SN-ตอนที่ 17 การแก้แค้น
อัลดิช รู้สึกแปลกๆ เมื่อมองลงมาที่ โกสต์ แบบนี้ แนวคิดทั้งหมดของการมองคนที่อยู่ต่ำกว่า: นี่เป็นเรื่องแปลกใหม่ทั้งหมดสำหรับเขา
แต่เขาปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือความรู้สึกที่ถูกต้อง
มันเป็นเพียงเรื่องของความยุติธรรม
ความยุติธรรมที่โลกนี้ขาดไป ความยุติธรรมที่ได้รับการสนับสนุนจากการกระทำ ใช่แล้ว มันไม่ใช่ความเพ้อฝัน แต่เป็นความยุติธรรมที่ อัลดิช จะทำให้มันเป็นจริง
ความยุติธรรมของเขาจะหลั่งไหลลงมาสู่บรรดาผู้ที่สมควรตาย
และนี่เป็นเพียงหยดแรกของเม็ดฝนแห่งความยุติธรรมเหล่านั้นท่ามกลางพายุแห่งการล้างแค้น และ เหตุผลที่อัลดิชสามารถทำมันได้ก็เพราะเขามีพลังพอที่จะทำมัน
ขณะที่เขามองลงไปที่ โกสต์ หน้าต่างข้อความก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา
ภารกิจ
[ภารกิจใหม่: การแก้แค้น]
แถบอินเทอร์เฟซของเขากระพริบด้วยตัวบ่งชี้และเขาก็แตะไปที่จิตใจ ทันใดนั้นเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย โดยสังเกตเห็นว่ารูปลักษณ์ของภารกิจนั้น…แตกต่างออกไป คำที่มีรายละเอียดเป็นสีแดงเลือด และตัวอักษรก็ดูเหมือนรอยขีดข่วนที่ดูไม่เรียบร้อย และ มีลักษณะชั่วร้ายอย่างเห็นได้ชัด
<>
ภารกิจการแก้แค้น [เปิดใช้งาน]
ความยาก: 5
รายละเอียด: ตามล่า เซ็ท โซลาร์ และ แก๊งของเขา โดยการพิพากษาพวกเขาด้วยความตาย
รางวัล:
-ความตายของ โกสต์ : 200 EXP, 200 เหรียญ
-ความตายของ อีวาน ฮาร์เกอร์ : 50 EXP, 50 เหรียญ
-ความตายของ ไซม่อน เวลส์ : 100 EXP, 100 เหรียญ
-ความตายของ ไจอัน โซลดาต้า : 250 EXP, 200 เหรียญ
-ความตายของ เซ็ท โซลาร์ : 1000 EXP, 800 เหรียญ
-โบนัส EXP จะได้รับจากการดูดซับพลังงานด้านลบจากแต่ละคน
>>
อัลดิช หักคอของเขา เขาไม่รู้แน่ชัดว่าภารกิจนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรหรือทำไม แต่เขาไม่ได้บ่น เพราะเขาเองก็ต้องการทำให้ เซ็ท โซลาร์ และแก๊งของเขาพบเจอกับความตาย และ หากเขาได้รับรางวัลเช่นนี้ด้วยมันก็ถือเป็นผลดีสำหรับเขาเช่นเดียวกัน
โบนัส EXP จากการดูดซับพลังงานด้านลบเป็นสิ่งที่ อัลดิช ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่มันก็สมเหตุสมผล
สิ่งมีชีวิตประเภท อันเดด อาศัยอยู่ได้จากการดูดซับพลังงานด้านลบ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาหรือการหล่อเลี้ยงพวกเขา และ เมื่อนึกถึงตำนานของเกม อัลดิช ก็รู้ว่าพลังงานด้านบวกและการรักษานั้นสัมพันธ์กับอารมณ์ เช่น ความรัก ความสุข และ ความหวัง ส่วนพลังงานด้านลบก็เล็ดลอดออกมาจากอารมณ์ต่างๆ เช่น ความเกลียดชัง ความกลัว และ ความสิ้นหวัง
จากนี้จะเห็นได้ชัดว่า อัลดิช จะได้รับพลังงานด้านลบจาก โกสต์ ได้อย่างไร
