ตอนที่แล้วEp.289 - โลกสั่นสะเทือน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.291 - หัวหน้าสืบสวนฉูเทียนหัว

Ep.290 - จุดเริ่มต้นของความเจริญรุ่งเรือง


2/3

Ep.290 - จุดเริ่มต้นของความเจริญรุ่งเรือง

ข่าวพวกนี้

บางทีก็ทำให้คนอาจเข่าทรุด

ซูหยุนปิงรู้หรอกว่าฮังอวี่เก่งกาจมากในโลกวิญญาณ

อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่นำคนเพียงร้อยกว่าคนเท่านั้น แต่กลับประสบความสำเร็จในการบุกยึดป้อมปราการหอคอยเขตแดน และผ่านการทดสอบจากหอคอยเขตแดน

ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมท่าทีของหวังเอ๋อถึงดูโอ้อวดนัก!

นี่คือการทำลายสถิติโลกอย่างแท้จริง!

ฮังอวี่ ฮังเสี่ยวไป๋ต่างแสดงสีหน้าเฉยเมย มีเพียงหวังเอ๋อเท่านั้นที่เชิดหน้าชูคอเหมือนคนงี่เง่า

อย่างไรก็ตาม หากให้พูดกันตามจริง

ถ้ามีการต่อสู้กันแบบตัวต่อตัวกันในที่นี้

แค่สู้กับสุนัข ซูหยุนปิงยังไม่สามารถใช้เนตรมนตร์เสน่ห์ควบคุมมันได้เลย

ไม่ใช่แค่เธอที่ไม่สามารถเอาชนะฮัสกี้ตัวนี้ได้ แต่ต่อให้นำยอดฝีมือทั้งหมดในเจียงเฉียงมากอง ก็กล่าวได้ว่ามีแค่ไม่กี่คนที่สามารถโค่นสุนัขได้จริงๆ

และยิ่งเป็นฮังอวี่ที่สามารถเลี้ยงสุนัขจนเก่งกาจได้ขนาดนี้

เกรงว่าในเจียงเฉิงคงไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้!

ฮังอวี่นำสินสงครามชิ้นอื่นออกมา

และนั่นรวมไปถึง ‘บันทึกเหนี่ยวนำมนตรา’

บันทึกเหนี่ยวนำมนตราคือเทคโนโลยีสายผลิตที่ผสมผสานระหว่างการหลอมอาวุธและการเล่นแร่แปรธาตุ

บันทึกนี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพแก่สกิลการผลิตทั้งสองสกิลละ 500 แต้มวิญญาณ และรวมไปถึงค่าความชำนาญ ในขณะเดียวกันมอบความรู้เกี่ยวกับศาสตร์เหนี่ยวนำมนตรามากมาย

ฮังอวี่เตรียมเจ้าสิ่งนี้เก็บไว้ใช้เอง

เขาเริ่มจากใช้หินสกิลหลอมอาวุธระดับต่ำเพื่อเรียนรู้เทคนิคการหลอมก่อน จากนั้นจ่าย 200 แต้มวิญญาณเพื่ออัพเทคนิคการหลอมเป็นเลเวล 2 แล้วใช้บันทึกเหนี่ยวนำมนตรา

แต้มวิญญาณเทคนิคหลอมอาวุธ +500!

แต้มวิญญาณเทคนิคเล่นแร่แปรธาตุ +500!

[เทคนิคหลอมอาวุธระดับต่ำ] เลเวล 2 ,  (500/500) , ค่าความชำนาญ (1500/1500) , ต้องใช้หินสกิลหลอมอาวุธขั้นกลางเพื่ออัพเลเวลขั้นต่อไป

[เทคนิคเล่นแร่แปรธาตุระดับกลาง] เลเวล 3  (500/2000) , ค่าความชำนาญ (5000/5000)

ความได้เปรียบที่เกิดจากสกิลสายผลิตตอนนี้ยังไม่ค่อยชัดเจน

เนื่องจากปัจจุบันยังอยู่ในช่วงกำลังเปลี่ยนแปลง และอุปกรณ์ส่วนใหญ่ยังสามารถดรอปจากมอนสเตอร์ได้ แต่หลังๆที่การดรอปอุปกรณ์กลายเป็นแค่ชิ้นส่วนหรือพิมพ์เขียว ถึงเวลานั้นอุตสาหกรรมสายนี้จะมีความสำคัญขึ้นมาเอง

