Ep.292 - มีคนทรยศในหมู่พวกเรา!
1/4
Ep.292 - มีคนทรยศในหมู่พวกเรา!
ณ ทางเข้าสถานีรถไฟใต้ดิน
ฮังอวี่นำสุนัข และเสี่ยวไป๋ติดตามมาด้วย
เขากวาดตามองไปยังฝูงชน “มีแค่นี้เองเหรอ?”
“แค่ 20 คนก็เหลือเฟือ” ฉูเทียนหัวกล่าว “ทุกคนในที่นี้คือชนชั้นยอด บวกกับความช่วยเหลือจากนาย เสี่ยวไป๋ และหวังเอ๋อ ฉันคิดว่ามากเกินพอแล้ว”
ฮังอวี่พบว่าในบรรดากลุ่มคน มีพี่น้องตระกูลเหลียงกับซุนเฉาเซิ่งอยู่เช่นกัน เขาหัวเราะ “เป็นพวกคุณอีกแล้ว ดูเหมือนหัวหน้ากองลั่วจะให้ความสำคัญกับพวกคุณมาก”
เหลียงตง เหลียงชิว ซุนเฉาเซิ่ง
พวกเขายิ้มแหยและไม่รู้จะตอบอย่างไร
ตัวตนที่แท้จริงของฮังอวี่คือผู้นำแห่งโลกฝ่ายวิญญาณ!
แม้แต่เถ้าแก่ใหญ่คนใหม่อย่างฉูเทียนหัว ในโลกวิญญาณยังเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของชายผู้นี้ แล้วต่อไปพวกเขาจะยังดื่มกินด้วยกันแบบสหายอีกได้อย่างไร? แค่เจอหน้ากันตอนนี้ก็รู้สึกกดดันจะแย่แล้ว!
ฉูเทียนหัว ลั่วหยวนเจิ้ง เหลียงตง เหลียงชิว ซุนเฉาเซิ่ง ทั้งห้าคนนี้ฮังอวี่รู้จักดี แต่สมาชิกสกายเน็ตอีกห้าคนเขาไม่รู้จัก คิดว่าคงเป็นหัวหน้าทีมจากกองพลอื่นๆ เพราะได้ยินว่าสกายเน็ตพึ่งรับสมัครยอดฝีมือหน้าใหม่
ลั่วหยวนเจิ้งแนะนำอีกสิบคน “นี่คือจูหยาง เขานำชนชั้นยอด 4 คนจากสมาคมโลกวิญญาณมาช่วย ส่วนนี่คือหวังจุนเหวิน เป็นยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงทางตอนเหนือของเมือง และทีมของเขาคือคนที่ให้ข้อมูลนี้แก่พวกเรา”
ฮังอวี่หันไปมอง
จูหยางเป็นคนอ้วน ตัวเล็ก มีรอยยิ้มอันอบอุ่น
แม้ภายนอกจะดูไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์ แต่ชายคนนี้ไปถึงเลเวล 7 แล้วและครอบครองมรดกขั้น 1 ที่สมบูรณ์ถึง 2 มรดก
แม้สกายเน็ตกับสมาคมโลกวิญญาณจะไม่ค่อยเป็นมิตรต่อกัน
แต่มีหลายภารกิจที่พวกเขาร่วมมือกัน
จึงไม่น่าแปลกใจที่คนของสมาคมโลกวิญญาณเข้าร่วมปฏิบัติครั้งนี้
สมาคมโลกวิญญาณเป็นองค์กรที่มีโครงสร้างค่อนข้างหละหลวม
จูหยางเป็นยอดฝีมือของสมาคมโลกวิญญาณก็จริง แต่เขาก็มีขุมกำลังเป็นของตัวเองเช่นกัน ซึ่งกำลังพัฒนาไปด้วยดี เขาจึงตั้งใจเข้าร่วมภารกิจนี้ เพื่อหวังเอาแต้มบุญจำนวนมากไปพัฒนาทีมต่อ
“สวัสดี!”