“หน้าอกของแกยังมีรูอยู่ ฉันสามารถมองทะลุผ่านตัวแกได้ แล้วแกยังมีชีวิตอยู่ได้ยังไง!” โกสต์กล่าวถาม
“นี่ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร ที่สำคัญในตอนนี้ก็คือนายควรจะเป็นห่วงตัวนายเองดีกว่า” อัลดิช กล่าว จากนั้นเขาก็หยิบไม้เท้าของเขาและผลักปลายก้นของมันวางลงบนหน้าอกของโกสต์
มันเป็นไปตามที่คาดไว้ โกสต์ ได้ใช้ พลังของเขา ทำให้ไม้เท้าทะลุผ่านไป
หัวของโกสต์ไม่ได้เป็นอัมพาต ดังนั้นเขาจึงสามารถใช้ความคิดของเขาเพื่อเปิดใช้งานพลังของเขาได้
“ฮ่าฮ่า ไอ้โง่” โกสต์พูดขณะที่เขายิ้ม ปากและแก้มของเขากระตุกเล็กน้อยขณะที่เขากล่าวพูดต่อ“แกคงจะผ่านวิธีการอะไรบางอย่างถึงทำให้แกผลิบานและได้รับพลังมาสินะ”
“ส่วนเรื่องที่แกใช้พิษอัมพาตของมอสบีสต์ได้อย่างไรฉันไม่รู้แต่ที่ฉันรู้คือแกมันโง่ที่ใช้พิษอัมพาตของมอสบีสต์ แม้ว่าพิษนี้จะทำให้ตั้งแต่หัวจรดเท้านั้นเป็นอัมพาต แต่ตราบเท่าที่ฉันใช้ความคิดได้ ฉันก็สามารถใช้พลังของฉันได้”
“ดังนั้นแกจะไม่มีวันแตะต้องฉันได้ และ เมื่อฉันสามารถเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง แกก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้เลย เพราะฉันจะจบเรื่องที่ เซ็ท เป็นคนก่อไว้เอง ฉันจะตัดศีรษะของแกออกมาจากบ่า แล้วเอาไปประดับหอพักซะ”
“การผลิบาน ฉันเดาว่านั่นคือสิ่งที่ทุกคนคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉัน” อัลดิช กำลังพูดถึง การผลิบาน สิ่งนี้มันเป็นคำที่ใช้อธิบายเมื่อคนธรรมดาสามารถปลุกพลังได้ในภายหลัง แน่นอนว่ามันสามารถนำไปใช้กับเด็กวัยแรกรุ่นที่เริ่มปลุกพลังด้วยเหมือนกัน
ดังนั้นจึงมีกรณีที่ว่าคนธรรมดาสามารถปลุกพลังขึ้นมาในภายหลังได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นข้อมูลที่ค้นพบโดยองค์กรผู้วิวัฒ
แต่คนไร้ค่าอย่างอัลดิชไม่ได้มีอะไรแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย
ถึงกระนั้น นี่ก็ยังเป็นข้อมูลที่น่าสนใจ
หากผู้คนรู้เกี่ยวกับพลังของ อัลดิช พวกเขาคงจะคิดว่าเขาได้ปลุกพลังขึ้นมาในภายหลังและพัฒนาพลังเหล่านั้นให้กลายเป็นตัวเลือกที่แตกต่างออกไป
ยกตัวอย่างเช่น อัคเมนเตอร์ ที่มีร่างกายที่ทรงพลัง ในขณะที่ บลาสเตอร์ มีความสามารถในการโจมตีระยะไกล แต่แน่นอนว่ามันมีน้อยมากที่จะปรากฏ อัคเมนเตอร์ และ บลาสเตอร์ ในร่างของคน ๆ เดียว
ส่วนหมวดหมู่นอกจาก 2 อย่างนี้ ก็มีแบบเฉพาะเจาะจงที่สามารถใช้งานได้จริง กับ ใช้งานได้บางประเภท ดังนั้นความสามารถที่ยังไม่ถูกค้นพบอย่าง อัลดิช บางทีพวกเขาก็อาจจะตีเป็นพลังที่แข็งแกร่งหรือไร้ค่าได้
แต่นั่นก็ดีสำหรับเขาเหมือนกัน
เพราะยิ่งศัตรูเมินเฉยเกี่ยวกับตัวเขามากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเป็นผลดีสำหรับเขา
