673 - แผนการของตระกูลหวัง
1983 - แผนการของตระกูลหวัง
นี่เป็นคำง่ายๆ แต่มันทำให้การแสดงออกของหวังสือดูไม่สบอารมณ์ เขาไม่คิดว่าเทพธิดาของสำนักเสริมฟ้าจะกล่าวออกมาตรงๆแบบนี้
“อย่างนั้นหรือ? ข้าหวังว่าเขาจะมีชีวิตอยู่จริงๆพวกเราจะได้พบกันในสักวันหนึ่ง” หวังสือกล่าวอย่างใจเย็น
“ตราบใดที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ วันนั้นจะมาถึงอย่างรวดเร็ว พี่น้องของข้าจะต้องกลับมาผงาดและสังหารผู้อมตะของตำหนักเซียนคนนั้นอย่างแน่นอน!” มดเขาสวรรค์กล่าวด้วยความเชื่อมั่น
ลักษณะท่าทางของมันมีความหยิ่งผยองเป็นอย่างมากในฐานะทายาทของหนึ่งในสิบอสูรผู้ยิ่งใหญ่มันไม่เคยกลัวสิ่งใดภายใต้สวรรค์และปฐพีนี้
แม้แต่การต่อสู้อันยิ่งใหญ่ในชายแดนรกร้างมันก็เคยเข้าร่วมมาแล้วนับประสาอะไรกับความภาคภูมิใจแห่งสวรรค์ของตระกูลหวัง
“เฮ้ ข้าก็หวังเหมือนกัน ท้ายที่สุดอันดับหนึ่งในรุ่นก็จบลงด้วยการถูกคำสาปสังหารอมตะ บางทีนั่นอาจจะเป็นเพียงความหวังของพวกเจ้าเขาคงไม่สามารถกลับมาได้อีกแล้ว”
ก่อนที่หวังสือจะพูดขึ้นอีกครั้ง มีคนอื่นพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและแตกต่างออกไป น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
อิทธิพลของตระกูลหวังและตระกูลจินนั้นยิ่งใหญ่เกินไปในเก้าสวรรค์เบื้องบน ดังนั้นพวกเขาจึงมีพันธมิตรอยู่บ้า
มีอัจฉริยะระดับแนวหน้าจากคนรุ่นนี้ที่ต้องการใกล้ชิดกับพวกเขามากขึ้น นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาพูดออกมาจากด้านข้าง
“หุบปาก!”
เส้นผมสีทองของมดเขาสวรรค์เป็นประกายเหมือนด้ายสีทอง ราวกับเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ เหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้เขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและความเจ็บปวด แต่เขาก็ยังทำอะไรไม่ถูกเลย
ในท้ายที่สุด เขาปฏิเสธที่จะเชื่อว่าสือฮ่าวกลายเป็นคนธรรมดา อย่างไรก็ตาม คำสาปสังหารอมตะนั้นไม่สามารถกำจัดได้จริงๆ ใครจะสามารถผ่านมันไปได้?
ย้อนกลับไปเมื่อผู้เป็นอมตะของตำหนักเซียนลงมือ ไม่มีใครหยุดเขาได้ พวกเขาสามารถเก็บงำความเสียใจของตัวเองไว้เท่านั้น
“เฮอะ หลังจากผ่านไปสามสิบปี ไม่ว่าเขาจะเก่งกาจขนาดไหน พลังโลหิตของเขาน่าจะแห้งเหือดไปหมดแล้ว สถานการณ์ที่ดีที่สุดก็แค่ยื่นเท้าข้างหนึ่งเข้าไปในหลุมศพ
แทบจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ส่วนที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือเขาตายไปแล้วต่างหาก! ” ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญจากตระกูลเฟิงตะกูลจินและตระกูลหวังทั้งสามตระกูลอมตะที่เคยต่อสู้อย่างยาวนานกับสือฮ่าวล้วนพยายามเย้ยหยันเขา
ฉางกงเอี๋ยน มดเขาสวรรค์ และสหายคนอื่นๆของสือฮ่าวต่างระเบิดพลังออกมาใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
ในความเป็นจริงทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเคยไปเยี่ยมเขาในอาณาจักรแห่งความว่างเปล่า ในเวลานั้นทุกคนกลางก็ได้มองเห็นเขาด้วยตาของตัวเอง
แม้ว่าเขาจะยังคงยิ้มแย้มแจ่มใส แต่สิ่งที่เขาบอกพวกเขาก็คือเขาเหลือเวลาอีกไม่กี่วันและจะกลายเป็นคนพิการในที่สุด การพลัดพรากหนึ่งครั้งยาวนานถึงสามสิบปี
หลังจากที่อาณาจักรแห่งความมืดกัดกินอาณาจักรวิญญาณพวกเขาก็ไม่เคยได้ข่าวของสือฮ่าวอีกเลย!
ไม่ได้เจอกันมาสามสิบปีแล้ว เป็นไปได้ไหมว่าเพื่อนเก่าคนนี้กำลังจะตายแล้วจริงๆ วีรบุรุษผู้แข็งแกร่งขนาดนั้นจะร่วงหล่นไปได้อย่างไร?
แต่นี่คือ… ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้มากที่สุด!
“การสามารถมีชีวิตอยู่ได้นั้นเป็นความเอื้อเฟื้อของสวรรค์อยู่แล้ว จะมีอะไรให้พูดถึงอีก? ฮึ่ม!” จินซานกล่าวออกมาอย่างดูถูกเหยียดหยาม
ความไม่พอใจของเขากับสือฮ่าวนั้นลึกซึ้ง จุดเปลี่ยนของชีวิตของเขาเป็นเพราะการต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างฮวงและตัวเขาเอง หลังจากประสบความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ในเมืองจักรพรรดิ์มันทำให้เขาเสียโอกาสที่จะเป็นผู้นำของคนรุ่นใหม่
นั่นคือจุดแตกหักของชะตากรรมของเขา หลังจากการต่อสู้ครั้งนั้น เขาก็รู้สึกหดหู่อยู่เสมอ ทักษะเต๋าของเขาไม่มั่นคง ในท้ายที่สุด เมื่อเขาต่อสู้กับอีกฝ่าย เขาก็พ่ายแพ้จนเนื้อของเขาขาดรุ่งริ่ง
หลังจากการสู้รบครั้งนั้น หวางซีไม่ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาดังนั้นจึงเกิดความร้าวฉานระหว่างตระกูลจินและตระกูลหวัง
“ขี้แพ้อย่างเจ้ามีสิทธิ์จะพูดอะไร เจ้าลืมไปแล้วเหรอว่าในเมืองจักรพรรดิ์เขาบดขยี้เจ้าอย่างง่ายดายแค่ไหน? ตอนนี้เขาไม่อยู่เจ้าจึงกล้าตะโกนออกมาอย่างนั้นเหรอ?”
มดเขาสวรรค์รู้สึกรำคาญ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเยาะเย้ยอีกฝ่ายโดยตรง
ดวงตาของจินซานเย็นชา เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าที่ไม่สิ้นสุด
“ทุกคน การพูดสิ่งเหล่านี้มีประโยชน์อย่างไร? ไม่จำเป็นต้องทำลายบรรยากาศของเหตุการณ์ที่ผ่านมา เหตุผลหลักที่เราได้พบกันในวันนี้คือเพื่อหารือเกี่ยวกับเส้นทางในอนาคตของเรา” มีคนพูดออกมาเพื่อบรรเทาความตึงเครียด
น่าเสียดายที่ความพยายามนี้สูญเปล่า มันไม่ได้ส่งผลต่อสถานการณ์เลย
มีบางคนยืนอยู่ตรงข้ามกัน แสดงความเกลียดชังต่อมดเขาสวรรค์ กระต่ายหยกจันทราและคนอื่นๆ
“คนตายไปแล้วสรรเสริญเขาไปจะมีประโยชน์อะไร? ไม่ว่าเมื่อก่อนจะน่าทึ่งขนาดไหน ตอนนี้เขาก็ยังไม่มีอะไรมากไปกว่ากองกระดูกที่พังทลายในอาณาจักรเบื้องล่าง” สิ่งนี้มาจากผู้เชี่ยวชาญของตระกูลเฟิง
ในความเป็นจริงในอดีต นี่เป็นกลุ่มแรกที่ต่อต้านสือฮ่าว เมื่อสือฮ่าวเพิ่งปรากฏตัวในสวรรค์ไร้ขอบเขต เขาตกเป็นเป้าหมายของหยวนชิงและถูกส่งไปที่เหมืองโบราณต้นกำเนิด
ทั้งหมดเป็นเพราะสายเลือดของคนบาปขัดแย้งกับบรรพบุรุษของตระกูลนี้
มีความแค้นร่วมกันระหว่างพวกเขา พวกเขาไม่ต้องการให้โอกาสแก่ผู้คนของตระกูลหินในการสร้างผู้เชี่ยวชาญที่สามารถคุกคามพวกเขาได้
“สหายคำพูดของเจ้าบาดหูข้าเหลือเกิน” ทัวปาอู่หลงและตระกูลอมตะของเมืองจักรพรรดิเตรียมพร้อมที่จะลงมือ
ความสัมพันธ์ของพวกเขากลับสือฮ่าวนำแน่นแฟ้นเป็นอย่างยิ่ง การที่มีคนกล่าวดูถูกเหยียดหยามสือฮ่าวแบบนี้มันทำให้พวกเขารู้สึกโกรธแค้นอย่างแท้จริง
ยิ่งกว่านั้นทัวปาอู่หลงหงส์เพลิงของตระกูลเว่ยและคนอื่นๆล้วนเป็นหนี้ชีวิตของสือฮ่าวในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของชายแดนรกร้าง
