ตอนที่แล้วEp.294 - จับเป็น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.296 - เขตแดนลับแห่งการทดสอบ

Ep.295 - โบสถ์มอนสเตอร์ผี


4/4

Ep.295 - โบสถ์มอนสเตอร์ผี

ฮังอวี่ชี้ไปที่แวมไพร์ที่ถูกแยกเป็นหกส่วน “เสี่ยวไป๋ ผนึกมันซะ!”

ฮังเสี่ยวไป๋พยักหน้า “รับทราบ!”

ไม่มีเลือดไหลออกมาจากบาดแผลที่ถูกตัดขาดของแวมไพร์

อย่างไรก็ตาม ชิ้นส่วนร่างกายแต่ละชิ้นกำลังบิดตัวไปมาราวกับว่าต้องการเชื่อมต่อกันใหม่

พลังชีวิตของเจ้าหมอนี่แข็งแกร่งจริงๆ ถ้าปล่อยให้อยู่รอดต่อไป เกรงว่าคงสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คนได้อีกไม่น้อย

ฮังเสี่ยวไป๋ใช้เทคนิคผนึกดอกไม้ภูติ กลีบดอกจำนวนมากซ้อนทับกัน ห่อร่างแวมไพร์เอาไว้

แวมไพร์ตกสู่สถานะปิดผนึก ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

แม้พลังรบของมันจะแก่กล้า แต่ในระยะเวลาสั้นๆ ไม่มีทางหลุดรอดจากผนึกได้

ฮังอวี่สั่งการ “เจ้าหมา แบกมันกลับไป”

ฉูเทียนหัวและลั่วหยวนเจิ้งพอได้ยินแบบนั้นต่างแข็งค้างไปครู่หนึ่ง

พวกเขามองหน้ากัน

ลั่วหยวนเจิ้งรีบพูด “นายต้องการพามันกลับไปหรือ แต่ว่าแบบนั้น ...”

ฮังอวี่ชำเลืองมองพวกเขา “ผมกล้าพูดว่าผมช่วยชีวิตพวกคุณไว้ ฉะนั้นผมมีสิทธิ์ได้รับรางวัลชิ้นนี้ ผมจะนำมันกลับไปทรมานเพื่อเค้นข้อมูล หรือพวกคุณไม่เห็นด้วย?”

ทุกคนในสกายเน็ตเริ่มมีท่าทีกระอักกระอ่วน

สิ่งที่ฮังอวี่พูดเป็นความจริง

ปฏิบัติการครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เขาช่วยชีวิตทุกคนเอาไว้จริงๆ

แวมไพร์เองก็ถูกโค่นโดยฝีมือของฮังอวี่ ดังนั้นเขาต้องได้รับรางวัลบางอย่าง

เมื่อฮังอวี่ตัดสินใจรับแวมไพร์เป็นรางวัล มันก็สมเหตุสมผลและทุกคนไม่อาจปฏิเสธได้

ก็ใครใช้ให้เขาทรงพลังถึงขนาดนี้กัน?

ผู้แข็งแกร่งสามารถกระทำตามอำเภอใจ!

อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้สกายเน็ตสาขาเจียงเฉิงยังไม่สามารถจับกุมชาวโลกวิญญาณแบบเป็นๆได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแวมไพร์ตนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรโลกวิญญาณที่รุกรานเจียงเฉิง

แวมไพร์ไม่เหมือนเสี่ยวไป๋

เสี่ยวไป๋โผล่มาก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย

กระบวนการข้ามมิติทำให้เธอสูญเสียความทรงจำบางส่วนไป

เด็กสาวจึงดูทึ่ม และไม่สามารถมอบข้อมูลจำนวนกมากได้

ฉูเทียนหัวกล่าวตามตรง “แวมไพร์ตัวนี้มีความสำคัญต่อสกายเน็ตและเจียงเฉิงมาก ทางเราหวังอยากขอนำตัวมันกลับไป ... แน่นอน ตามกฏแล้วนายสามารถยื่นข้อเสนอเงื่อนไขแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมได้”

ลั่วหยวนเจิ้งกล่าวเสริมว่า “ใช่ ตราบใดที่ฟังดูสมเหตุสมผล พวกเราจะไม่ปฏิเสธ!”