“แกโชคดีที่มีพลังแบบนี้มาช่วยชีวิตเอาไว้ แต่รู้อะไรไหม แกก็ยังคงเป็นไอ้โง่ที่ไร้ประโยชน์ในใจฉันอยู่ดี เพราะในที่สุด จะมีใครบางคนตามหาฉันเจอ และเมื่อพวกเขาเจอฉัน ฉันจะทำให้แน่ใจว่า แกจะถูกตามล่าไปจนถึงปลายขอบฟ้าอย่างแน่นอน” โกสต์กล่าว
“อย่ากังวลไปเลย โกสต์” อัลดิช กล่าว “จะไม่มีใครพบนายที่นี่ นอกจากพวกเขา”
อัลดิช ดึงไม้เท้าออกจากอกของ โกสต์ และดีดนิ้ว
จากนั้นเสียงครวญครางก็ดังก้องไปในอากาศ ขณะที่เสียงคำรามต่ำของสัตว์ป่าได้ส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัว
“มันคืออะไร!?” โกสต์กล่าวออกมา เขาพยายามมองไปรอบๆ แต่ไม่สามารถขยับศีรษะได้อย่างถูกต้องเนื่องจากคอของเขาเป็นอัมพาต ทั้งหมดที่เขาทำได้คือมองขึ้นไปที่ อัลดิช ที่มองลงมาที่เขา
"เดี๋ยวนายก็จะได้เห็น" อัลดิช กล่าว
อดัม เอเลเน่ และ สไตรเกอร์ทั้ง 3 ตัว ก็โผล่ออกมาจากพื้นที่ขอบโล่ง ซึ่ง อัลดิช ได้ซ่อน อดัม และ เอเลเน่ และ สไตร์เกอร์ ไว้โดยรอบพื้นที่เพื่อติดตาม โกสต์ เพราะทันทีที่เขามาถึงภายในระยะ 200 เมตรจากจุดทิ้งขยะ และ ด้วยการติดตามกลิ่นของพวกเขา พวกเขาก็สามารถตรวจจับโกสต์ได้ในทันที
สิ่งนี้เป็นผลให้ อัลดิช ได้รับการแจ้งเตือนถึงการปรากฏตัวของ โกสต์ และ รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาควรจะจุดชนวนเมล็ดละอองเกสร
อดัมและเอเลเน่ มายืนอยู่ข้างๆ อัลดิช และจ้องเขม็งไปที่ โกสต์ โดยน้ำลายของพวกเขาได้ฟูมปากและดูหิวโหยเป็นอย่างมาก
“นี่เพื่อน ลองดูสิว่าฉันพบใคร?” อัลดิช กล่าว
อดัมและเอเลเน่คำรามออกมา โดย เอเลเน่ ได้เอื้อมมือลงไปปัดที่ใบหน้าของโกสต์ เพียงแต่โกสต์ทำให้ร่างกายของเขาจับต้องไม่ได้ดังนั้นมือของเธอจึงได้ทะลุผ่านไป
ส่วนสไตรเกอร์ก็วนรอบตัว โกสต์ ราวกับฉลามผู้หิวโหย บางครั้งก็เข้ามาใกล้ใบหน้าของเขา และส่งกลิ่นเหม็นเน่าบางอย่างออกมาจนมันได้ไปแตะจมูกของโกสต์
“ซอมบี้!?” โกสต์กล่าว "นั่นคือ-นั่นคือพลังของแกงั้นหรือไม่? การสร้างซอมบี้?"
อัลดิช วางไม้เท้าของเขาไว้ที่ปากของ โกสต์ “ชู่ นั่นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือนายควรจะทำตัวว่าง่ายและกลายเป็นอาหารของเพื่อนฉันซะ เพราะอย่างน้อยแกก็จะได้ทำสิ่งดี ๆ ทิ้งเอาไว้ก่อนที่จะหายไปโดยสมบูรณ์”
อัลดิช ถอยออกมาแล้วปล่อยให้ อดัม, เอเลเน่ และ สไตร์เกอร์ ทั้งสามเริ่มตะครุบ โกสต์ แต่โกสต์ได้กลายเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ทำให้การตะครุบของพวกเขาได้ทะลุผ่านร่างกายของโกสต์ไป
“ฉันมันไร้เทียมทานเว้ย ไอ้บ้า!” โกสต์กล่าว แม้ว่าเขาจะตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด แต่มันก็ไม่ช่วยให้เขาเคลื่อนไหวได้ “รีบปล่อยฉันเร็วเข้า แล้วฉันอาจจะใจดีไว้ชีวิตแก!”
