ตอนที่แล้วตอนที่ 37 จักรพรรดิน้ำแข็ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 39 ความผิดปกติในหุบเขาสายลม

ตอนที่ 38 กลุ่มคนในทุ่งหญ้าสายลม


“ว่าไงนะ?”

เฉินเสี่ยวอี่ที่เพิ่งสู้เสร็จหันมาถามเฉินต้าเจี๋ยอีกครั้งเพราะไม่ได้ยินที่เขาพูด

เฉินต้าเจี๋ยชี้หุบเขาที่ห่างออกไป100เมตรและถามด้วยความสงสัย “นายไม่คิดว่าที่หุบเขามีการเคลื่อนไหวบางอย่างเหรอ?”

ทุ่งหญ้าสายลมเป็นทุ่งหญ้าที่มีลมแรงพัดตลอดเวลา

หญ้าบนพื้นสูงจนถึงเข่าของผู้เล่น

เมื่อสายลมพัดมา หญ้าที่ปลิวตามลมจะสะกิดขาของทุกคน

และในหน้าร้อนแบบนี้ทำให้เกือบทุกคนเลือกใส่กางเกงขาสั้น

เมื่อถูกหญ้าสะกัดเฉินเสี่ยวอี่จึงรู้สึกคันจนขนลุก

เขาก้มหน้าลงไปปัดน่องขาตัวเองขณะที่มองพี่ชาย

“หืม?”

เมื่อได้ยินสิ่งที่พี่ชายพูด เฉินเสี่ยวอี่ก็หันไปมองหุบเขาที่อยู่ไกลออกไป

ด่านที่สองคือหุบเขาสายลมซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีเนินเขายาวสองกิโลเมตรประกบกัน

มีทางเข้ากว้างเพียงสิบห้าเมตรเท่านั้น

ตอนนี้มีเถาวัลย์สีเขียวเข้มที่มีหนามแหลมจำนวนนับไม่ถ้วนพันกันเป็นกำแพงเถาวัลย์สูง30เมตรขวางทางด้านหน้าไว้

เถาวัลย์นี้สร้างโดยบอสมอนสเตอร์ต้นเถาวัลย์

เถาวัลย์มีความยืดหยุ่นอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจนกว่าบอสมอนสเตอร์จะตาย

ต่อให้โดนบอลไฟขนาดสิบเมตรยิงใส่มันก็ฟื้นฟูได้

แน่นอนว่ามีวิธีผ่านไปได้ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ทำแบบนั้น

เฉินเสี่ยวอี่จ้องผนังเถาวัลย์และจับตามองอยู่ครู่หนึ่ง

หลังจากยืนมองสองสามวินาที เขาก็ขมวดคิ้วพูดกับพี่ชาย “ไม่เห็นมีอะไรเลย ข้างในมันสงบมากเลยไม่ใช่เหรอ?”

“เอ๋? จริงเหรอ? แต่ฉันได้ยินเสียงลมแรงมาจากข้างใน…ฮ่าฮ่า บางทีฉันอาจจะหูฝาด!”

เฉินต้าเจี๋ยลูบหลังศีรษะแล้วหัวเราะ “ฉันนึกว่ามีใครกำลังสู้กับบอสด่านสองซะอีก”

“เป็นไปไม่ได้”

เฉินเสี่ยวอี่ปฏิเสธเขาทันที “ถ้าไม่เชื่อก็ลองมาดูเองสิ ตอนนี้ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย”

“ถ้ามีคนกำลังสู้กับบอสมอนสเตอร์อยู่จริงมันคงไม่เงียบขนาดนี้”

“ใช่”

ทั้งสองคนเลิกสนใจเรื่องนี้และหันไปสู้กับมอนสเตอร์ต้นเถาวัลย์ที่อยู่ใกล้ๆ

มันคือมอนสเตอร์ทุ่งหญ้าสายลม ลำตัวเป็นต้นไม้ที่ขยับได้ด้วยการกระโดด มีเถาวัลย์หนามแหลมยาวสองเส้นปกคลุมบนต้นไม้ เถาวัลย์นี้เป็นทั้งมือและอาวุธของมัน