ในความเป็นจริงแล้ว

ตั้งแต่แรก

ฮังอวี่ไม่ได้ต้องการแวมไพร์

ไม่มีทางซะล่ะ! เจ้าแวมไพร์ตัวนี้ไม่เหมือนกับชาลู่ซะหน่อย

ชาลู่เป็นเพียงระดับเจ้าถิ่นเลเวล 6 แต่กว่าจะทำเส่นห์ใส่มันได้ช่างยากเย็น

ขณะที่แวมไพร์ตัวนี้คือเจ้าถิ่นขั้นซิลเวอร์ในเลเวล 9 อีกทั้งยังเป็นกึ่งอันเดธ มันสามารถต้านทานเสน่ห์ได้

เมื่อเป็นแบบนั้น

แล้วฮังอวี่จะเอาเจ้าหมอนี่ไปทำไม?

ต่อให้เจาหมอนี่ผมบลอนด์ ตาสีฟ้า หน้าตาหล่อเหลา

แต่ฮังอวี่เป็นชายแท้ 100% เขาไม่นิยมพวกหน้าขาวแบบนี้แน่นอน แล้วจะเอามันไปสร้างปัญหาให้ตัวเองทำไม?

ห้ามลืมนะว่า

ผู้สมรู้ร่วมคิดของมันอีกสองตนกำลังหลบหนี

หากนำแวมไพร์กลับบ้าน มันก็เหมือนนำระเบิดเวลาติดตัวไปด้วย

มือกระบี่ดาร์คเอลฟ์ แม่มดซัคคิวบัสต้องมาทักทายเขาถึงหน้าประตูอย่างอบอุ่นแน่นอน

ดังนั้น ต่อให้สกายเน็ตไม่เอ่ยขอในตอนนี้

เขาก็จะส่งแวมไพร์ออกไปอยู่ดี

แน่นอน ถ้าได้รับผลประโยชน์คุ้มค่า เขาจะไม่ปฏิเสธแน่ๆ

สกายเน็ตคือครอบครัวใหญ่

การแลกเปลี่ยนแวมไพร์กับทรัพยากรของพวกเขาย่อมฟันกำไรได้อย่างไม่ต้องสงสัย

แล้วอีกอย่าง แวมไพร์ตัวนี้คือชาวโลกวิญญาณตนแรกที่สกายเน็ตสาขาเจียงเฉิงจับได้

มันมีมูลค่ามากสำหรับพวกเขา!

ฮังอวี่ยื่นข้อเสนอ “ก็ได้ ผมไม่ใช่คนประเภทไม่รู้จักมองภาพรวม งั้นเอาเป็นสร้างค่ายกลต้องห้ามเลเวล 10 จำนวน 15 ที่แล้วกัน”

เขาลองคำนวณในใจ

ซูหยุนปิงจ้างปรมาจารย์ค่ายกลจากสกายเน็ตเพื่อติดตั้งค่ายกลในร้านอาหาร บาร์ ร้านโพชั่น แต่ละแห่งใช้เวลาทั้งหมดสองวัน จ่ายไป 2,000 แต้มบุญระดับ 5 และค่าวัสดุ 150 หินคริสตัลเขียว

และนั่นอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่ามีหนึ่งในวัสดุหลักอย่าง ‘ผลึกค่ายกล’ เป็นของตัวเอง มิฉะนั้น เมื่อถูกรวมเข้ากับต้นทุนวัสดุแล้ว เกรงว่าต่อให้กลุ่มมังกรฟ้ามีรายได้สูง แต่คงจ่ายไม่ไหว

แค่สามที่ยังแพงขนาดนี้!

แต่ฮังอวี่กลับเอ่ยขอถึง 15 ที่อย่างเต็มปากเต็มคำ!

หากทำแบบนี้ ร้านค้าที่กำลังจะเปิด ตลอดจนสถานที่สำคัญหลายแห่ง รวมไปถึงบ้านของตัวเขาเองก็จะสามารถติดตั้งค่ายกลได้

นี่ช่วยเพิ่มปัจจัยด้านความปลอดภัยในอนาคตได้เป็นอย่างดี

ลั่วหยวนเจิ้งขมวดคิ้ว “สิบห้าแห่งมากเกินไป พวกเราให้ได้ไม่เกิน 10 แห่ง มีปรมาจารย์ค่ายกลไม่มากนักที่สามารถสร้างค่ายกลต้องห้ามได้ นอกจากนี้พวกเรายังมีโครงการอีกมากที่ต้องติดตั้งค่ายกลในสกายเน็ต และที่สำคัญที่สุด ตอนนี้วัสดุที่จำเป็นในบริเวณนี้หายากเกินไป”

ฮังอวี่กล่าว “ผมลดให้ได้แค่ 12 ที่”

ฉูเทียนหัวปรบมือกล่าวโดยตรง “ตกลง ฉันสัญญา ค่ายกลต้องห้ามขนาดปกติ 12 แห่ง”

ยอดเยี่ยม!