"อย่าเพิ่งใจร้อน" อัลดิช กล่าว จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้น ทำให้อันเดดของเขาหยุดการโจมตีเพื่อให้ โกสต์ ได้ยินเสียงเขา “มันค่อนข้างหยาบคายที่จะรีบจากไปหลังจากที่พวกเราไม่ได้เจอกันนาน อีกอย่างด้วยละอองเกสรที่นายสูดหายใจเข้าไป อย่างน้อยใน 3 ชั่วโมงนี้แกก็คงเคลื่อนไหวตัวเองไม่ได้”
อัลดิช ยิ้มและนั่งบนก้อนหิน เขามองดู โกสต์ ที่ทำได้เพียงนอนอยู่ตรงนั้นอย่างช่วยไม่ได้และมองขึ้นไปที่ใบหน้าที่เน่าเปื่อยของซอมบี้ที่น้ำลายไหลเพราะเนื้อของเขา ในที่สุดความกลัวก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา มันเป็นความหวาดกลัวอย่างสุดซึ้งเมื่อเขาตระหนักมากขึ้นว่าพลังของเขาไม่ได้อยู่ยงคงกระพัน
[เก็บเกี่ยวพลังงานด้านลบ: +10 EXP]
[แถบ EXP: 45 > 55/120]
“ฉันได้วิเคราะห์พลังของนายมาแล้ว รวมถึงจุดอ่อนทั้งหมดของมัน แน่นอนว่าเกี่ยวกับพลังของกลุ่มของนายฉันเองก็ได้วิเคราะห์พวกมันมาประมาณนึง เพราะสักวันนึง ฉันเชื่อว่าฉันจะสามารถจัดการกับขยะอย่างเช่นพวกนายได้”อัลดิชได้กล่าวต่อ “แต่เอาจริง ๆ แล้วในตอนนั้น นั่นก็เป็นเพียงแค่ความฝัน เพราะฉันไม่มีพลังอำนาจมากพอที่จะใช้จัดการกับจุดอ่อนของพวกนาย”
“แต่ตอนนี้? เรื่องราวมันจะแตกต่างออกไป”
“เกี่ยวกับพลังของนายมันอาจจะช่วยให้นายมีความปลอดภัยอยู่บ้างแต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด เพราะถ้านายกลายเป็นสสารที่จับต้องไม่ได้ทั้งหมด นายก็คงตกลงไปในพื้นและปรากฏตัว ณ จุดสิ้นสุดของโลกแล้ว แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น”
“ดังนั้น พลังของนายจึงมีข้อจำกัดบางอย่างอยู่”
“นายสามารถข้ามผ่านสารอนินทรีย์และสามารถทำลายมันได้ แต่นายไม่สามารถทำลายถึงอินทรียวัตถุได้และขีดจำกัดสูงสุดที่นายมีก็คือ นายสามารถทำให้ตัวเองจับต้องไม่ได้ก็จริง แต่นั่นก็แลกมากับการหยุดการทำงานของร่างกาย”
“เช่นถ้านายทำให้หน้าอกของตัวเองจับต้องไม่ได้ มันก็จะแลกมากับการที่นายหายใจไม่ออก และ ฉันคิดว่า ถ้านายทำให้หัวของตัวเองจับต้องไม่ได้ นายก็คงจะตาบอดด้วย”
“หรือก็คือนายไม่สามารถพูดได้ในขณะที่พวกเขาโจมตีนาย ใช่ไหม นั่นก็เพราะว่านายกำลังกลั้นหายใจ เพราะนายรู้ว่าถ้าตัวเองใช้เวลาหายใจแม้แต่ครั้งเดียว ใบหน้าของนายจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ จนกระทั่งหลายร้อยชิ้น”
“ดังนั้นมาดูกันเลย ว่านายจะสามารถกลั้นหายใจได้นานแค่ไหน ในฐานะนักเรียนคลาส A ให้ฉันดูหน่อยว่านายจะกลั้นหายใจได้สูงสุดเท่าไหร่”
