ตอนที่ 585 : บอกมาเลยว่าเท่าไหร่!
ตอนที่ 585 : บอกมาเลยว่าเท่าไหร่!
ซูไต้หมิงยืนมองด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เถ้าแก่ร้านแบนนี้?
ปรากฏว่าเขาเป็นปรมาจารย์ที่ซ่อนเร้นตัว?
เขาทำอาหารเก่งกว่าตู้ซู่เหวินงั้นหรอ?
ทำไมกัน?
เจียงเฉินพูดอย่างแผ่วเบา “คุณกรรมการ อย่ามัวแต่ดูสิ กินมัน ลองชิมเลย!”
ซูไต้หมิงกัดฟันและหั่นสเต็กอย่างสาปแช่ง
ในขณะที่คนทั้งร้านอาหารซินหรงจี่ก็พากันเดือด!
เพราะมันน่าอร่อยมาก!
เมื่อมีดที่ถูกเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อตัดเมอแรงค์ได้ทำหน้าที่ของมัน ในขณะที่สเต็กถูกเปิดออกสเต็กสีชมพูที่ถูกห่อเอาไว้ด้วยเมอแรงค์ก็มีน้ำสเต็กไหลรินออกมาอย่างสวยงาม!
“โอ้พระเจ้า มันจะต้องอร่อยมากแน่ๆ”
"ฉันแทบจะอดใจไม่ไหวแล้ว!"
"วันนี้ฉันมาไม่เสียเปล่าจริงๆ! มันคุ้มมาก!"
"แค่ได้ดูอาหารจานนี้ก็มีความสุขแล้ว"
นักชิมและคนตะกละหลายคนต่างก็จ้องมองไปที่สเต็กที่เจียงเฉินทำขึ้น
ด้วยใบหน้าที่มืดมน ซูไต้หมิงจิ้มสเต็กชิ้นหนึ่งแล้วใส่เข้าไปในปากของเขา
กลิ่นหอมของสเต็ก ฟัวกราส์ และเมอแรงค์ละลายในปาก~~
ซูไต้หมิงอดไม่ได้ที่จะหายใจเข้าลึกๆ~~
นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้กินของอร่อยๆ แบบนี้?
ไม่สิ!
เมื่อเทียบกับอาหารของเจียงเฉินแล้วอาหารที่เขาเคยกินมาก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่อาหารหมูเท่านั้น
ตู้ซู่เหวินที่อยู่ด้านข้างก็อดใจเอาไว้ไม่ได้ เธอเอามีดหั่นสเต็กแล้วเอาเข้าปาก...
สีหน้าของเธอช่างเต็มไปด้วยความเพลิดเพลินอย่างแท้จริง~~
“ใช่แล้ว มันยอดเยี่ยมมาก! เจียงเฉิน! จานนี้จานที่ดีที่สุดที่ฉันเคยกินมาเลย! จานที่ซูไต้หมิงทำก่อนหน้านี้มันแย่กว่าของนายมาก!”
ซูไต้หมิง: (╯‵□′)╯︵┻┻!
กระโดดขึ้น!
“ไร้สาระ มันจะเป็นไปได้ยังไง ฉันเก่งกว่าเขามาก สเต็กของเขามันคืออะไรก็ไม่รู้!”
ผลลัพธ์~~
ก่อนที่เขาจะพูดจบ นักทานที่อยู่ด้านข้างก็อดไม่ได้!
พวกเขารีบเร่งเข้ามาล้อมโต๊ะไว้!
มีดคนละเล่ม!
ไม่นานสเต็กเนื้อเวลลิงตันของเจียงเฉินก็ถูกพวกเขานำไปแบ่งกินกันจนหมด
ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ลิ้มรสสเต็กของซูไต้หมิงแล้วและครั้งนี้พวกเขาได้ลิ้มรสสเต็กของเจียงเฉิน~~
"พระเจ้าช่วย มันจะอร่อยเกินไปมั้ย"
“เปรียบเทียบกันไม่ได้เลย! ของซูไต้หมิงห่วยแตกไปทันที!”
“ใช่แล้ว! ก่อนหน้านี้ ฉันคิดว่าสเต็กของซูไต้หมิงเป็นอาหารชั้นยอดแล้ว แต่หลังจากทานของเจียงเฉิน ฉันก็รู้ได้ทันทีว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า!”
“นี่มันอร่อยเกินไปแล้ว! ฉันคิดว่าเจียงเฉินแข็งแกร่งกว่าซูไต้หมิงมาก!”
