่พุ่งออกจากสัตว์ที่ถูกตัดเส้นเลือด มีจังหวะหนักเบาชัดเจน

ลิลี่เดินเข้าใกล้แผลที่มีเลือดไหล จากนั้นก็ใช้ปลายนิ้วป้ายเลือดขึ้นมาแตะลิ้น

“เลือด… เจ้าสังเกตเห็นสิ่งนี้?”

ฉันมองตรงไปในความมืดอีกครั้ง

ตามด้วยวางมือลงบนพื้นและหลับตา

สัมผัสถึงการเต้นของหัวใจ

ราวกับสถานที่แห่งนี้มีชีวิต

จริงอยู่ ฉันพูดเสมอว่าป่ามีชีวิต แต่มันไม่ใช่แบบนี้ ป่าไม่มีเส้นเลือดไหลเวียน

ฉันเงยหน้า

ฉากอันงดงามที่พวกเราได้เห็น เป็นแค่ส่วนน้อยของสถานการณ์ทั้งหมด

ข้อเท็จจริงถูกฝังอยู่ในความมิดที่แสงสว่างส่องไม่ถึง

ไตร่ตรองสักพัก ฉันได้ข้อสรุป

“นี่ไม่ใช่ปัญหาที่พบได้ทั่วไป”

อัศวินไม่เข้าใจคำพูดของฉัน

“ป่าที่มีสภาพเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่กำลังโดนปรสิตแย่งชิงสารอาหาร ก็น่าจะตายเพราะขาดสารอาหารไม่ใช่หรือ? ข้าไม่เข้าใจที่เจ้าพูด”

“มันผสานตัวเองเข้ากับป่า”

“…หา?”

อัศวินหันหน้าไปทางมุมมืด

“ปรสิตตัดสินใจแล้วว่า ต่อให้แย่งชิงสารอาหารในป่าไปจนหมด มันก็จะไม่ไปไหน”

“…ข้าไม่เข้าใจ”

เป็นธรรมดาที่เธอจะสับสน

ในเมื่อกินเสร็จแล้ว จะฝังตัวอยู่กับเปลือกเปล่าๆ ต่อไปทำไม?

แต่ถ้ามีน้ำผึ้งไหลออกจากเปลือกอย่างไม่สิ้นสุด เรื่องราวจะต่างออกไปทันที

ฉันเข้าใจแล้วว่า ทำไมป่าที่ซ่อนอยู่ใต้ดินแห่งนี้ถึงกว้างขวางนัก

ท่ามกลางเสียงและกลิ่นอันซับซ้อน ฉันหลับตาลงเพื่อจำแนกกลิ่นหอมจางๆ จากปลายจมูก

เป็นกลิ่นที่คุ้นเคย

“…มีพลังธรรมชาติรั่วไหลอยู่แถวนี้ ฉันเองก็ไม่รู้สาเหตุ”

ลิลี่ครุ่นคิดสักพักก่อนจะเปิดปาก

“ข้าเคยได้ยินมา ถ้าป่าตั้งอยู่ในเขตที่มีพลังธรรมชาติรั่วไหล มันจะเจริญเติบโตอย่างผิดปรกติ”

“และปรสิตตัวหนึ่งที่โชคดี ตัดสินใจที่จะไม่ทิ้งแหล่งอาหารอันยอดเยี่ยมไปไหน”

บนโลกก็เช่นกัน มีปรสิตบางตัวที่เปลี่ยนให้หลอดเลือดของโฮสต์เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายตัวเอง

ปรสิตที่แย่งชิงอาหารจากป่าแห่งนี้ ได้แผ่ขยายเส้นเลือดและเส้นประสาทของตัวเอง ไปทั่วป่ามาเป็นเวลานาน

เปลี่ยนให้พลังธรรมชาติอันไร้สิ้นสุด กลายเป็นอาหารของตัวเองแทนป่า

ปรสิตเป็นภาชนะที่แทบจะไร้ขีดจำกัด

จึงเห็นได้ว่าพวกมันโหยหาสารอาหารตลอดเวลา

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าปรสิตเหล่านั้นได้รับสารอาหารที่ใกล้เคียงอนันต์?

ผลลัพธ์ย่อมเลวร้ายจนยากจะจินตนาการ

ถึงขั้นที่ การพาไปดูด้วยตาตัวเอง จะเข้าใจง่ายกว่าอธิบายให้ฟัง

* * *

อัศวินผู้พิทักษ์ของศาสนจักรเทวราชา คือกลุ่มคนที่มีวัฒนธรรมอันยาวนาน

เหล่าอัศวินต่างภาคภูมิใจ ที่ประวัติศาสตร์ของพวกตนสามารถสืบย้อนไปถึงยุคทองครั้งก่อน

เพราะในปัจจุบัน เหลือเพียงไม่กี่กลุ่มคนที่เคยมีความสัมพันธ์กับยุคทอง

อัศวินผู้พิทักษ์ที่จงรักภักดีต่อศาสนจักร คือเหล่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่อุทิศตัวเองเพื่อใครคนหนึ่ง

และสาบานว่าจะยอมสละชีวิตเพื่อคนคนนั้น

เป็นปณิธานที่ตกทอดมาจาก ‘ราชันอัศวิน’ ในยุคทอง — วีรชนผู้เสียสละครั้งใหญ่เพื่อประโยชน์ของประชาชน

ราชันอัศวินคนดังกล่าวคือความภาคภูมิใจของเหล่าอัศวินผู้พิทักษ์ ถึงขั้นที่อัศวินผู้พิทักษ์จะคัดเลือกจากสตรีเท่านั้น เพราะเป็นเพศเดียวกับราชันอัศวินคนดังกล่าว

รีเบคก้าคือแวมไพร์หนึ่งเดียวที่ได้เป็นอัศวินผู้พิทักษ์ เธอกำพร้าตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ และถูกนักบุญหญิงเก็บมาเลี้ยง

ด้วยเหตุนี้ รีเบคก้าจึงกลายมาเป็นอัศวินผู้พิทักษ์ของนักบุญหญิง เธอห่วงใยนักบุญจนถึงกับยอมเชื่อมวิญญาณด้วย

แต่ในวินาทีนี้ เพื่อประโยชน์ของนักบุญหญิง รีเบคก้าตัดสินใจทำตรงข้ามกับความต้องการของนักบุญ

เพราะเธอต้องทำตามปณิธานของราชันอัศวิน — ยอมสละสิ่งที่สำคัญเพื่อส่วนรวม

“ท่านนักบุญหญิง”

นักบุญหญิงหันมามองรีเบคก้า

“ขออภัยด้วย แต่ข้าคิดว่าพวกเราต้องกลับไป”

นักบุญหญิงไม่ตอบสนอง เธอเป็นเช่นนี้เสมอ น้อยครั้งนักที่จะแสดงอารมณ์ จึงยากจะเข้าใจว่าคิดอะไรอยู่

แต่หลังจากได้พบมนุษย์ชายตรงหน้า รีเบคก้าประหลาดใจที่นักบุญหญิงทยอยแสดงอารมณ์ใหม่ๆ บ่อยครั้ง

นักบุญหญิงยังคงทำเพียงจ้องหน้ารีเบคก้า

“เจ้านี่อาจลุกลามจนกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ ข้าต้องกลับไปรายงานกองอัศวิน”

“…ไกลอยู่นะ”

ได้ยินคำพูดมนุษย์ รีเบคก้าพยักหน้า

“เนื่องจากอยู่ไกล มหาวิหารจึงไม่ได้รับอันตราย ทว่า อัศวินผู้พิทักษ์อย่างเรา สืบทอดปณิธานมาจากราชันอัศวินที่ยอมเสียสละเพื่อผู้คน พวกเราไม่สามารถนิ่งเฉยและทนดูผู้บริสุทธิ์ล้มตายได้”

มนุษย์ผมสีดำนั่งลงกับพื้นด้วยสายตาที่ยังคงมองตรง

ดูไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไร

“ข้าแก้ปัญหานี้ด้วยตัวคนเดียวไม่ได้ นั่นคือเหตุผลที่ต้องเรียกกำลังเสริมจากกองอัศวิน”

เธอสัมผัสได้ว่า ชายคนนี้มีบรรยากาศแตกต่างจากเมื่อคืน แต่นั่นคงเป็นเพราะอากาศชื้นที่กำลังไหลผ่าน

การหายใจสามารถส่งผลกระทบต่ออารมณ์

“…ฉันตัดสินใจแล้ว”

มนุษย์เพศชายลุกขึ้นยืน

รีเบคก้าพยักหน้าพร้อมกับพูด

“นักผจญภัยอย่างเจ้าก็ต้องรีบออกจากที่นี่ด้วย… ถึงจะเร็วไปสักนิด แต่ดูเหมือนพวกเราคงต้องแยกกันตรงนี้”

“เธอจะกลับไปก็ไม่มีใครว่า แต่ไม่จำเป็นต้องเรียกกองอัศวินมา”

รีเบคก้าที่กำลังเก็บสัมภาระ เงยหน้าจ้องมนุษย์

“เจ้าหมายความว่ายังไง”

“คงใช้เวลาประมาณสามวัน”

“สามวัน?”

“ฉันจะล่ามัน เวลาส่วนใหญ่ใช้เพื่อเตรียมตัว”

รีเบคก้าหันหน้าไปทางมุมมืด

ภายในใจเกิดความกลัวจากความไม่รู้

เธอเคยได้ยินว่าปรสิตผสานตัวเองกับป่าได้ แต่ก็แค่เคยได้ยิน ไม่เคยพบเจอด้วยตัวเองมาก่อน

“เจ้าพูดว่า… จะล่าปรสิตที่ผสานเข้ากับป่า?”