จูหยางไม่เคยได้ยินชื่อฮังอวี่มาก่อน
อย่างไรก็ตาม เข้ายังคงเข้ามาทักทายอย่างอบอุ่น
ฮังอวี่รับนามบัตรของอีกฝ่ายและกวาดสายตาอ่าน “โอ้ ผู้จัดการบริษัท ‘ป้าเทียน(ครองสวรรค์)’ เป็นชื่อที่อุกอาจจริงๆ แต่ผมว่ามันดูไม่ค่อยสอดคล้องกับท่าทีเป็นมิตรของคุณเลยนะ ”
จูหยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เอาน่า ชื่อบริษัทจำเป็นต้องดูดุดันเข้าไว้ ฉันจงใจตั้งให้มันสอดคล้องกับยุคโลกวิญญาณไง”
ส่วนหวังจุนเหวิน เขาคือชายอายุราวๆ 26 27 ปี
เป็นคนสุภาพ ดูสะอาดสะอ้าน
ให้ความรู้สึกเหมือนหมอไม่ก็ทนาย
เขาคือยอดฝีมือทางตอนเหนือของเมือง และเป็นผู้นำที่แม้อายุน้อย แต่มีความสามารถในการควบคุมกองกำลังขนาดเล็กถึงกลาง และคนทั้งสี่ที่ติดตามมาก็เป็นลูกน้องของเขา
ฮังอวี่เอ่ยถาม “เป็นคุณที่ค้นพบเบาะแส? งั้นช่วยอธิบายสถานการณ์ให้ผมฟังที”
หวังจุนเหวินเหลือบมองกลุ่มสกายเน็ตว่าจะเอายังไงดี
ฉูเทียนหัวพยักหน้าและกล่าวว่า “น้องชายฮังอวี่เป็นกำลังเสริมสำคัญของพวกเรา และครั้งนี้เขายังเป็นรองหัวหน้าทีมค้นหาของเราอีกด้วย”
จูหยาง หวังจุนเหวิน ต่างเผยสีหน้าประหลาดใจ
ชายหนุ่มที่เดินทางมาพร้อมกับหนึ่งคนหนึ่งสุนัขผู้นี้ กลับมีสถานะสูงกว่าหัวหน้ากองลั่วหยวนเจิ้งแห่งสกายเน็ต นี่เรื่องจริงหรือ?
หวังจุนเหวินกล่าวว่า “เมื่อวานก่อน ฉันกับทีมเข้าไปล่าวัตถุดิบในวงกตใต้ดินตามปกติ แต่พวกเราบังเอิญหลงเข้าไปในพื้นที่หนึ่ง ...”
เนื้อเรื่องหลักก็มีประมาณนี้ : ทีมของหวังจุนเหวินที่มีคนนับสิบได้เข้าไปในซากปรักหักพังใต้ดิน และพบกับสามคนจากโลกวิญญาณ พวกเขาถูกโจมตี ได้รับบาดเจ็บสาหัส และหลบหนีรอดมาได้อย่างหวุดหวิด
หวังจุนเหวินกล่าว “หลังจากที่ออกมาได้ ฉันรีบรายงานข้อมูลแก่สกายเน็ต โดยหวังว่าสกายเน็ตจะล้างแค้นให้เหล่าพี่น้องที่ตายไปของฉัน!”
“โชคดีจริงๆที่คุณรอดมาได้” ฮังอวี่ครุ่นคิดพักหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “สามคนนั้นไม่ใช่คนโง่ เมื่อที่ซ่อนถูกเปิดเผย พวกมันจะไม่อยู่เฉยแน่นอน มีโอกาสสูงที่พวกเราอาจไม่เจอตัวพวกมัน”
ฉูเทียนหัวกล่าว “นี่คือเหตุผลที่ฉันอยากยืมตัวหวังเอ๋อ”
ฮัสกี้เอ่ยขึ้นในเวลานี้ “ฮ่ง บอสฉู ถึงเปิ่นหวังจะเป็นสุนัขที่มีความสามารถ แต่ก็ไม่ใช่สุนัขที่มีอำนาจครอบคลุมทุกอย่าง ถ้าพวกมันลบกลิ่นอายไปแล้วก็คงช่วยอะไรไม่ได้”
เมื่อเห็นว่าสุนัขพูดได้ จูหยางพลันร้องอ๋อ
ที่แท้เจ้าหมาตัวนี้คือเน็ตไอดอลที่มีชื่อเสียงในเจียงเฉิง!