ได้รับในสิ่งที่ต้องการเรียบร้อย!

ฮังอวี่มอบแวมไพร์ให้แก่ทางสกายเน็ต

หากดาร์คเอลฟ์และซัคคิวบัสต้องการช่วยเหลือสหาย ทีนี้พวกมันก็ต้องบุกไปที่สกายเน็ตเท่านั้น ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตน และต่อไปจะมีการติดตั้งค่ายกลต้องห้ามภายในตัวบ้าน

ค่ายกลต้องห้ามขนาดปกติสามารถครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ได้

ต่อจากนี้ แม้ดาร์คเอลฟ์และซัคคิวบัสจะมาล้างแค้น แต่พวกมันก็จะไม่สามารถใช้สกิลได้หลังจากบุกเข้ามา

ขณะที่ในฐานะเจ้าของค่ายกล ฮังอวี่สามารถอยู่ในค่ายกลได้โดยรับผลกระทบจากมัน จากนั้นเขาก็จะให้เสี่ยวไป๋สร้างค่ายกลเขตแดนน่านฟ้า แล้วปลูกต้นไม้วิญญาณเพิ่มอีกสองสามต้น

เมื่อสภาพแวดล้อมในตัวบ้านดี

ความรู้สึกปลอดภัยก็จะเพิ่มขึ้นมาก

ฮังอวี่เป็นคนที่ค่อนข้างรักความปลอดภัย

เขาชอบความรู้สึกว่าสามารถควบคุมทุกอย่างได้ แม้บางครั้งจะชอบการผจญภัย แต่โดยเนื้อแท้แล้วเขาไม่ชอบเสี่ยงหรือมีภัยคุกคาม

“ฮ่ง เจ้านาย ตามต่อไม่ได้แล้ว”

หวังเอ๋อล้มเหลวในการติดตามชาวโลกวิญญาณ

สองตนนั้นกับหวังจุนเหวินไม่รู้ว่าไปซ่อนอยู่ที่ไหน

เขาวงกตใต้ดินของเจียงเฉิงซับซ้อนมาก และมันแตกขยายออกไปทุกทิศทาง ดังนั้นหากพวกมันคิดซ่อน คงไม่ง่ายที่จะจับตัว

“ช่างเถอะ นั่นไม่ใช่งานของเรา ปล่อยให้เหล่าฉูและคนอื่นๆปวดหัวกันต่อไป” ฮังอวี่มองคนอื่นๆ “ด้านผู้บาดเจ็บเป็นยังไงบ้าง?”

ฉูเทียนหัวกล่าวว่า “ลูกน้องของจูหยางสามคนตาย ทางเรามีสองคนตาย รวมทั้งหมด ห้าคน”

เหล่าสมาชิกสกายเน็ตต่างแสดงสีหน้าเศร้าสร้อย

ด้านจูหยาง สีหน้าของชายอ้วนเต็มไปด้วยความโกรธ

เดิมเขาต้องการเข้าร่วมเพื่อหาประโยชน์จากแต้มบุญ

แต่ผลคือเขาไม่เพียงพลาดขโมยไก่ แต่ลูกน้องทั้งสี่ที่พามายังเหลือเพียงคนเดียว การสูญเสียชนชั้นยอดถึงสามคนมากพอแล้วที่จะทำให้เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“หวังจุนเหวินไอ้ลูกหมา!”

“ถ้าบิดาจับแกได้ สาบานเลยว่าฉันจะทุบแกเป็นชิ้นๆ!”

