ตอนที่ 144 ตกนรกและขึ้นสวรรค์
"ใครจะเป็นคนทำงานนี้ล่ะ?"
ซูข่านขมวดคิ้วขณะที่คิดถึงเรื่องคนที่มาจัดการเรื่องนี้
ในการที่จะเปิดซูเปอร์มาร์เก็ต จำเป็นต้องมีคนที่มีความสามารถในการจัดการได้ระดับหนึ่ง และต้องทำโดยคนที่เคยเห็นซูเปอร์มาร์เก็ตด้วยตาตัวเองมาก่อน
ตอนนี้คนของซูข่านส่วนใหญ่ยังเป็นคนครึ่งๆกลางๆกันทั้งนั้น และยังมีเพียงไม่กี่คนที่ได้ไปเดินห้างหรือซูเปอร์มาร์เก็ต
หากว่าให้คนที่ไม่เคยเห็นไปทำก็เหมือนกับการทำลายซูเปอร์มาร์เกตทางอ้อม
ซูข่านครุ่นคิดและก็ส่ายหัวให้กับความคิดของเขา
"KFC ตอนนี้เพิ่งเริ่มขยายสาขาที่สอง หวางเอ๋อไม่น่าเหมาะที่จะมาทำงานนี้แน่ๆ"
"เสี่ยวหู่…"
"เสี่ยวหู่ก็เป็นเด็กที่ยืดหยุ่นดี มีความฉลาด เขาชอบที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ แต่เขาไม่เคยเห็นซูเปอร์มาร์เก็ตมาก่อน"
"ถ้าเราปล่อยให้หวางเอ๋อไปจัดการ KFC เพียงคนเดียวแล้วดึงเสี่ยวหู่มาจัดการงานนี้"
ระหว่างที่คิดซูข่านก็รู้สึกมันยังไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไหร่
"ปล่อยพวกเขาสองคนไว้ที่ KFC ก่อนดีกว่า"
"จางเฉียงล่ะ?"
พอพูดถึงชื่อจางเฉียง ซูข่านก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
ไม่รู้จะคิดยังไงกับจางเฉียงดี เขาทำงานของเขาได้ดีในส่วนที่เป็นของลู่กั๋วเฉียง แต่เขาเพิ่งมาทำแทนลู่กั๋วเฉียงได้ไม่กี่เดือนเอง เปลี่ยนคนบ่อยอาจส่งผลไม่ดีกับลูกค้าเราก็ได้
มีใครอีกบ้าง?
ซูข่านได้คิดเกี่ยวกับคนที่อยู่รอบๆตัวของเขา ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นมาทันที
"ใช่แล้ว หวงเสี่ยวเว่ยไง เขาเคยไปที่เซียงเจียงกับเรา"
ในการเดินทางไปเซียงเจียงครั้งล่าสุดของซูข่าน เขาได้นำคนติดตามไปด้วย 2 คน ซึ่งนั่นก็คือลู่กั๋วเฉียงกับหวงเสี่ยวเว่ย พวกเขาทั้งคู่ได้เห็นและสัมผัสกับความเจริญในเมืองเซียงเจียงแล้ว
ไม่เพียงแค่เท่านั้น ซูข่านได้ให้ทั้งสองคนไปเปิดโลกธุรกิจกลางคืนอีกด้วย เมากันจนข้ามคืนเลยทีเดียว
ลู่กั๋วเฉียงก็ดูเหมาะสมที่จะทำงานนี้ไม่ใช่น้อย แต่ตอนนี้เขาอยู่ที่เผิงเฉิง
งานส่วนของเขาเองก็ทำไว้ได้ดีมากเช่นกันที่นั่น
ซูข่านได้บอกให้จางหม่านจัดการหาช่างเทคนิค 2-3 เพื่อทำงานเกี่ยวกับเทคโนโลยีของโรงงานที่เผิงเฉิง ตอนนี้เริ่มมีคนงานมาทำแล้ว
ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ผลิตจากโรงงานก็ได้ถูกส่งไปขายยังตอนเหนือของประเทศจีนอีกด้วย ซูข่านได้เห็นสินค้าพวกนั้นแล้ว คุณภาพก็ใช้ได้เลยทีเดียว
ตอนสิ้นปีอาจจะทำกำไรได้หลายล้านจากจุดนี้
ไม่ควรที่จะดึงลู่กั๋วเฉียงกลับมาตอนนี้