นักทานหลายคนคุยกัน
สิ่งต่างๆมีความชัดเจน
ผู้คนนมีสายตาที่เฉียบแหลมและมีความเป็นกลาง
ใครกันที่แข็งแกร่งกว่าและใครกันที่อ่อนแอกว่าพวกเขานั้นสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
ซูไต้หมิง: "..."
(╯‵□′)╯︵┻┻!
ให้ตายเถอะ!
ฉันแพ้จริงๆเหรอ?
เป็นไปไม่ได้!
“ฮึ่ม! ฉันจะบอกข้อบกพร่อง 10 ข้อของสเต็กนี้! พวกคุณเป็นแค่คนธรรมดา แต่ฉันเป็นเชี่ยวชาญ! ดังนั้นฟังผู้เชี่ยวชาญซะ!”
แม้จะพูดออกมาแบบนั้นแต่ซูไต้หมิงก็ไม่ได้มั่นใจ
ด้านข้างตู้ซู่เหวินส่ายหัวและพูดว่า “กรรมการซูไต้หมิง ฉันไม่ได้สงสัยความคิดเห็นของคุณ ฉันคิดว่าสเต็กของคุณดีมาก แต่สเต็กของเจียงเฉินนั้นดีกว่าของคุณ ความจริงมันก็ไม่ได้มีอะไรมากเลยนอกจากคุณควรยอมรับความล้มเหลวของคุณและอย่าทำตัวเห็นแก่ตัวอีกต่อไป”
ซูไต้หมิงพูดอย่างโกรธเคือง "ฉันเป็นกรรมการหรือเธอที่เป็นกรรมการ? ฉันเท่านั้นที่มีสิทธิ์พูด! ซินหรงจี่ของเธอมันห่วยแตก! เธอทำอะไรได้บ้าง หะ เธอทำอะไรได้บ้าง ฉันจะยกเลิกดาวของร้านนี้ให้หมด!"
เขาหยิบแผ่นคะแนนของกรรมการออกมาแล้วใส่ X ตัวใหญ่บนชื่อของร้านซินหรงจี่!
ตู้ซู่เหวินหลั่งน้ำตา
ซินหรงจี่ถูกถอดออกจากมิชลินสตาร์โดยซูไต้หมิงอย่างจงใจและหยิ่งผยอง!
ไม่มีร้านอาหารมิชลิน 3 ดาวอีกต่อไป!
ซูไต้หมิงหัวเราะออกมา "เป็นอย่างไรบ้างล่ะ ยังจะกล้ามาพูดกับฉันอีกไหม"
แต่ใครจะรู้~~
เจียงเฉินพูดออกมา “อย่างนายเนี่ยนะ? คิดว่าตัวเองมีอำนาจขนาดนั้นเลยหรอ? คิดว่าการเป็นกรรมการของมิชลินมันดีขนาดนั้นเลยหรอ?”
" ใช่แล้ว!"
ซูไต้หมิงพูดอย่างภาคภูมิใจ "ฉันเป็นกรรมการมิชลินระดับ 3 ดาว มันน่าทึ่งจริงๆ!"
เจียงเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาโจวหมิง
“คุณโจว ผมได้ยินมาว่าคุณสนิทกับเจ้าของบริษัทมิชลินใช่ไหม?”
โจวหมิงพูดออกมาด้วยความมั่นใจ “ใช่แล้ว พวกเราซื้อวิลล่าที่ประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วอยู่ใกล้ๆกันพอดีก็เลยถือว่าเป็นเพื่อนบ้านกันแล้วเราก็ชอบไปเล่นกอล์ฟด้วยกันด้วย ว่าแต่มีอะไรงั้นเหรอ?”
เจียงเฉินพูดออกมา “ก็ไม่มีอะไรมาก ช่วยไปถามเขาให้หน่อยว่าเขาต้องการที่จะขายบริษัทของเขาไหม?”
“อะไรนะ?”
ซูไต้หมิงรู้สึกว่าตัวเองได้ยินเสียงฟ้าร้อง~~
ฉันไม่ได้ได้ยินผิดไปใช่ไหม?”
เจ้าเด็กคนนี้ไม่คุกเข่าขอร้องแต่มันกลับ~~
จะซื้อบริษัท?