ฮังอวี่ถอนหายใจ “มาถึงจุดนี้แล้ว พวกเราคงได้แต่ทำใจ”

จูหยางไม่แสดงอารมณ์โกรธเกรี้ยวเมื่อเผชิญหน้ากับฮังอวี่ เขาจำชุดการ์กอยล์บนร่างฮังอวี่และหอกยาวในมืออีกฝ่ายได้ --ผู้ชายคนนี้คือผู้นำโลกวิญญาณที่กำลังโด่งดังในช่วงสองวันนี้!

“ใช่ ใช่ ใช่”

“ขอบคุณสหายที่ช่วยฉันในครั้งนี้”

“ถ้ามีโอกาสพวกเราจะต้องตอบแทนแน่นอน!”

ฮังอวี่ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ต้องสนใจเรื่องตอบแทนผม แค่อย่าปล่อยข่าวของผมก็พอ ขอแค่นั้น”

ในตอนนั้นเอง หวังเอ๋อเอ่ยขึ้นว่า “ฮ่ง เจ้านาย ตามเปิ่นหวังมานี่เร็ว ระหว่างร่างแยกกำลังไล่ตามศัตรู เปิ่นหวังเจออาคารแปลกๆอยู่ข้างหน้า พวกเราควรเข้าไปดู”

สิ่งที่ปรากฏขึ้นในที่นี้ไม่น่าจะใช่อะไรที่เรียบง่าย

ดังนั้น เมื่อได้ยินสุนัขพูด ฮังอวี่จึงเริ่มสนใจขึ้นมา

ฮังอวี่สั่งให้ร่างแยกสุนัขเฝ้าสถานที่นั้นไว้ ส่วนเขาไปช่วยเหล่าฉูจัดการเรื่องต่างๆ ข้างบนแล้วกลับลงมาอีกทีในภายหลัง

จากนั้น หลายคนก็เริ่มสำรวจสถานที่นี้ต่อ

และในที่สุดก็มาถึงอาคารลึกลับที่สุนัขค้นพบ

อาคารหลังนี้คล้ายกับวิหารแบบโกธิก มันตั้งอยู่อย่างสงบใจกลางถ้ำมืด ให้ความรู้สึกชวนขนลุก

แถวนี้ไม่มีเห็ดเรืองแสง

ไร้ซึ่งพืชพรรณที่ช่วยให้ความสว่างใดๆ

แหล่งกำเนิดแสงเพียงอย่างเดียวในที่นี้คือบริเวณใกล้เคียงกับโบสถ์ เป็นมวลของฟอสฟอรัสที่ลุกโชติช่วงใกล้กับหลุมศพ ทำให้โบสถ์ใต้ดินแห่งนี้ยิ่งดูน่าขนลุกเข้าไปอีก

“นี่มันอะไรกัน?”

“ดูนั่น! เหมือนกับว่าโบสถ์นี้กำลังใหญ่ขึ้น!”

ฝูงชนต่างตกจเมื่อพบว่าโบสถ์ที่ทรุดโทรม พังยับเยินแห่งนี้กำลังซ่อมแซมตัวเองทีละเล็กทีละน้อยด้วยความเร็วอันเชื่องช้า แต่สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า และด้วยอัตราเร็วนี้ คาดว่าอีกไม่นานมันคงซ่อมแซมเต็มที่

ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาคิด

มีบางอย่างผิดปกติกับที่นี่อย่างแน่นอน!

ฮังอวี่กล่าว “ผมคิดว่ามันน่าจะเกี่ยวข้องกับการหลอมรวมระหว่างโลกวิญญาณที่ลึกซึ้งขึ้นในครั้งนี้ พลังงานจากโลกวิญญาณหลั่งไหลเข้าสู่โลกเราในปริมาณมาก ดังนั้นซากปรักหักพังที่เดิมหลับใหลอยู่ที่นี่ ตอนนี้จึงเริ่มดูดซับพลังงานและซ่อมแซมสภาพตัวเอง”

“สิ่งก่อสร้างจากโลกวิญญาณโดยทั่วไปมักใช้งานได้จริง ไม่ว่าจะเป็นฐานที่มั่นของมอนสเตอร์หรือที่อื่นๆ แต่สถานที่แห่งนี้ดูไม่เหมือนป้อมปราการของมอนสเตอร์เลย”

ฉูเทียนหัวเริ่มสนใจ “ตามหาทางเข้าแล้วไปสำรวจข้างในกัน จะได้รู้ว่ามันคืออะไร”

**พรุ่งนี้งดครับ**