ที่สำคัญคือซูข่านต้องการที่จะทำกลุ่มอุตสาหกรรมแบบครบวงจร โรงงานอิเล็กทรอนิกส์ที่ลู่กั๋วเฉียงจัดการอยู่ เป็นตัวเชื่อมที่สำคัญที่สุด
หากว่าลู่กั๋วเฉียงไปจัดการซูเปอร์มาร์เก็ต น่าจะไม่มีใครเหมาะสมที่จะไปทำงานในโรงงานอิเล็กทรอนิกส์แทนเขาแล้ว
แสดงว่าตอนนี้เหลือตัวเลือกเพียงคนเดียวเท่านั้น หวงเสี่ยวเว่ย
หวงเสี่ยวเว่ยเป็นเด็กที่ซื่อสัตย์และขยันทำงานมาก เขามีประสบการณ์กับเฒ่าจางในร้านอาหารวังหลวงแล้วด้วย
หากว่าให้เขาไปจัดการ ซูข่านมั่นใจว่าเขาต้องทำได้ดีแน่นอน
ตอนที่อยู่ที่เซียงเจียง เขาน่าจะเห็นซูเปอร์มาร์เก็ตและการจัดการของร้านที่นั่นผ่านตามาไม่น้อย
ซูข่านได้คิดเกี่ยวกับหวงเสี่ยวเว่ย เขาตัดสินใจที่จะให้หวงเสี่ยวเว่ยทำงานนี้
ในตอนเย็น ซูข่านได้บอกซู่เฟิงให้ไปที่ร้านอาหารวังหลวงเพื่อบอกให้หวงเสี่ยวเว่ยมาหาเขาตอนร้านปิด
ในตอนกลางคืน ซูข่านที่กำลังนั่งเล่นอยู่ในบ้าน หวงเสี่ยวเว่ยก็ได้เดินเข้าประตูมา
"พี่สามคะ"
เสียงของเสี่ยวผิงดังขึ้น
"เสี่ยวเว่ยบอกว่าพี่ต้องการที่จะพบเขาใช่ไหมคะ?"
ซูข่านได้ยินที่เสี่ยวผิงบอก เขามองไปที่ด้านหลังของเธอก็เห็นหวงเสี่ยวเว่ยที่มีควันออกจากลมหายใจของเขา
ในตอนกลางคืนที่หนานจิงตอนนี้หนาวมาก ไม่สามารถนอนอยู่นอกบ้านได้เลย อาจจะแข็งตายได้
ซูข่านได้พูดกับเสี่ยวผิงว่า
"อืม เธอไปพักผ่อนได้แล้ว"
"ค่ะพี่สาม"
เสี่ยวผิงยิ้มหวานให้กับซูข่าน
ซูข่านได้เดินนำหวงเสี่ยวเว่ยไปที่ห้องนั่งเล่น ที่นั่นมีเตาผิงอยู่
"พี่สามเรียกผมมามีอะไรเหรอครับ?"
หวงเสี่ยวเว่ยพูดกับซูข่านที่กำลังจะล้มตัวลงไปนั่ง
"นั่งก่อนสิ"
ซูข่านชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆเขา หวงเสี่ยวเว่ยยังไม่ได้นั่งทันที เขารอให้ซูข่านนั่งให้เรียบร้อยก่อน หวงเสี่ยวเว่ยจึงนั่งตาม
"ที่ร้านเป็นยังไงบ้าง?"
ซูข่านถามด้วยน้ำเสียงที่ธรรมดา หวงเสี่ยวเว่ยรู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนจากคำพูดนั้น เขารู้สึกผ่อนคลายลง ตอนแรกเขาคิดว่าพี่สามจะเรียกเขามาต่อว่า
หวงเสี่ยวเว่ยตอบด้วยรอยยิ้มว่า
"พี่สามครับ ลูกค้าที่มากินอาหารที่ร้านบอกว่าฝีมือของพ่อครัวที่นี่ดีมาก พวกเขาได้แนะนำร้านอาหารของเราให้กับเพื่อนๆของเขาอีก ตั้งแต่หลังตรุษจีนมาที่ร้านอาหารคนเต็มทุกวันเลยครับ"
ร้านอาหารคนเต็มทุกวัน นี่เป็นข่าวที่น่ากลัวมาก ร้านอาหารวังหลวงมีโต๊ะตั้งมากมาย การที่คนเต็มร้านแบบนี้แสดงว่าเงินจะต้องเยอะตามมาแน่นอน
ปกติแล้วร้านอาหารขนาดเล็กจะมีโต๊ะเต็มที่ก็ไม่เกินสิบโต๊ะ แต่ร้านของซูข่านได้ทำเป็นร้านขนาดใหญ่ และยังมีห้องรับรองแขกพิเศษอีกด้วย การที่คนเต็มร้านจึงเป็นเรื่องที่ดีมาก
"ที่ร้านยุ่งมากไหม?"
ซูข่านถามต่อ
หวงเสี่ยวเว่ยพยักหน้าของเขาและตอบว่า
"ส่วนใหญ่แล้วของผมไม่ได้ยุ่งมาก แต่ในห้องครัวเฒ่าจางแทบจะไม่มีเวลาว่างเลยครับ"
หลังจากนั้นซูข่านได้ถามคำถามอีก 2-3 ข้อ จากนั้นเขาก็เข้าประเด็น
"เสี่ยวเว่ย ฉันต้องการให้นายออกจากร้านอาหารวังหลวง
"ห๊าา"
หวงเสี่ยวเว่ยตกตะลึง
พี่สามบอกให้เขามาทำงานร้านนี้กับเฒ่าจางไม่ใช่เหรอ? ทำไมอยู่ดีๆพี่สามถึงได้ต้องการให้เราออกจากร้านนั่น เราทำอะไรผิดรึเปล่า? แล้วทำไมพี่สามถึงได้เรียกเรามาที่บ้านแบบนี้?
หัวใจของหวงเสี่ยวเว่ยเต้นเร็วมาก เขารู้สึกตื่นเต้นและงุนงงในเวลาเดียวกัน ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนตัวของเขามันชาไปทั้งร่างกาย ไม่สามารถขยับร่างกายได้เลย
หวงเสี่ยวเว่ยเริ่มหายใจถี่ขึ้น หลังเขาคิดว่าเขาจะถูกไล่ออก
พี่สามบอกให้เราออกจากร้านวังหลวง พี่สามบอกให้เราออกจากร้านวังหลวง พี่สามบอกให้เราออกจากร้านวังหลวง
"อย่าเพิ่งคิดมาก"
ซูข่านได้พูดด้วยรอยยิ้ม เขาได้เห็นสีหน้าของหวงเสี่ยวเว่ยซีดลง
"ไม่ใช่เพราะนายทำอะไรผิดซักหน่อยที่ต้องออกจากร้านวังหลวง แต่ฉันมีงานใหม่ให้นายทำ"
"เอ๊ะ"
หวงเสี่ยวเว่ยอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ สีหน้าของเขาดูดีขึ้นเล็กน้อย
ตอนนี้หวงเสี่ยวเว่ยพูดอะไรไม่ออก เขาทำได้แค่เพียงฟังซูข่านเท่านั้น
"นายเคยไปที่เซียงเจียงกับฉัน เคยไปเดินห้างที่นั่นด้วย ตอนนี้ฉันต้องการที่จะเปิดห้างแบบนั้นขึ้นที่นี่ จะเรียกว่าซูเปอร์มาร์เก็ตก็ได้ นายจะต้องเป็นคนรับผิดชอบในการเปิดซูเปอร์มาร์เก็ต"
"ห้ะ"
หวงเสี่ยวเว่ยได้ยินซูข่านพูดจบ เขาก็อุทานออกมาเสียงและถามกับซูข่านด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกัก ตอนนี้เขาตื่นเต้นมาก
"พะ..พี่สามครับ…ผะะ..ผม..ผมจะทำได้ยั..ยังไง"
ตอนแรกหวงเสี่ยวเว่ยคิดว่าเขาทำอะไรบางอย่างผิดพลาด พี่สามเลยจะไล่เขาออก
เขาไม่คิดว่าเลยว่าพี่สามจะมีงานใหญ่ขนาดนี้มาให้เขาทำ นี่เป็นงานที่ใหญ่ที่สุดที่เขาเคยทำมาในชีวิต
ตอนนี้หวงเสี่ยวเว่ยไม่รู้จะเสียใจที่ได้ออกจากร้านวังหลวง หรือดีใจที่ได้ทำงานใหญ่ให้กับซูข่านดี
หวงเสี่ยวเว่ยรู้สึกว่าตอนนี้เขาเหมือนกับตกนรกและขึ้นสวรรค์ไปพร้อมๆกัน