การเชี่ยวชาญในสกิลอื่นๆเพิ่มมากขึ้น

บางครั้งก็ไม่มีอะไรเสียหาย

แต่ตอนนี้มีสองสิ่งที่จำเป็นต้องทำ

สิ่งแรกคือสร้างเขตแดนน่านฟ้า

สิ่งที่สองคือการใช้พิมพ์เขียวเพื่อสร้างหอกคลื่นมังกรปฐพี

สองสิ่งนี้สำคัญมาก อย่างแรกสามารถทำให้ฐานที่มั่นปลอดภัยและมั่นคงยิ่งขึ้น สามารถสร้างรายได้ในระยะยาว อย่างหลังก็มีความสำคัญมากเช่นกัน หากได้ครอบครองอาวุธสีฟ้า นั่นมากพอแล้วที่ทำให้พลังรบของฮังอวี่กระโดดไปอีกขั้น

ฮังอวี่ส่งรายละเอียดวัสดุที่ไอเท็มทั้งสองชิ้นต้องการ

ซูหยุนปิงกล่าวว่า “วัสดุสามสี่ชิ้นในรายชื่อนี้สามารถใช้ทุนสำรองของพวกเราแลกเปลี่ยนมาได้ ส่วนบางชิ้นจำเป็นต้องใช้แต้มบุญแลกเปลี่ยนมันจากแบทเทิลเน็ต แต่วัสดุที่ใช้หลอมอาวุธของนาย ... บอกตามตรงการได้พวกมันมาค่อนข้างยากนิดหน่อย”

การหลอมอาวุธสีฟ้า หอกคลื่นมังกรปฐพีนั้นค่อนข้างแปลกมาก

วัสดุหลักของมันคือสีเขียว แต่วัสดุรองคือสีฟ้า

หอกนายพลมังกรปฐพีที่ฮังอวี่ใช้อยู่คือวัสดุหลักของหอกคลื่นมังกรปฐพี นอกจากนั้นก็เป็นพวกแร่หรือวัสดุคุณภาพสีฟ้าอีกแปดอย่าง

“วัสดุสีฟ้ามีราคาแพงมาก ตามปกติแล้วพวกเราหาซื้อไม่ได้ ต่อให้มีทุนสำรอง แต่ทางแบทเทิลเน็ตคงไม่ค่อยอยากวางขายพวกมัน” ซูหยุนปิงหยุดพักหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ฉันจะลองติดต่อพ่อ ให้สมาคมโลกวิญญาณช่วยค้นหามัน”

ซูหยุนปิงทำหน้าที่ของเธอได้อย่างยอดเยี่ยม

ฮังอวี่โล่งใจมาก

เป็นแบบนี้ หอกคลื่นมังกรปฐพีย่อมถูกสร้างขึ้นได้อย่างแน่นอน!

แม้ว่าหอกสีเขียวใสเล่มนี้จะดีมาก แต่เพื่อกุมความได้เปรียบที่เหนือยิ่งกว่า บวกกับความเป็นผู้นำของฮังอวี่ เขาจำเป็นต้องมีอาวุธที่แข็งแกร่ง ซึ่งนี่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในโลกวิญญาณได้เป็นอย่างมาก

ฮังอวี่กล่าวว่า “หอกคลื่นมังกรปฐพีคืออุปกรณ์เลเวล 10 แต่ตอนนี้ผมพึ่งอัพเลเวล 9 เพราะงั้นไม่รีบร้อน ไปสร้างค่ายกลกันก่อน เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมและอาณาเขตของพวกเรา”

ฐานการผลิตในชุมชนมังกรฟ้า และร้านค้าเชิงพาณิชย์บนถนนมังกรฟ้า

ตราบใดที่ทั้งสองอาณาเขตมีความมั่นคง ก็จะมีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อซูหยุนปิงได้ยินคำพูดของฮังอวี่ เธออดไม่ได้ที่จะลอบด่าเขาในใจ : เจ้าเด็กนี่จงใจพูดโอ้อวดต่อหน้าฉัน! ไอ้ที่บอกว่าตัวเองพึ่งเลเวล 9 นี่มันยังไงกัน ตัวฉันตอนนี้พึ่งเลเวล 8 แถมยังสะสมแต้มวิญญาณได้ไม่ถึง 10% เลย!

เมื่อเปรียบเทียบกับฮังอวี่แล้ว

ซูหยุนปิงรู้สึกว่าตัวเองช่างอ่อนแอ!

...

เย็นวันถัดมา

มีข่าวดีสองเรื่อง

เรื่องแรกคือค่ายกลเขตแดนน่านฟ้าบริเวณร้านอาหารสร้างเสร็จแล้ว

อีกเรื่องคือวัสดุในการหลอมทั้งแปดชนิดที่ฮังอวี่กำลังมองหา ซูเจิ้งเฉิงพบพวกมันถึงสี่ชิ้นในวันเดียวจากสมาคมโลกวิญญาณ

ยอดเยี่ยมจริงๆ!