มีผู้คนมากมายที่ไม่ชอบคำพูดของตระกูลเฟิง นั่นรวมไปถึงชิงยี่และเซียนสาวของสำนักแยกฟ้า
“คนตายไปแล้วมีอะไรให้ต้องพูดถึง” มีคนจากตระกูลหวังพูดออกมา แต่ก็ไม่ใช่เพื่อบรรเทาความตึงเครียด แต่เป็นการเริ่มยั่วยุให้มากขึ้น นั่นเป็นเพราะเขายังมีคำพูดตามมาอีก
“เส้นทางอยู่ใต้เท้าของเราล้วนเป็นทางเลือกของเราเอง ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการเลือกของเขาเอง” เขาพูดอย่างใจเย็น
นี่เป็นอีกคนหนึ่งที่โดดเด่นขึ้นมาจากตระกูลหวังนอกเหนือจากหวังสือ หวังหลาน คนที่เพิ่งผงาดขึ้นในช่วงสามสิบปีที่ผ่านมา ความแข็งแกร่งของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก
"เจ้าพยายามจะพูดอะไร?" ฉางกงเอี๋ยนพูดด้วยน้ำเสียงที่จมดิ่ง
“ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นเขารนหาที่เอง” เขาพูดอย่างใจเย็น
“เจ้าเด็กโง่หากเจ้ายังกล้าเอ่ยปากออกมาอีกข้าจะทุบตีเจ้าให้ตาย ตอนที่เขาสร้างผลงานในชายแดนรกร้างเจ้าจะรู้อะไร มารดาเจ้ายังดูดนมอยู่ในตระกูลหวังอยู่เลย!” มดเขาสวรรค์ยังคงมีอารมณ์ร้อนแรงเช่นเดิม
การดื่มนมเป็นการพูดเกินจริง แต่ในตอนนั้นหวังหลานยังไม่ปรากฏตัวในโลก เพราะในเวลานี้เขายังมีอายุไม่ถึงสามสิบปีด้วยซ้ำ
“ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องในอดีต แต่มีเรื่องที่ต้องพูดถึงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา” หวังหลานไม่โกรธ จู่ๆก็เปลี่ยนเรื่อง เขามองไปในทิศทางของกระต่ายหยกจันทรา
“ไม่นานมานี้ ผู้อาวุโสของตระกูลของข้าประสบภัยพิบัติ ถูกใครบางคนจับตัวไป ข้าได้ยินว่ามีใครบางคนที่มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ครั้งนี้เขาคือนักพรตอ้วนสหายของพวกเจ้า เฉาอวี่เซิ่ง!”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร” กระต่ายหยกจันทราถาม
“ต้องขออภัยด้วย แต่ข้าได้ยินว่าเจ้ามีความสัมพันธ์อันดีกับเขาตลอดมา ดังนั้นหลังจากจบการชุมนุมครั้งนี้ต้องขอเชิญเจ้ากลับไปพำนักที่ตระกูลหวัง” หวังหลานกล่าว
เมื่อได้ยินเช่นนี้หลายคนก็ตกใจ จากนั้นพวกเขามองไปที่หวังสือซึ่งยังคงเงียบตลอดเวลานี้
เขาเป็นหนึ่งในผู้เสนอหลักสำหรับการประชุมที่โดดเด่นนี้ ความตั้งใจของเขาดูเหมือนจะไม่บริสุทธิ์
หวังสือพูดอย่างเย็นชาไม่สงบอีกต่อไป ต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
“พี่ใหญ่ของข้าถูกจับไปเป็นเชลย วันนี้พวกเราจะต้องให้เจ้าอ้วนนั่นชดใช้ความผิด”
ถึงตอนนี้ที่เขาพูดแบบนี้ ทุกคนก็เข้าใจดีว่าเกิดอะไรขึ้น มีการวางแผนไว้ก่อนแล้ว
ชิงยี่ มดเขาสวรรค์ เซียนสาว และคนอื่นๆล้วนแสดงท่าทีโกรธแค้นออกมา
พวกเขาไม่คิดว่าการจัดงานในครั้งนี้ของตระกูลหวังแท้ที่จริงแล้วกลับเพียงต้องการกวาดต้อนสหายของสือฮ่าว?
“บังอาจ!” มดเขาสวรรค์เป็นคนแรกที่ก้าวออกมา เขาใช้ร่างกายของตัวเองยืนบังกระต่ายหยกจันทราไว้
ฮอง!
ในเวลานี้กิเลนสีขาวราวกับหิมะที่ติดตามกระต่ายหยกจันทราก็ระเบิดพลังของตัวเองออกมากลายเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่
นี่เป็นหนึ่งในลูกหลานของอสูรผู้ยิ่งใหญ่หลังจากผ่านไปสามสิบปี มันก็เติบโตขึ้นแล้ว!