อัลดิช ปรบมือของเขาเข้าด้วยกัน และ อันเดด ทั้งห้าของเขาก็รุมล้อม โกสต์ พร้อมกับ ฉีก กัด และขย้ำร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่องในขณะที่เขาทำให้ตัวเองจับต้องไม่ได้
อัลดิช ตั้งนาฬิกาจับเวลาไว้บนนาฬิกาข้อมือเพื่อดูว่า โกสต์ จะกลั้นหายใจได้นานแค่ไหน
30 วินาที…
60 วินาที…
1 นาที…
2 นาที…
3 นาที…
4 นาที…
5 นาที…
โกสต์สูดลมหายใจเข้าลึก และในขณะที่เขาทำ อดัมและเอเลเน่ก็กัดไหล่ของเขาขณะที่พวกสไตรเกอร์เอาเขี้ยวแทงเข้าที่ด้านข้างของเขา
อัลดิช ยกมือขึ้นทำให้ อันเดด หยุดและปล่อยให้ โกสต์ สูดลมหายใจ
อัลดิช เดินไปหา โกสต์ และยืนเหนือเขา ใบหน้าของโกสต์นั้นซีดเผือก หน้าอกของเขายกขึ้นและลงในขณะที่เขาหายใจเข้าออกอย่างสิ้นหวัง และ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความกลัว
เลือดที่สะสมจากด้านข้างของเขาซึ่งมีรู มันเป็นที่บ่งบอกว่าสไตรเกอร์ได้แทงเขาไว้ที่ใด
รอยฟันลึกบนไหล่ทั้งสองข้างของเขาแสดงให้เห็นว่าอดัมและเอเลเน่กัดเขาที่ใด
เนื้อรอบๆ แผลเปิดเหล่านั้นเริ่มดำคล้ำและเน่าเปื่อย และ โกสต์ ก็ตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวดขณะที่เส้นประสาทของเขาตึงเครียดจนถึงระดับสูงสุดของความเจ็บปวดขณะที่เนื้อตายเหล่านั้นเริ่มแผ่ขยายออกไป
“ว้าว 5 นาทีเต็ม” อัลดิช กล่าวขณะแตะนาฬิกาข้อมือ ซึ่งทำให้นาฬิกาจับเวลาหยุดลง "โดยเฉลี่ยแล้วคนที่ไม่ได้รับการฝึกฝนและไม่ได้รับการฝึกฝนสามารถกลั้นหายใจได้เป็นเวลา 30 ถึง 90 วินาที แต่นายที่อาศัย AC ที่ช่วยเสริมการทำงานของร่างกายของนาย สามารถกลั้นหายใจได้ถึง 5 นาทีโดยที่ไม่ต้องฝึกฝนเลย"
“ไปตายซะ” โกสต์ยังคงพูดท้าทาย ขณะที่ใบหน้าของเขาเผยความหวาดกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด
[เก็บเกี่ยวพลังงานด้านลบ]
[+20 EXP]
[แถบ EXP: 55/120 > 75/120]
“แต่นายรู้อะไรไหม 5 นาทีนี้ ไม่ได้มีความหมายสำหรับฉันเลย เพราะฉันสามารถกลั้นหายใจได้ถึง 10 นาทีจากการฝึกฝนทั้งหมดของฉัน และ ฉันได้ยินเกี่ยวกับบันทึกของผู้วิวัฒที่สามารถกลั้นหายใจได้ถึง 24 นาที”
“นายสามารถจินตนาการได้มั้ย? แม้แต่คนที่ไม่มีพลังอำนาจแบบฉันในตอนนั้นก็ยังสามารถทำได้ดีกว่านายเลย?” อัลดิช เยาะเย้ย โกสต์ “และฉันแน่ใจว่านายสามารถทำได้ดีมากกว่านี้หากนายได้รับการฝึกฝนอย่างจริงจัง”
“หากนายพยายามอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอดต่อไป และ หากนายไม่ได้ติด X จนกก่อให้เกิดความทุกข์ บางทีนายอาจจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้”