ซูไต้หมิงคิดได้แบบนั้นเขาก็หัวเราะออกมาทันที
“ฮ่าๆๆๆ มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน! แกรู้รึเปล่าว่านั่นคือบริษัทอะไร?! นั่นคือมิชลิน! บริษัทผลิตยางรถยนต์ที่มีชื่อเสียงที่สุดบนโลก! นายต้องการซื้อบริษัทมิชลินเพื่อรักษาดาวของร้านอาหารตัวเองเนี่ยนะ? มันแปลกมาก!”
“นั่นเป็นถึงบริษัทมิชลิน อย่างนายจะไปมีเงินซื้อได้ยังไงกัน?!”
มิชลินเป็นบริษัทผลิตยางรถยนต์ที่มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งโลกแต่ว่าพวกเขานั้นได้ทำหนังสือร้านอาหารแนะนำหนังสือนำเที่ยวออกมาและด้วยมาตรฐานที่มิชลินตั้งเอาไว้มันก็ได้รับการยอมรับจากผู้คนเป็นจำนวนมากและทางมิชลินก็ได้ทำการจัดอันดับร้านเอาไว้ด้วยดาวและร้านอาหารระดับสามดาวก็เป็นร้านอาหารที่อยู่ระดับสูงที่สุดและด้วยความเข้มงวดของทางมิชลินทำให้ร้านอาหารที่มีถึง 3 ดาวนั้นมีเพียงแค่ 40 แห่งจากทั่วทั้งโลกเท่านั้น!”
และเหตุผลที่ซูไต้หมิงกล้าที่จะหยิ่งผยองนั่นก็เพราะมิชลินนั้นเป็นบริษัทที่ติดอันดับ 500 อันดับแรกของโลก!
ในปี 2018 รายได้ประจำปีของมิชลินอยู่ที่สองหมื่นหกพันล้านดอลลาร์สหรัฐ!
โดยมีกำไรสูงกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ!
บริษัทที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้จะต้องใช้เงินสักเท่าไหร่ในการซื้อมัน?
แล้วคนอย่างเจียงเฉินจะซื้อได้งั้นหรอ?
ดังนั้นซูไต้หมิงจึงหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
ลูกค้าที่อยู่รอบๆก็พากันตกตะลึงเช่นกัน
“พระเจ้าช่วย เขาจะซื้อบริษัทมิชลินงั้นหรอ?”
“บริษัทที่ติด 500 อันดับแรกของโลก!”
“รายรับต่อปีอยู่ที่สองหมื่นหกพันล้านดอลลาร์สหรัฐ! ถ้าคำนวณเป็นเงินหยวนนั่นคือเงินสองแสนล้านเลยนะ!”
“สัตว์ร้ายแบบนี้แต่เขากล้าที่จะซื้อมันเพียงเพราะการประเมินร้านอาหารงั้นหรอ? นี่มันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ?”
แต่ใครจะรู้~~
เจียงเฉินเพียงแค่มองเขาเล็กน้อยและไม่สนใจก่อนจะหันกลับไปพูดกับโจวหมิงว่า “ใช่แล้ว บอกเขาว่าผมต้องการซื้อมิชลิน”
“ฮ่าๆๆๆ~~”
ซูไต้หมิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็หัวเราะออกมาจนน้ำตาเล็ด!
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าแกแกล้งทำเป็นคุยโวหรือยังไง แต่คนอย่างแกจะสามารถซื้อบริษัทที่ติดอันดับ 500 อันดับแรกของโลกเพื่อร้านอาหารของแฟนสาวของตัวเองเนี่ยนะ? แกจ่ายไหวงั้นเหรอ?”
ในเวลานี้เอง~~
สายของโจวหมิงก็โทรกลับเข้ามาอีกครั้ง!
“ฉันเพิ่งติดต่อกับคุณดีวาโน่ ประธานบริษัทมิชลิน”
“คุณดีวาโน่ สนใจข้อเสนอของนายมาก ตอนนี้เรากำลังเดินทางไปหานายเพื่อเจรจาเรื่องนี้กัน”
“ตอนนี้เหลือเพียงแค่นายจะเสนอราคาเท่าไหร่แล้ว”
เจียงเฉินพูดออกมาอย่างเย่อหยิ่ง “บอกคุณดีวาโน่ไปว่าไม่ว่ามูลค่าในตลาดปัจจุบันเค้าจะเป็นเท่าไหร่ ผมจะให้เพิ่มอีก 30% ลองถามเค้าได้เลยว่าเขาจะขายหรือเปล่า”
ฝั่งของโจวหมิงก็เงียบไป~~
ในร้านอาหารซินหรงจี่ยิ่งเงียบ!
ผู้คนนับไม่ถ้วนตะลึง!