อีกด้านหนึ่ง ลั่วหยวนเจิ้งกล่าวอย่างหนักแน่น “ไม่ว่าจะยังไง พวกเราต้องไปสำรวจดู ถึงจับพวกมันไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็น่าจะรวบรวมเบาะแสะบางอย่างได้บ้าง สกายเน็ตไม่สามารถนั่งเฉย ปล่อยให้อันตรายที่ซ่อนอยู่เติบโตขึ้น”
ฮังอวี่พยักหน้า “โอเค ไปกันเถอะ”
ฉูเทียนหัว จูหยาง หวังจุนเหวิน และลูกทีมทั้งหมดรวม 20 คน มี 14 คนอยู่ในเลเวล 7 แล้ว ส่วนที่เหลือแม้อ่อนแอกว่า แต่ก็ไม่มีใครต่ำกว่าเลเวล 6
หากเพิ่มฮังอวี่ เสี่ยวไป๋ และหวังเอ๋อเข้าไป
ปฏิบัติการนี้ไม่น่าใช่ปัญหาใหญ่
เพราะสุดท้ายแล้ว ฮังอวี่ ฉูเทียนหัว และเสี่ยวไป๋ต่างก็มีเลเวล 9 และหวังเอ๋อยังมีพลังรบในระดับเจ้าถิ่น นอกจากนี้ ทุกคนยังมีไพ่ตายอยู่ในมือ
และไพ่ตายที่ว่า หากจะบอกว่ามันสามารถใช้พลิกสถานการณ์ได้เลย
ก็ไม่ใช่เรื่องโอ้อวดเกินจริง
พื้นที่ในเขาวงกตใต้ดินเล็กและแคบ
แทนที่จะใช้กองทัพใหญ่ที่อาจกลายเป็นขวางมือขวางเท้ากันเอง สู้ใช้ทีมขนาดกลาง จำนวนคนไม่มากไม่น้อยแบบนี้จะดีกว่า
อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่มีข้อสงสัยในใจ
หากอธิบายให้ชัดขึ้น เขารู้สึกถึงความไม่สมเหตุสมผลเล็กน้อย
คนที่ชื่อหวังจุนเหวินอยู่แค่เลเวล 7 ส่วนลูกน้องเขาเกือบทั้งหมดอยู่ในเลเวล 6 แม้ในแง่ของเลเวล อุปกรณ์ และสกิลมรดกจะถือว่าเป็นยอดฝีมือ
แต่นั่นมันในกรณีเทียบกับคนธรรมดา
หากอยู่ต่อหน้าผู้รุกรานจากโลกวิญญาณ พวกเขาเป็นได้แค่คนอ่อนแอ
ดังนั้น มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่อีกฝ่ายจะปล่อยให้พวกหวังจุนเหวินรอดมาได้
เว้นแต่ว่าคำอธิบายของ หวังจุนเหวินจะไม่ใช่ความจริงทั้งหมด
แน่นอน จะตัดประเด็นที่ว่าหวังจุนเหวินมีไพ่ตายเก็บงำไว้ออกไปไม่ได้เช่นกัน
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในเวลานั้น จึงเป็นการยากที่จะสรุป
ในที่สุดฝูงชนก็มาถึงซากปรักหักพังที่ผู้รุกรานจากโลกวิญญาณทั้งสามซ่อนตัวอยู่
หวังเอ๋อ “ฮ่ง สถานที่นี้แปลกมาก เหมือนกับสุสานมนุษย์เลย”
สถานที่นี้ใหญ่โต
ใหญ่โตจนน่าตกใจ
พื้นดินเต็มไปด้วยแผ่นหินคล้ายป้ายหลุมศพ
ส่วนใหญ่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ไม่เพียงแต่สถานที่เท่านั้น แต่พื้นที่อีกหลายแห่งที่เชื่อมต่อกับสถานที่แห่งนี้ ล้วนมีโครงสร้างคล้ายคลึงกัน ราวกับมีการย้ายสุสานขนาดใหญ่มาที่นี่
ฮังอวี่เอ่ยถามว่า “นายเจออะไรไหม?”
หวังเอ๋อก้มหัวลงและทำจมูกฟุดฟิด ทันใดนั้นมันเงยหน้าขึ้นและมองไปยังทิศทางหนึ่ง “ถึงกลิ่นส่วนใหญ่จะถูกลบออกไป แต่เปิ่นหวังยังพอระบุได้ เป็นพวกมันสามคนจริงๆ!”
สุนัขขึ้นเป็นระดับเจ้าถิ่นแล้ว
ความสามารถในการตรวจสอบของมันจึงแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก
“พาพวกเราไปที่นั่นเร็ว!” ลั่วหยวนเจิ้งเผยท่าทีดีใจ “ทุกคนเตรียมพร้อมรับการต่อสู้!”
ฝูงชนเดินเข้ามาในบริเวณนี้เป็นเวลาสิบนาที
หวังเอ๋อรู้สึกได้อย่างชัดเจน
ว่าระยะทางกำลังใกล้เข้ามา
ในสกายเน็ต ยอดฝีมือที่มีสกิลสอดแนมระยะไกลกล่าวขึ้นว่า “หัวหน้าฉู หัวหน้าลั่ว ฉันเห็นแล้ว พวกมันอยู่ข้างหน้า พวกเราเจอมันจริงๆ!”
“ยอดเยี่ยม!”
“ลงมือได้!”
“ครั้งนี้เราจะไม่ปล่อยให้พวกมันหนีไปได้อีก!”
ซุนเฉาเซิ่งและเหล่าหัวหน้าทีมจากสกายเน็ตต่างตื่นเต้น
“อย่าประมาทคู่ต่อสู้” คิ้วของฉูเทียนหัวขมวดเข้าหากันสัญชาตญาณอันเฉียบแหลมบอกเขาว่า “มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!”
“ใช่”
ลั่วหยวนเจิ้งเองก็ไม่ใช่คนโง่เขลา
ปฏิบัติการค้นหานี้ราบรื่นเกินไป
ในฐานะหัวหน้ากองที่มีหน้าที่ควบคุมจัดการพลรบของสกายเน็ตนับพัน
เขาไม่สามารถปราศจากความระมัดระวังได้ ดังนั้นการที่ทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่น มันกลับทำให้เขาเกิดความแคลงใจ
“ทุกคนระวังตัวให้ดี!”
“อาจมีกับดัก!”
ลั่วหยวนเจิ้งเอ่ยไม่ทันขาดคำ ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นข้างหลังเขา
เมื่อสายตาของทุกคนหันไป ปรากฏว่าจู่ๆหวังจุนเหวินและคนของเขาลอบโจมตีคนอื่นๆจากด้านหลัง มีสมาชิกสกายเน็ตสองคน และชนชั้นยอดจากสมาคมโลกวิญญาณสามคนถูกทำร้ายโดยไม่ทันตั้งตัว
ฮังอวี่เฝ้าระวังเป็นเวลานานแล้ว
แสงสีเขียวสาดไสว หินคริสตัลเขียวถูกจ่ายไปกว่า 40 ก้อน หอกนายพลมนุษย์มังกรถูกนำออกมา
ตัวหอกกวาดใส่คู่ต่อสู้ ปลายหอกกรีดร่างศัตรู ส่งลูกน้องสองคนของหวังจุนเหวินลอยขึ้นอย่างอากาศทันที หยุดการปองร้ายของพวกเขา ลดการบาดเจ็บล้มตายที่อาจมากขึ้น
จูหยางกล่าวอย่างโกรธเคือง “หวังจุนเหวินนี่แกบ้าไปแล้ว!?”
หวังจุนเหวินไม่คิดว่าฮังอวี่จะตอบสนองเร็วขนาดนี้ เขารีบถอยห่างออกมา จ้องมองคนเบื้องหน้าด้วยสายตาเย็นชา
ฉูเทียนหัวเหลียวมองสมาชิกที่ได้รับบาดเจ็บ
พลรบสกายเน็ตหนึ่งคนและสมาคมโลกวิญญาณสองคนเสียชีวิต
หวังจุนเหวินและคนอื่นๆไม่ได้ถูกควบคุมโดยคาถาทางจิตที่ทำให้สูญเสียจิตใจ แต่พวกเขาจงใจทำแบบนี้เอง ตั้งใจถึงขั้นใช้คัมภีร์สกิล หากไม่ใช่เพราะถูกฮังอวี่พุ่งเข้าขัดขวาง อาจมีคนเจ็บหนักมากกว่านี้
หากช้าไปอีกไม่กี่วิ
การบาดเจ็บล้มตายจะรุนแรงขึ้น
เจตนาฆ่าทอวาบในดวงตาของฉูเทียนหัว
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฉันไม่ได้บ้า พวกแกต่างหากที่โง่ ตอนนี้ฉันได้เป็นสมาชิกสำรองของสมาคมฤาษีลี้ลับแล้ว ถ้าจะโทษ ก็โทษที่ความคิดของพวกเราไม่ตรงกันเถอะ!” ใบหน้าขาวๆของหวังจุนเหวินเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง “การมีอยู่ของพวกแกเป็นภัยต่อสามผู้ยิ่งใหญ่ ดังนั้นพวกแกต้องตาย!”
ฝูงชนแตกตื่นตกใจ
เจ้าหมอนี่แปรพักตร์ไปอยู่กับขุมกำลังจากโลกวิญญาณ?
มี ‘คนทรยศ’ ปรากฏขึ้นในมนุษยชาติแล้ว!
หวังจุนเหวินจงใจปล่อยเบาะแส แล้วล่อพวกเขามาที่นี่!