อัลดิช ก้าวออกไปและโบกมือให้ อันเดด อีกครั้งจากนั้นพวกเขาก็รุมล้อม โกสต์ อย่างโหดเหี้ยมขณะที่เขากลั้นหายใจและทำให้ตัวเองจับต้องไม่ได้ ในขณะนี้ พื้นดินที่อยู่ใต้เขาล้วนถูกฉีกออกจนหมด ณ จุดนี้ หญ้าทั้งหมดถูกฉีกออกและสิ่งสกปรกก็ควักออกมาด้วยรอยกรงเล็บที่นุ่มลึก
อัลดิช นั่งบนก้อนหินและรอ เขาได้ตั้งเวลาอีกครั้ง
คราวนี้ โกสต์ ใช้เวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้น
เขาตะโกนอีกครั้งในขณะที่เขาได้รับบาดเจ็บจากการถูกบาดและกัดรอบใหม่
จากนั้น อัลดิช ก็ยกมือขึ้นและหยุด อันเดด จากนั้นเขาก็เดินไปหาโกสต์
โกสต์ ได้สูดลมหายใจเข้าลึก ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะตาข้างหนึ่งของเขาถูกกรงเล็บควักออกมา จนทำให้เลือดไหลออกมาจากเบ้าตาขณะที่เนื้อรอบๆ ก็เริ่มเน่าเปื่อย
“อา” อัลดิชพูดเมื่อเห็นลูกตาสีแดงของโกสต์กลิ้งอยู่บนดิน เขาหยิบมันขึ้นมาแล้วโยนให้เอเลเน่ "เอาล่ะเอเลเน่ ฉันหวังว่ารสชาติของการแก้แค้นในครั้งนี้จะทำให้เธอเอร็ดอร่อย และเธอจะได้อะไรมากกว่านี้อีกในเร็วๆ นี้"
เอเลเน่กลืนลงไปทั้งลูกตาและเลียริมฝีปากที่เปื้อนเลือดของเธอ
“อา-อัลดิช-ฟังฉันก่อน!” โกสต์กล่าว
“หืม จำชื่อฉันได้แล้วงั้นเหรอ” อัลดิชกล่าวขณะที่มองไปที่โกสต์ “นายอยากจะพูดอะไรกับฉันล่ะ?”
“ฉันสามารถช่วยนายได้” โกสต์พูดอย่างตะกุกตะกัก “ไม่ใช่ว่านายต้องการจัดการกับ เซ็ท และ พรรคพวกของเขาหรอกเหรอ ฉันสามารถล่อพวกเขามาที่นี่ได้!”
อัลดิช มองลงมาที่ โกสต์ ที่ร้องขอชีวิตโดยไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่ใช่แค่ว่า อัลดิช รู้สึกเฉยชาต่อความทุกข์ทรมาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความทุกข์ทรมานจากผู้ที่สมควรได้รับมัน มันเป็นเพราะอย่างอื่นด้วย เพราะการเป็นอันเดดทำให้จิตใจของเขา…เย็นชาลง
เขามีความรู้สึกที่น้อยลง
เมื่อเขาเห็น โกสต์ ขอร้อง เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีมนุษย์กำลังอ้อนวอนเขา แต่รู้สึกเหมือนว่าแมลงสาบกระตุกขา ขอร้องให้กระทืบมันให้จมลง
สิ่งนี้มันน่าขยะแขยง
โกสต์เห็นความรังเกียจในสายตาของ อัลดิช และเริ่มอ้อนวอนหนักขึ้น
“ฉันสามารถบอกนายถึงจุดอ่อนของ เซ็ท โซลาร์! ไม่ใช่สิ เป็นจุดอ่อนของทั้งครอบครัวของเขา!” โกสต์กล่าว
"โอ้ แล้วมันคืออะไร?" อัลดิชกล่าวถาม
"มัน-มัน-เป็น คริปติกส์!" โกสต์กล่าว "คริปติกส์ สามารถดูดกลืนพลังของตระกูล โซลาร์ได้!"