ซูหยุนปิงช่วยบอสฮังทำอาหารเย็น

และปล่อยให้บอสฮังจัดการควบคุมการเปิดใช้งานค่ายกลด้วยตัวเอง

นอกจากนี้ เธอยังเชิญเหล่าซูมาพูดคุยถึงวัสดุที่ได้รับ

ฮังอวี่อิ่มเอมไปกับผลประโยชน์ในตำแหน่งเจ้านาย เขาทิ้งงานหนักทั้งหมดไว้กับสุนัข และให้ซูหยุนปิงคอยจัดการกับปัญหา ส่วนเสี่ยวไป๋ไปคุมงานฝ่ายผลิต เถ้าแก่ใหญ่เช่นเขาช่างสะดวกสบายจริงๆ

เมื่อขุมกำลังพัฒนามาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวติดดินอีกต่อไป

ซูหยุนปิงเชิญนักข่าวทุกสำนักของเจียงเฉิงมาร่วมงาน

ขณะนี้มีกลุ่มคนจำนวนมากมารวมตัวกันรอบๆร้านอาหาร

ผู้จัดการผังต้าไห่ก้าวขึ้นเวที ประกาศว่า “ยินดีต้อนรับทุกท่าน สำนักงานอาหารพี่อ้วนของเราพยายามเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้นตลอดเวลา นอกจากเรื่องทุ่มเทนำเสนอสูตรอาหารโลกวิญญาณที่อร่อยขึ้น รสชาติดีขึ้น และมีคุณภาพดีขึ้นแล้ว พวกเรายังต้องการมอบประสบการณ์รับประทานอาหารที่ปลอดภัยแก่ลูกค้า ผู้เป็นแรงสนับสนุนที่สำคัญที่สุดเช่นกัน”

“วันนี้ ฉันยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะประกาศว่า ทางสำนักงานพี่อ้วนได้บรรลุความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับกลุ่มมังกรฟ้าและสกายเน็ตสาขาเจียงเฉิง ตั้งแต่วันนี้ไป ร้านอาหารทุกแห่งที่อยู่ภายใต้ชื่อสำนักงานจะได้รับการติดตั้งค่ายกลทั้งภายในและภายนอก เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมในการรับประทานอาหารที่ปลอดภัยแก่ลูกค้าทุกท่าน”

“และที่นี่คือสถานที่แห่งแรกในเจียงเฉิง!”

“ต่อไปนี้พวกเราจะเปิดค่ายกลของร้านค้า!”

“มาสร้างช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ด้วยกัน!”

นี่มันจะยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว!

ไม่ว่าจะลูกค้า นักข่าว หรือผู้ที่มารับชมความสนุกสนานต่างพากันชื่นชมการกระทำนี้ของอ้วนต้าไห่

ทุกวันนี้สังคมวุ่นวาย นับวันความไม่สงบยิ่งเพิ่มมากขึ้น

ความปลอดภัยสาธารณะได้กลายเป็นปัญหาใหญ่

ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะ เมื่อเทียบกับประชากรหลักล้านคนแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจยังมีไม่มากพอ อีกทั้งมุนษย์ทุกคนยังได้รับพลังกันถ้วนหน้า ดังนั้นการก่อวินาศกรรมเล็กๆน้อยๆจึงเกิดขึ้น และพวกนี้ไม่เพียงติดตามตัวได้ยากเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดความสูญเสียในทางอ้อมอย่างมหาศาล

“ยอดเยี่ยม!”

“แบบนี้พวกเราก็ทานอาหารในร้านได้อย่างสบายใจแล้ว!”

“ใช่ ถึงตอนนี้จะมีร้านอาหารวิญญาณหลายร้านในเจียงเฉิง แต่ในแง่ของคุณภาพและบริการ ที่นี่ยังไงก็เป็นอันดับหนึ่ง!”

ท่ามกลางฝูงชนที่กำลังสนทนา

ค่ายกลเริ่มถูกเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการ

ชั้นกำแพงอากาศโปร่งแสงเข้าครอบคลุมรอบร้านอาหารเป็นรูปครึ่งวงกลมทันที

ข้อดีที่สุดของเขตแดนน่านฟ้าก็คือ

เจ้าสิ่งนี้เป็นกำแพงอากาศโปร่งใส มันไม่มีสิ่งกีดขวาง และไม่เป็นอันตราย

ตราบใดที่เข้าสู่ที่นี่ด้วยความเร็วปกติ เขตแดนจะไม่ขัดขวาง กำแพงอากาศแสดงบทบาทในสถานการณ์ที่มีความเร็วสูงหรือพลังงานสูงพุ่งเข้ามา ตอนนั้นมันจะทำงานทันที

“ดีมาก!”

ฝูงชนเริ่มปรบมือ!