พระเจ้า!
หยิ่งผยองเกินไปแล้ว!
ไม่ว่ามูลค่าตลาดของมิชลินในปัจจุบันจะเป็นเท่าไหร่ ฉันจะให้เพิ่ม 30% เพื่อซื้อบริษัทมิชลินแห่งนี้!
นี่บริษัทที่ติด 500 อันดับแรกของโลกเลยนะ!
นี่คือบริษัทที่มีรายรับกว่าสองแสนล้านหยวนต่อปี!
นี่มันจะโหดเกินไปหรือเปล่า?
ทำไมถึงได้ทำตามอำเภอใจขนาดนี้?
ในเวลานี้เอง
โจวหมิงที่กำลังตกตะลึงก็วางโทรศัพท์แล้วมองไปที่ดีวาโน่ที่ก็ตกตะลึงเช่นกัน
ดีวาโน่เป็นประธานและซีอีโอของบริษัทมิชลิน
เขาอ้าปากกว้างแล้วมองไปที่โจวหมิงอย่างไม่อยากจะเชื่อ
บรรยากาศในรถเงียบไปครู่หนึ่ง
“คุณโจวหมิง เพื่อนของคุณเป็นใครกันทำไมเขาถึงได้หยิ่งผยองขนาดนี้?”
ดีวาโน่ถามออกมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง “เพิ่ม 30% เขาแน่ใจงั้นหรอ? เขารู้หรือเปล่าว่ามูลค่าของบริษัทมิชลินในตลาดตอนนี้มันอยู่ที่เท่าไหร่ เขารู้หรือเปล่าว่าบริษัทระดับโลกอย่างเราแม้ว่าจะขายหุ้นเพียงแค่ส่วนเดียวแต่ก็จะมีคนที่จะพากันแย่งซื้ออยู่ตลอดเวลา~~”
โจวหมิงหัวเราะและพูดออกมาอย่างเย่อหยิ่ง “นี่ ถ้าเป็นคำถามเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเขาแล้วก็ไม่ต้องกังวลไปหรอก! แม้ว่าน้องชายของฉันจะยังไม่ได้แก่ แต่ความแข็งแกร่งของเขาไม่มีใครเทียบได้อย่างแน่นอน!”
ดีวาโน่มองด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
โจวหมิงยิ้ม "คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับบริษัทเจียงชิปที่กำลังเป็นที่นิยมมากเมื่อเร็วๆนี้ไหม"
“อะไรนะ? บริษัทที่คิดค้นชิปโฟโตนิกส์ข้ามยุคนั่นน่ะหรอ? บริษัทเจียงชิปที่รับเงินกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์จากบริษัทฮัวเหลียน”
ดีวาโน่ตกตะลึงและตะโกนออกมาทันที
“ใช่ นั่นคือบริษัทของน้องชายฉัน!”
โจวหมิงพูดออกมา "ฉันไม่รู้หรอกนะว่าทำไมเขาถึงต้องการที่จะซื้อบริษัทมิชลิน แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันมั่นใจและลูกก็คือเขามีคุณสมบัติอย่างแน่นอน!”
“พอ! พอ!”
ดีวาโน่พยักหน้าด้วยความตื่นเต้นครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อคิดถึงเรื่องนี้~~
ราคาพิเศษบวกเพิ่มสามสิบเปอร์เซ็นต์!
ต้องรู้ก่อนว่ามูลค่าของหุ้นในตลาดของหุ้นนั้นมีค่าอยู่เสมอ แต่ว่ามันจะมีค่าอย่างแท้จริงได้ก็ต่อเมื่อมันสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้เท่านั้น!
เขาสั่งคนขับรถอย่างใจร้อนทันที “เร็วเข้า เร็วเข้า! เราต้องรีบไปที่ซินหรงจี่ก่อนที่เจ้าของเงินรายใหญ่ของเราจะหมดความอดทนกับความสนใจ!”
คนขับรถที่ได้ยินแบบนั้นก็เหยียบคันเร่งจนสุด!
และหลังจากนั้น 5 นาที รถยนต์ก็ได้วิ่งฝ่าไฟแดงมากกว่า 12 ครั้งและพาดีวาโน่และโจวหมิงเสี่ยงชีวิตมาจนถึงร้านซินหรงจี่
กระหืดกระหอบ!
ซูไต้หมิงก็ประหลาดใจทันทีเมื่อเขาได้เห็นการมาถึงของดีวาโน่!
พระเจ้าช่วย!