เถาวัลย์จะส่งเสียง‘ฟิ้วฟิ้ว’เมื่อโบกไปมาราวกับว่าตีอากาศ แค่เสียงนี้ก็ทำให้รู้สึกกลัวได้แล้ว

แต่ต้นเดือนแรกหลังจากเสินลู่ปรากฏขึ้นก็มีคนเจอจุดอ่อนของต้นเถาวัลย์และบอสต้นเถาวัลย์

นั่นก็คือไฟ!

สกิลไฟสามารถสร้างความเสียหายได้มากขึ้น

ไม่ใช่แค่นั้น เพราะตรงนี้เป็นทุ่งหญ้าจึงมีใครบางคนคิดหาวิธีที่ฆ่ามอนสเตอร์ทั้งหมดในด่านสองด้วยการจุดไฟในทุ่งหญ้านี้

หลังจากทดสอบแล้วพบว่ามันมีประสิทธิภาพมาก

ข้อบกพร่องที่ใหญ่ที่สุดของบอสด่านแรกอย่างต้นเถาวัลย์คือไม่สามารถเคลื่อนที่ได้

ต่อให้แกว่งเถาวัลย์หนามได้หลายสิบหรือหลายร้อยอันพร้อมๆ แต่มันเป็นแค่ต้นไม้ใหญ่ที่เคลื่อนไหวไม่ได้

ตราบใดที่ผู้เล่นโจมตีจากนอกระยะโจมตีของมัน การฆ่ามันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น

และการใช้ไฟเผาหญ้าเป็นทางออกที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่เหตุผลที่ผู้เล่นเขต66ไม่ใช้วิธีนี้เป็นเพราะค่าประสบการณ์ของมอนสเตอร์ที่ถูกเผาด้วยเปลวไฟจะถูกแบ่งให้คนจุดไฟทุกคน

สำหรับผู้เล่นที่คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งถือว่าเป็นเรื่องขาดทุน

และผู้เล่นเกือบทุกคนคิดว่าตัวเองแข็งแกร่ง...

......

02:25น.ในช่วงเช้า

ภายใต้การล้อมด้วยบอลไฟของผู้เล่นหลายร้อยคนเกือบครึ่งชั่วโมง บอสด่านแรกต้นเถาวัลย์ได้ตายลง

แม้พวกเขาจะได้ค่าประสบการณ์มากกว่า100จากการฆ่าบอสมอนสเตอร์ แต่เมื่อเฉลี่ยแบ่งทุกคนแล้วพวกเขาจึงได้แค่ไม่เท่าไหร่

หลังจากต้นเถาวัลย์ล้มลงมันก็ดรอปสกิลบางอย่าง

ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นไม่ได้หยิบมันขึ้นมา

ในช่วง20ปีที่มีการพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆนี้ ประเทศต่างๆทั่วโลกตั้งกฎโดยไม่ได้เขียนไว้นานแล้ว

หนึ่งในนั้นคือ—

ของดรอปจากบอสมอนสเตอร์ที่ทุกคนฆ่าพร้อมกันจะเป็นของพันธมิตรผู้เล่น

และแต่ละประเทศจะมอบเหรียญทองจำนวนหนึ่งให้ผู้เล่นทุกคนในเขตนั้นเพื่อเป็นการชดเชย

ซึ่งเรื่องนี้เป็นการลดการต่อสู้กันระหว่างผู้เล่น

ทุกประเทศทั่วโลกสนับสนุนว่าผู้เล่นควรช่วยเหลือซึ่งกันและร่วมมือด้วยความสามัคคี

“ใครจะเป็นคนเอาไอเทมไปส่ง?”

“แน่นอนว่าต้องเป็นคนที่ทุกคนเชื่อใจ”

ตอนนี้ทุกคนมองกันไปมา สุดท้ายพวกเขาก็หันไปมองหญิงสาวที่แยกตัวออกจากกลุ่มผู้เล่นและยืนมองท้องฟ้าอยู่คนเดียว

เมื่อเห็นการจ้องมองของทุกคนเธอจึงหันกลับมา

เธอมองฝูงชนอย่างงุนงง

“หืม?”

“อ๋อ”

ขณะที่ลั่วเหยากำลังแหงนหน้ามองท้องฟ้าอยู่แล้วเห็นทุกคนจ้องมาที่เธอ เธอก็รู้สึกงงเล็กน้อยจนกระทั่งเห็นไอเทมที่ดรอปอยู่ที่พื้น

“ได้ ฉันจะทำเอง”

เธอพยักหน้าและพูดอย่างรวดเร็ว

เธอเพิ่งมาที่นี่

ตอนที่มาถึงเธอก็เห็นต้นเถาวัลย์ถูกฆ่าไปแล้ว

เธอรู้สึกเศร้าเล็กน้อยที่ไม่ได้ค่าประสบการณ์ในการฆ่าบอสมอนสเตอร์ และไม่มีมอนสเตอร์ตัวอื่นเหลืออยู่บนทุ่งหญ้าอีก แล้ว

ที่เธอแหงนหน้าขึ้นฟ้าคือกำลังคิดว่าจะทำอะไรต่อไป

หลังจากยอมรับ‘ภารกิจ’ส่งมอบไอเทมแล้ว ลั่วเหยาก็เดินไปตรงกลางแล้วหยิบไอเทมขึ้นมา

[คุณได้รับสกิล4ดาว[เกลียวเถาวัลย์]]

[คุณได้รับสกิล5ดาว[ดูดซับแรงกาย]]

[คุณได้รับไอเทมระดับD [จิตวิญญาณของต้นเถาวัลย์]]

[คุณได้รับไอเทมระดับE [กิ่งและใบของต้นเถาวัลย์]]

“ทุกคนเห็นเหมือนกันนะว่ามีไอเทมสี่ชิ้น”

เพื่อให้ทุกคนเห็นได้ชัดเจน เธอจึงหยิบขึ้นมาช้าๆทีละชิ้น

เมื่อเห็นว่าผู้คนรอบข้างพยักหน้าเห็นด้วย เธอจึงเก็บไอเทมด้วยความมั่นใจ

หลังจากเห็นลั่วเหยาเก็บไอเทมเสร็จ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นจึงเริ่มพูดคุยกันเมื่อเห็นว่ายังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง

“ยังเหลืออีกครึ่งชั่วโมง แล้วจะทำอะไรต่อล่ะ?”

“กลับไปที่ค่ายแล้วสู้กับมอนสเตอร์รอบนอก หรือว่านายอยากไปเส้นทางหลักต่อ?”

“จะเป็นแบบนั้นยังไง? มอนสเตอร์ด่านสองของเส้นทางหลักมีเลเวล15 มันไม่ใช่สิ่งที่พวกเราสู้ได้เลย”

“ล้อเล่นน่า กลับกันเถอะ”

“เปิดกำแพงเถาวัลย์กันก่อนเถอะ...”

การเปิดช่องเล็กๆบนกำแพงเถาวัลย์สูง30เมตรกว้าง15เมตรไม่ใช่ปัญหา

ผู้เล่นหลายคนก็ทำแบบนี้เช่นกัน

คนมากมายไม่อาจระงับความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองได้ พวกเขาต้องการเห็นสภาพแวดล้อมและมอนสเตอร์ในด่านต่อไป

แม้ว่าจะเคยเห็นในฟอรัมมาแล้ว

แต่เมื่อพวกเขาได้เข้ามาสัมผัสด้วยตัวเอง ความสดใหม่และความปรารถนาในการสำรวจก็ยังมีอยู่