ร้านอาหารมีมาตรการป้องกันสกิลภายใน และแนวป้องกันที่มองไม่เห็นจากภายนอก นี่มากพอแล้วที่จะระงับการโจมตีส่วนใหญ่ สามารถหยุดเหตุการณ์ต่อสู้ไม่คาดฝัน สามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่สามารถรับประทานอาหารที่ดีและเงียบสงบได้

อ้วนต้าไห่กล่าวว่า “และเวลานี้ โปรดปรบมือต้อนรับซูหยุนปิง CEO ของกลุ่มมังกรฟ้า!”

CEO ของกลุ่มมังกรฟ้า?

ขุมกำลังนี้ที่ไม่ธรรมดานี้มักทำตัวติดดินตลอดเวลา

นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ผู้นำของพวกเขาปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน

เมื่อทุกคนเห็นซูหยุนปิง พวกเขาต่างตื่นตกใจในความงามของเธอ

คิดไม่ถึงเลย

ว่าผู้นำของกองกำลังนี้จะเป็นผู้หญิง

“กลุ่มมังกรฟ้าจะพยายามทุ่มเททรัพยากรจำนวนมากเพื่อสร้างความสงบและความเจริญรุ่งเรืองแก่ถนนมังกรฟ้า”

“นอกจากร้านอาหารแล้ว พวกเรายังมีร้านโพชั่น บาร์ และซูเปอร์มาร์เก็ตกับร้านขายอุปกรณ์ที่กำลังจะเปิดให้บริการในเร็วๆนี้ พวกเราจะสร้างมาตรการป้องกันที่เหมือนกันในทุกๆที่ เพื่อความสุขของลูกค้าทุกท่าน”

“นอกจากนี้ ทางเรายังลงทุนกว้านซื้อต้นไม้วิญญาณและจ้างหน่วยลาดตระเวนบนถนนมังกรฟ้า อีกไม่นานถนนสายนี้จะกลายเป็นถนนการค้าแห่งใหม่ที่เจริญรุ่งเรืองและปลอดภัยที่สุดในเจียงเฉิง!”

“เราได้บรรลุความร่วมมือกับสมาคมโลกวิญญาณแล้ว และยังยินดีต้อนรับกลุ่มหรือองค์กรใหม่ที่ทรงพลังมาเข้าร่วม และเราสัญญาว่าจะมอบเงื่อนไขความร่วมมือที่มีคุณภาพและจริงใจที่สุดแก่คุณ!”

“...”

ฝูงชนต่างแตกตื่นตกใจ

ถนนมังกรฟ้าตอนนี้ก็รุ่งเรืองมากแล้ว

แต่ดูเหมือนความทะเยอทะยานของผู้นำหญิงจะยังไม่หยุดเพียงเท่านี้!

สุนทรพจน์ของเธอในวันนี้และการเปลี่ยนแปลงในถนนมังกรฟ้าจะเผยแพร่ไปทั่วเมืองผ่านสื่อ ใครก็ตามที่มีเซนส์ทางธุรกิจเพียงเล็กน้อยจะพบว่าศักยภาพทางการตลาดของพื้นที่นี้น่าทึ่งมาก

ฮังอวี่ ซูเจิ้งเฉิงยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน

ซูเจิ้งเฉิงเฝ้ามองลูกสาวที่กำลังเปล่งประกาย รู้สึกพึงพอใจอย่างสุดซึ้ง “หยุนปิงตัดสินใจได้ถูกต้องจริงๆ ลูกสาวที่ติดตามเธอในตอนนี้ ดีกว่าตอนทำงานคนเดียวมาก”

“เธอไม่ได้เลือกผม ผมต่างหากที่เลือกเธอ เมื่อมีเธอกับหวังเอ๋อคอยบริหารจัดการ มันทำให้ผมสบายใจขึ้นเยอะ” ฮังอวี่กล่าว “มาเถอะ ไปที่ร้านอาหารกัน ระหว่างดื่มพวกเราค่อยพูดคุยกันเรื่องวัสดุที่ได้มา”

“ได้”

เด็กหนุ่มคนนี้มีอนาคตที่สดใสรออยู่เบื้องหน้า

ยิ่งซูเจิ้งเฉิงมองมาที่ฮังอวี่มากเท่าไหร่ เขาก็พบว่าอีกฝ่ายยิ่งน่าฝากความหวังมากขึ้นเท่านั้น

แต่ในตอนนั้นเอง หางตาเขาพลันเห็นร่างบางร่างเดินสวนเข้ามา

ซูเจิ้งเฉิงจำได้ทันที คนที่เดินนำหน้าคือสองหัวหน้าทีมของสกายเน็ต และอีกสองคนข้างหลังคือเถ้าแก่ใหญ่ หนึ่งในนั้นคือหัวหน้ากองลั่วหยวนเจิ้ง และอีกคนที่มีใบหน้าจริงจัง ... เหมือนว่าเขาจะเคยเห็นคนๆนี้ที่ไหนมาก่อน