เขานั้นเคยพบกับดีวาโน่มาก่อนในงานประชุมประจำปีของมิชลิน
นี่เรื่องจริงหรือหลอก?
เจียงเฉินมีความสามารถในการเชิญคุณดีวาโน่มาได้จริงๆงั้นเหรอ?
เขาจะซื้อมิชลินจริงๆงั้นเหรอ?
เขาลุกขึ้นแล้วต้องการเข้าไปหาคุณดีวาโน่ทันที
แต่ใครจะรู้~~
ดีวาโน่กลับมาสนใจเขาเลยแม้แต่น้อยและเดินตรงไปหาเจียงเฉินก่อนที่จะกอดเขา!
“คุณเจียงเฉินที่รักของผม! น้องชาย! ขอให้พระเจ้าอวยพรคุณ! คุณจะซื้อบริษัทมิชลินของเราจริงๆใช่ไหม?”
เจียงเฉินไม่สามารถทนต่อความกระตือรือร้นของชายชาวยุโรปคนนี้ได้ดังนั้นเขาจึงก้าวถอยหลังออกมาแล้วพูดออกมาว่า “ใช่แล้ว”
“แต่อย่างที่ผมพูดไปเมื่อกี้ บริษัทมิชลินของเราเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำที่ติด 500 อันดับแรกของโลกและมันมีราคาที่แพงมาก~~”
ดีวาโน่พูดพร้อมกับกางมือออก
เจียงเฉินก็พูดออกมาทันทีว่า “พูดออกมาได้เลยว่าเท่าไหร่”
ดิวาโร่อึ้งไปทันที~~
การเข้าซื้อกิจการครั้งใหญ่ของบริษัทที่ติดอันดับ 500 อันดับแรกของโลกมันจะไปเหมือนการซื้อกะหล่ำปลีได้ยังไงกัน?
นี่มันไม่ใช่การซื้อขายของตามร้านแผงริมถนนนะ!
เราควรจะมีการเจรจาที่ดีก่อนไม่ใช่หรอ?
“โอ้ คุณเจียง มูลค่าทางตลาดของเหล่านั้นสูงมาก นอกจากนี้ผู้ถือหุ้นรายอื่นๆก็ยังมีการโต้แย้งกันว่าคุณจะซื้อเป็นเงินสดหรือว่าผ่อน แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็ชอบเงินสดมากกว่า~!”
“เงินสดทั้งหมด!”
เจียงเฉินพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “ราคาเท่าไหร่?”
“มูลค่าทางตลาดของเราปัจจุบันมีมูลค่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ!”
ดีวาโน่กัดฟัน!
อันที่จริงมูลค่าตลาดโดยรวมของมิชลินเมื่อปิดตลาดเมื่อวานนี้ก็คือสองหมื่นเก้าพันเจ็ดร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
แต่เขาจงใจพูดเพิ่มไปอีกนิดหน่อย
เจียงเฉินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรหาหัวหน้าฝ่ายการเงินส่วนตัวของเขาโดยที่ไม่ได้ตอบดีวาโน่
หัวหน้าฝ่ายการเงินคนนี้ทำงานกับจียงฉันมาหลายปีแล้วเดิมที่เธอเป็นเพียงแค่ผู้ช่วยด้านการเงินแต่ในตอนนี้เธอได้รับการเลื่อนตำแหน่งทีละขั้นจนตอนนี้ถือได้ว่าเธอเป็นคู่หูของเจียงเฉินไปแล้ว
“ฉันต้องการซื้อบริษัทมิชลิน”
เจียงเฉินพูดออกมา “โอนเงินให้พวกเขาสามหมื่นเก้าพันล้านดอลล่าร์!”
“รับทราบค่ะเจ้านาย! รอสักครู่นะคะ”
เสียงของผู้หญิงที่ไพเราะก็ดังขึ้นจากปลายสาย ไม่จำเป็นต้องมีการถามอะไรเพิ่มเติม หลังจากพูดคุยกันเล็กน้อยเธอก็ตอบรับอย่างรวดเร็ว “เจ้านาย เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ”
เจียงเฉินวางโทรศัพท์ลงแล้วพูดกับดีวาโน่ว่า “เงินถูกโอนไปให้คุณแล้ว”
“เร็วมาก?”
ดีวาโน่อึ้ง!
ผู้คนอึ้งกันทั้งร้าน!
พระเจ้าช่วย นั่นมันเงินจำนวนสามหมื่นเก้าพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯเลยนะ!