ตอนที่ 146 ใคร? มายืนอยู่ข้างหน้าบ้าน
หวงเสี่ยวเว่ยรู้สึกตกใจเมื่อรู้ว่าถุงกระดาษที่เขาถือในมือตอนนี้มีเงินอยู่ข้างในถึง 100,000 หยวน มันเยอะมากในยุคนี้
ค่าแรงต่อหัวเดือนละ 30 หยวน แต่นี้คือเงิน 100,000 ซึ่งต้องทำงานอีกกี่ปีกว่าจะได้เงินเท่านี้
เงินจำนวนนี้สามารถเอาไว้กินไปจนตายก็ยังได้เลย
"พี่สาม"
มือของหวงเสี่ยวเว่ยสั่นเล็กน้อยที่รู้ว่าเงินในถุงมีมากถึง 100,000 หยวน ตอนนี้เขารู้สึกว่าในเงินภายในถุงหนักขึ้นมาทันที
ตั้งแต่เกิดมาหวงเสี่ยวเว่ยยังไม่เคยเห็นเงินเยอะขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ตอนนี้เขาต้องเป็นคนที่รับผิดชอบเงินจำนวนมหาศาลในถุงใบนี้
เขาไม่คิดเลยว่าการเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตจะต้องใช้เงินมหาศาลขนาดนี้ ขนาดตอนที่เปิดร้านอาหารวังหลวงยังใช้เพียงไม่กี่พันหยวนเท่านั้น
"ซูเปอร์มาร์เก็ตมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก นี่เป็นแค่ทุนเริ่มต้น การที่นายจะไปเช่าสถานที่หรือนำของมาขาย จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก"
ซูข่านอธิบายให้หวงเสี่ยวเว่ย
"เงิน 100,000 หยวน ถ้าในหนานจิงก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ถ้าไปเปิดที่เซียงเจียง"
"อาจจะได้ร้านสะดวกซื้อแทนร้านซูเปอร์มาร์เก็ตแทนก็ได้"
"ที่นั่นต้องใช้เงินหลายล้านในการเปิดซูเปอร์มาร์เก็ต"
ซูข่านได้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดออกมาช้าๆ
"เดี๋ยวฉันจะให้ซู่เฟิงไปทำงานกับนายด้วย เด็กคนนี้ขยันทำงานมากตอนอยู่กับฉัน ตอนนี้ถึงเวลาของเขาแล้ว"
"ซู่เฟิงเหรอครับ?"
หวงเสี่ยวเว่ยพยักหน้าของเขา
"โอเคครับ"
หวงเสี่ยวเว่ยรู้สึกอิจฉาซู่เฟิงเล็กน้อย มาทำงานกับพี่สามไม่เท่าไหร่ พี่เขาก็ให้งานใหญ่มาทำแล้ว
ตอนนี้เขาก็มีเพื่อนที่ช่วยในการสร้างซูเปอร์มาร์เก็ตกับเงิน 100,000 หยวนแล้ว
ตอนที่เปิดร้านอาหารวังหลวงกับเฒ่าจาง เฒ่าจางขอค่าตกแต่งร้านแค่ 1,000 หยวนเท่านั้น
แต่เป็นเพราะพี่สามใจกว้าง เขาได้ให้เงินมาถึง 5,000 หยวน
คนธรรมดากว่าจะหาเงินได้ถึง 5,000 หยวนต้องใช้เวลาสักกี่ปี
แถมตอนที่เสี่ยวหู่กับพี่หวางเอ๋อไปเปิดร้าน KFC พี่สามก็ได้ให้เงินพวกเขาถึง 20,000 หยวน
แต่ตอนนี้เงิน 100,000 ในการเปิดซูเปอร์มาร์เก็ต
นี่คือจุดเริ่มต้นที่สูงกว่าคนอื่นเยอะเลย
"กลับไปได้แล้ว"
หลังจากพูดจบซูข่านก็ได้โบกมือไล่หวงเสี่ยวเว่ยกลับ
"ได้ครับพี่สาม เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปที่ร้านวังหลวงแล้วคุยกับเฒ่าจางก่อน"
หวงเสี่ยวเว่ยกล่าวลา
ซูข่านพยักหน้า แล้วมองหวงเสี่ยวเว่ยที่กำลังเดินออกจากบ้านไป เขาได้กลับไปที่ห้องนั่งเล่นเปิดตู้ลิ้นชักแล้วเปิดกล่องขึ้นมาดู
ดูเหมือนว่าเงินจะยังเหลืออีกเป็นจำนวนมาก
ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยก็พอได้ใช้เงินไปแล้วบ้าง เดี๋ยวค่อยหาโอกาสใช้มันอีกเรื่อยๆ
ยังไงในปีนี้ก็ยังให้จางเฉียงเอาไปฝากกับธนาคารยังไม่ได้
เงินจำนวนมหาศาลขนาดนี้ ถ้าฝากเงินเข้าธนาคารต้องเดินเรื่องอะไรที่มันยุ่งยากและเสียเวลา นี่ยังไม่รวมถึงเวลาตอนถอนเงิน มันยุ่งยากกว่าตอนฝากอีก ซูข่านไม่อยากจะวุ่นวายกับธนาคารเท่าไหร่นัก
เขาได้คิดถึงในยุคที่มีอินเตอร์เน็ต คนรุ่นหลังนี่สะดวกสบายขึ้นเยอะ ทำทุกอย่างได้ด้วยเพียงมือถือเครื่องเดียว
ซูข่านกำลังจะขึ้นไปที่ห้องนอนของเขาเพื่อพักผ่อน
เขาได้เห็นเงาดำเงาหนึ่งอยู่ข้างนอกบ้าน
"ใคร"
ซูข่านตะโกนเสียงดัง
อากาศตอนกลางคืนหนาวมาก ใครกันที่มายืนอยู่ข้างหน้า
เฒ่าหลี่งั้นรึ? ถ้าเป็นเฒ่าหลี่เขาต้องเคาะประตูแล้ว
เขาไม่ทนกับอากาศหนาวข้างนอกนั่นหรอก
"พี่สาม หนูเองค่ะ"
เสียงของเสี่ยวผิงดังออกมาจากข้างนอกบ้าน ซูข่านขมวดคิ้วของเขา
ทำไมเธอถึงไม่เคาะประตูบ้าน?
"เกิดอะไรขึ้น?"
ซูข่านตะโกนถาม
"หนูเห็นหวงเสี่ยวเว่ยกลับไปแล้ว หนูได้เตรียมน้ำไว้สำหรับล้างเท้าให้พี่สามค่ะ"
"ไม่ต้อง กลับไปพักผ่อนได้แล้ว"
ซูข่านรีบส่ายหัวและตอบกลับเสียงแข็ง
"ค่ะ พี่สาม"
"ฮัด…ชิ้วววว"
จากนั้นก็มีเสียงจามของเสี่ยวผิงดังขึ้นมา ซูข่านได้ยินเขาก็ทำตัวไม่ถูก หญิงสาวตัวเล็กๆยืนอยู่ข้างนอกในสภาพอากาศที่หนาวมาก
จากนั้นเสี่ยวผิงก็ได้ผลักประตูเข้ามาในบ้าน ตอนที่หวงเสี่ยวเว่ยกลับไปเมื่อกี้ ซูข่านลืมเดินไปล็อคประตู
"อ่ะ พี่สาม ประตูบ้านไม่ได้ล็อคนี่คะ"
เสี่ยวผิงได้พูดหลังจากที่เปิดประตูบ้านเข้ามา เธอค่อยเดินเข้ามาหาซูข่านช้าๆ
ในมือของเธอถืออ่างกับกาต้มน้ำอยู่
"พี่สามคะ ให้หนูได้ล้างเท้าให้พี่สามนะคะ"
ดวงตาที่สวยงามของเสี่ยวผิงกระพริบด้วยความน่าเอ็นดู เมื่อซูข่านสบตากับเธอ เขาก็รู้สึกสงสารเธอเล็กน้อย
เมื่อเห็นแบบนี้แล้วซูข่านก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ลง ซูข่านได้นั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง
เสี่ยวผิงหลังจากที่ได้ยินสีหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความสุข เธอก้มไปวางอ่างและกาต้มน้ำลง
เสี่ยวผิงค่อยๆถอดรองเท้าแตะของซูข่านออก จากนั้นเธอก็ได้เทน้ำร้อนลงไปในอ่างน้ำ เธอค่อยๆเอามือแตะน้ำเพื่อเช็คอุณหภูมิอยู่เป็นระยะ
จากนั้นเธอก็เอามือของเธอจับเท้าของซูข่านลงไปในอ่างน้ำ
"พี่สามน้ำเย็นไปไหมคะ?"
เสี่ยวผิงเงยหน้าและมองไปที่ซูข่าน
ซูข่านมองไปที่เสี่ยวผิงแล้วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่ตอนนี้อากาศหนาว เสี่ยวผิงเลยสวมเสื้อผ้าค่อนข้างหนา ถ้าเป็นหน้าร้อนแล้วอยู่มุมนี้ละก็…
"อุ่นกำลังดีแล้ว"
ซูข่านพยักหน้า เขาหายใจเริ่มเร็วขึ้นด้วยความเขินอาย คนอื่นจะคิดยังไงถ้ามาเห็นภาพนี้ แถมยังอยู่ในตอนกลางอื่นอีกด้วย
หากว่าข่าวแพร่กระจายไป…
ภาพลักษณ์เราคงไม่เหลือแน่ๆ
ซูข่านได้มองดูเสี่ยวผิงกำลังเอามือของเธอล้างเท้าเขาอยู่ เขาสังเกตได้ว่ามือของเสี่ยวผิงสั่นเล็กน้อย
เธอกำลังกลัวอะไรบางอย่างอยู่
เสี่ยวผิงได้หลบสายตาซูข่านแล้วพูดกับตัวเองเบาๆ
"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เฒ่าหลี่บอกว่าอย่ากลัว"
เสี่ยวผิงพูดเสียงเบามาก แต่หูของซูข่านได้ยิน เขาไม่รู้ว่าเสี่ยวผิงพูดอะไรแต่จับใจความได้ว่าในประโยคนั้นมีคำว่าเฒ่าหลี่อยู่
"เฒ่าหลี่บอกให้เธอมาทำอย่างงี้งั้นเหรอ?"
"ไม่ค่ะ"
เสี่ยวผิงรีบตอนทันที เธอส่ายหัวของเธอแล้วปฏิเสธเสียงแข็ง
"พี่สาม เฒ่าหลี่ไม่ได้บอกให้หนูทำอะไรเลยนะคะ"
"ไม่เอาน่า"
ซูข่านกลอกตาของเขามองบน นี่คงเป็นความคิดแย่ๆของเฒ่าหลี่แน่นอน
"เธอโดนเฒ่าหลี่หลอกแล้วล่ะ"
ซูข่านพูดด้วยน้ำเสียงที่ช่วยไม่ได้
ในสวนหลังบ้าน เฒ่าหลี่หลับตาลงและนั่งอยู่บนเก้าอี้ บนโต๊ะมีวิทยุที่กำลังเล่นบรรเลงเสียงโบราณอยู่ เฒ่าหลี่ยิ้มที่มุมปากอย่างชั่วร้าย