อัลดิช จำได้ว่า คริปติกส์ คืออะไร มันเป็นแร่กัมมันตภาพรังสีสูงที่พบในร่องลึกของโดมมืด ซึ่งเป็นรังขนาดใหญ่ของ วาแลน ที่ตั้งอยู่เหนือมหาสมุทรแปซิฟิก ที่เรียกว่าโดมมืดเพราะที่นั่น เต็มไปด้วยสสารบางอย่างที่ปล่อยออกมาจนทำให้พื้นที่ภายในนั้นดำมืด
และ คริปติกส์ ก็เป็นแร่ผลึกที่หาได้ยากและอันตรายเป็นอย่างมาก โดยส่วนใหญ่มันใช้สำหรับการวางยาพิษ แม้จะบดเป็นผงใส่ในของเหลวหรือทำให้มันระเหยไปในอากาศมันก็สามารถฆ่าใครก็ตามที่ไม่มีความทนทานหรือภูมิคุ้มกันได้อย่างง่ายดาย
อีกทั้งสิ่งนี้ยังเป็นเครื่องมือของนักฆ่าระดับสูงสุดที่โลกชื่นชอบอีกด้วย
“น่าสนใจ” อัลดิช บ่นพึมพัมออกมา แน่นอนว่าเขาไม่มีทางได้รับ คริปติกส์ ในตอนนี้ แต่มันก็ยังเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์
“นะ-รีบปล่อยฉันเร็วเข้า อัลดิช!” โกสต์กล่าว “ฉันบอกทุกอย่างที่รู้ไปหมดแล้ว! ถ้า เซ็ท รู้เรื่องนี้เข้า เขาจะฆ่าฉันอย่างแน่นอน ฉันมั่นใจ ไม่สิ ทั้งตระกูล โซลาร์ จะตามล่าฉัน ดังนั้นได้โปรด ปล่อยฉันไปเถอะ”
“ฉันจะหนีไปให้ไกลจากที่นี่ จะไม่ให้นายพบเห็นหน้าฉันอีกเลย ฉันจะไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งและใช้ชีวิตอย่างเงียบๆ ดังนั้นแม้แต่เสียงนายก็จะไม่ได้ยิน!”
“นายไม่ต้องกังวลหรอกว่า เซ็ท โซลาร์ จะรู้เรื่องนี้…” อัลดิช กล่าว
ชั่วขณะหนึ่ง ใบหน้าของโกสต์ก็สว่างขึ้นและพบเจอกับความหวัง
“เพราะยังไงแกก็ต้องตายที่นี่” อัลดิช กล่าว เขาหันหลังกลับและโบกมือให้พวกอันเดดก้าวไปข้างหน้า
คราวนี้ อัลดิช ไม่ได้ตั้งเวลาไว้ เขาปล่อยให้ซอมบี้ฉีกโกสต์อย่างไม่หยุดหย่อน ซึ่งสิ่งนี้ทำให้โกสต์กรีดร้องอีกครั้งและหลังจากนั้นไม่กี่นาที เขาก็พยายามกลั้นใจอีกครั้ง 1 นาทีต่อมา เขากรีดร้องอีกครั้งและสูดหายใจเข้าอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
มันเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่ง โกสต์ ได้สูญเสียชิ้นส่วนร่างกายของตัวเองไปอย่างช้าๆ ทีละนิด จนกระทั่งการหายใจทีละลมหายใจ และ อัลดิช ก็มองดูขณะที่เขายังคงฟาร์มพลังงานด้านลบจากเขาต่อไป
จนในที่สุด - มันก็จบลง
และผลตอบแทนก็ไหลเข้ามา
[เก็บเกี่ยวพลังงานด้านลบ พลังงานทั้งหมดที่เก็บเกี่ยว: +70 EXP]
[ภารกิจ: การแก้แค้นเสร็จสมบูรณ์]
[-ความตายของ โกสต์]
[+200 EXP, +200 เหรียญ]
=
[แถบ EXP: 75/120 > 345/120]
[เลเวลอัพ!]
[เลเวล: 4 > 5]
[แถบ EXP: 225/200]
=
[เลเวลอัพ!]
[แถบ EXP: 25/250]
[เลเวล 5 > 6]
=
[ได้รับแต้มกระจายค่าสถานะ + 10]
[ได้รับ x1 หนังสือแห่งความมืด เลเวล 2]
[ได้รับ x1 ตราสัญลักษณ์ของโลกใต้พิภพ]