มนุษย์เพศชายผงกศีรษะ

จากนั้นก็วาดมือในอากาศด้านหน้าตัวเอง

คล้ายกับกำลัง ‘กะเกณฑ์’ และ ‘วัดมุม’

ประหนึ่งสถาปนิกที่ลงพื้นที่ก่อนวันสร้างอาคารจริง

จนกระทั่งมนุษย์เพศชายพูดว่า ‘ใช้ได้’

“เธออยากจะทำอะไรก็รีบตัดสินใจ มันเกะกะฉัน”

“…ถ้าเป็นป่าที่มีพลังธรรมชาติรั่วซึม และถ้ามีปรสิตมาแย่งชิงสารอาหารเป็นเวลานาน มันคงเป็นหายนะที่ไม่ต่างจากดาวดำ”

“ชามก็เป็นชามวันยังค่ำ ไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหน และด้านในบรรจุอะไรไว้”

มนุษย์วางกระเป๋าที่สะพายติดตัวลงบนพื้น

“ถ้ารู้วิธีทำลายชาม ไม่ว่าใครก็จัดการได้”

“…แล้วเจ้ารู้วิธี?”

ชายคนดังกล่าวล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า จากนั้นก็ควานหาพลางกล่าว

“…ก็สักสองวิธี”

“ก็สักสองวิธี”

รอยัลบลัดที่ยืนอยู่ข้างกัน พูดสิ่งเดียวกับมนุษย์แทบจะพร้อมกัน

มนุษย์ชายหันมามองรอยัลบลัดด้วยสีหน้าประหลาดใจ ส่วนรอยัลบลัดแสยะยิ้มอย่างขี้เล่น

“เจ้าพูดจนติดเป็นนิสัยแล้ว”

“ฉันถูกอ่านออกแล้วหรือเนี่ย”

กล่าวจบมนุษย์ชายหยิบบางสิ่งออกจากกระเป๋า

“…”

รีเบคก้าสับสนว่าตนควรรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รอยัลบลัด

รอยัลบลัดคือเผ่าพันธุ์ที่จะไม่ทำเรื่องไร้สาระ และเล็งเห็นประสิทธิภาพเป็นสำคัญ

ในฐานะแวมไพร์ด้วยกัน เธอรู้จักนิสัยของพวกรอยัลบลัดดี

ทว่า รอยัลบลัดตรงหน้ากลับเอาแต่ทำตามแผนเสี่ยงๆ ของมนุษย์เพศชายโดยไม่คัดค้าน

ไม่แม้แต่จะชักสีหน้า ตรงกันข้าม เธอกำลังกระตือรือร้น

ราวกับนี่เป็นเรื่องปรกติ ประหนึ่งรู้อยู่แล้วว่ามนุษย์ชายจะตัดสินใจแบบนี้

รีเบคก้าเริ่มทำตัวไม่ถูก

ทันใดนั้น คำถามหนึ่งผุดขึ้นในใจ

“…ทำไมเจ้าถึงยอมทำขนาดนี้”

“หมายถึงอะไร”

“ทำไมถึงต้องยอมเสี่ยงอันตราย? เจ้าเป็นนักผจญภัยที่วางแผนจะไปเกาะท้องฟ้านี่”

“เหตุผลก็คือ…”

ได้ยินคำถามจากรีเบคก้า มนุษย์ชายเงยหน้ามองเธอ

“ที่นี่เจ๋งไปเลยไม่ใช่หรือ”

รีเบคก้ากับนักบุญหญิงหันมามองพร้อมกัน

“พวกเธอก็คิดแบบเดียวกันใช่ไหม”

“…ก็ใช่”

“ฉันปล่อยให้ป่าแบบนี้ตายไม่ได้”

รีเบคก้าหมดคำจะกล่าวอีกครั้ง

นั่นคือเหตุผล?

เป็นเหตุผลที่หลุดสามัญสำนึกไปไกลจนยากจะหาข้อโต้แย้ง

“แล้วก็… ฉันชอบตำนานราชันอัศวินที่เธอเล่า”

“…”

“รู้ไหมว่าตำนานราชันอัศวินจบลงยังไง”

เป็นคำถามที่คาดไม่ถึง

รีเบคก้าส่ายหน้า

“…โศกนาฏกรรมน่ะ ราชันอัศวินกลายเป็นดาวดำและถูกฝังไว้ใต้ดินร่วมกับศิลาสุริยัน”

“งั้นหรือ”

รีเบคก้ายังคงจ้องหน้ารอยัลบลัดสลับกับมนุษย์

ขณะหยิบสิ่งของในกระเป๋าออกมาตรวจสอบ รอยยิ้มของทั้งสองกำลังแฝงเลศนัย

เมื่อรีเบคก้าหันหลัง เธอเห็นนักบุญกำลังจ้องหน้ามนุษย์เพศชาย

ดวงตาเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (2/4)

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด