ตอนที่ 7 อยู่ร่วมกัน
นี่มันบันไดจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย?
ผมค่อยๆ เดินเข้าไปเพื่อตรวจสอบอย่างใกล้ชิด
ดูเหมือนหินตรงส่วนนี้จะถูกสลักให้เป็นขั้นบันไดนะ
คิดสิแอนโธนี่ มีเผ่าพันธุ์ไหนบ้างที่สามารถสลักบันไดจากหินแข็งๆ ได้?
มันก็ต้องมนุษย์อยู่แล้ว! มวลมนุษยชาติผู้มีอารยธรรมไง!
นี่เป็นหลักฐานชิ้นแรกที่พิสูจน์ว่ามีมนุษย์หรือสิ่งที่ใกล้เคียงกับมนุษย์อาศัยอยู่บนโลกใหม่
สุดยอด! ผมทั้งตื่นเต้นทั้งกลัวหน่อยๆ
อยากรู้จังว่าที่นี่จะมีพวกเผ่าแฟนตาซีหรือเปล่า? จะได้เจอคนแคระหรือเปล่านะ? เอลฟ์ล่ะ!?
แค่นึกภาพสาวเอลฟ์ทรงโตก็น้ำลายสอแล้ว! (TL: จะไปแทะเหรอ? -*-)
แต่เดี๋ยวก่อน ทำไมถึงมีคนมาสลักบันไดแค่ที่นี่ที่เดียวล่ะ?
คำตอบนั้นง่ายมาก เพราะนี่เป็นจุดที่ถูกใช้บ่อยสุดไง เห้อ~ ถามเองต้องตอบเอง
นั่นหมายความว่ามันอาจไม่ใช่ทางลงไปซะที่เดียว ข้างหลังอาจมีบันได้ขึ้นไปบนพื้นผิวก็ได้!
ผมรีบเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว!
ว้าว! นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ได้เห็นของจากชาติที่แล้ว แถมยังได้เทียบมันกับขนาดตัวตอนนี้ด้วย
ถ้าเราเดาว่าคนที่นี่มีขนาดพอๆ กับมนุษย์โลก งั้นผมก็จะรู้ขนาดของตัวเองทันที ที่เหลือแค่ต้องลองขึ้นไปอยู่ตรงบันได
ฮื่มมมม
เล็กกว่าที่คิดไว้นะ ดูจากความสูงและความยาวที่ใช้ในการก้าวขึ้น ผมน่าจะสูงประมาณหัวเข่าของผู้ใหญ่ ส่วนความยาว... ประมาณ 1 เมตรได้มั้ง?
แต่เดี๋ยวก่อน! นี่หมายความว่าพวกมอนสเตอร์น่ากลัวนั่น
ถ้ามองจากมุมมองของมนุษย์... มันก็ไม่ได้ใหญ่มากนี่หว่า!?
เจ้าหมาป่าน่าจะตัวสูงประมาณเอว ส่วนน้องกิ้งก่านี่ตัวเล็กกว่าผมอีก ขนาดประมาณหมาหรือไม่ก็แมวที่ตัวใหญ่หน่อยๆ
นี่มอนสเตอร์แถวนี้มันเป็นพวกอ่อนๆ หรอกเหรอ?
พอมาคิดอีกทีก็ดีแล้วแหละ ถ้าพวกมันเก่งจัดๆ เลย ป่านนี้ผมคงเหลือแต่ซาก
ในขณะเดียวกันความเป็นไปได้ที่ในดันเจี้ยนจะมีมอนสเตอร์โหดๆ ก็เพิ่มมากขึ้นอีก
ตอนนี้จะเก่งมากเก่งน้อยผมก็หลบก่อนอยู่ดี! เราอย่าได้เจอกันบ่อยเลย~
เอาล่ะ คนบ้าที่ไหนก็รู้ว่ามอนสเตอร์เก่งๆ ต้องอยู่ชั้นล่าง
เพราะโลกนี้เหมือนกับเกมจากชาติที่แล้ว หลักการมันก็น่าจะคล้ายๆ กันแหละ
สรุปได้ว่ายิ่งใกล้พื้นผิวเท่าไหร่ก็ยิ่งปลอดภัยมากขึ้นสินะ
ผมไม่หันกลับไปมองโพรงข้างหลังและรีบเดินจ้ำต่อทันที
แจ๋ว! ยิ่งเดินก็ยิ่งเห็นร่องรอยของอารยธรรมมากขึ้น
นอกจากบันไดแล้ว ตอนนี้ผนังข้างๆ ยังมีช่องอะไรบางอย่างสลักไว้ด้วย น่าจะเป็นช่องที่เอาไว้ใส่คบเพลิงไรงี้มั้ง?
ตัวพื้นที่เริ่มชันขึ้นเรื่อยๆ นับเป็นสัญญาณที่ดี
นี่อย่าบอกนะว่าจะได้เดินขึ้นแบบนี้จนถึงพื้นผิวเลย?
พอมองไปรอบด้าน ผมก็เห็นว่ามีทางแยกออกไปน้อยมากจนแทบไม่เหลือ
ส่วนเถาวัลย์แสงตามผนังก็บางลงและอยู่ห่างกันมาก ทำให้ทางมืดลงอย่างเห็นได้ชัด
แจ่มเลยแบบนี้ อำพรางตัวสบาย!
หัวใจของผมแทบเด้งออกมาข้างนอกอยู่แล้ว
ผมอาจได้เจอคนจากโลกอื่นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า!
ตอนนี้มีคำถามในหัวอยู่เต็มไปหมด
พวกเขาจะมีหน้าตาเป็นไง? คือเผ่าอะไร? ใช้เวทมนตร์ได้หรือเปล่า? มีกิลด์นักผจญภัยที่คอยสำรวจดันเจี้ยนไหม? บางทีผมอาจจะสื่อสารกับพวกเขาได้นะ สัญญาณมือ? หรือไม่ก็เต้นระบำชาวเกาะ?
นี่อาจเป็นนิมิตรหมายที่ดีสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์-มอนสเตอร์ก็เป็นได้!
ไอ้การที่มีคนได้มาเกิดใหม่เป็นมอนสเตอร์นี่คงไม่ได้มีกันบ่อยๆ หรอกใช่ไหม?
ผมอาจจะเป็นตัวแรกเลยก็ได้นะ!
---------------
สนับสนุนผลงานอย่างถูกต้องได้ที่ MyNovel และ Thai-Novel
---------------
ตอนนี้ทางเริ่มแคบลงแล้ว ทางเดินก็ยังชันได้อีก เอ๋... นั่นมัน? ใช่ๆ แน่เลย
แสงสว่าง...
หนวดของผมเริ่มกระตุกไม่หยุดเพราะพวกมันได้กลิ่นของอากาศที่อบอวนไปด้วยแสงแดด พื้นผิวต้องอยู่ใกล้มากๆ!
ผมตะเกียกตะกายวิ่งด้วยความตื่นเต้นเพราะความหวังใกล้จะเป็นจริงแล้ว
ในที่สุดแหล่งที่มาของก็แสงก็อยู่ใกล้มากจนมันสะท้อนไปกับหินที่อยู่รอบๆ
โอวววว
ชัดเลยว่านี่คือสิ่งก่อสร้างของมนุษย์! น่าจะเป็นกำแพงหรืออะไรสักอย่าง
ผมพยายามขยับหัวเพื่อดูให้ชัดๆ
พอเจอแสงธรรมชาติแล้วดวงตาของผมยิ่งทำงานได้แย่กว่าเดิมอีกนะ งงกับมันจริงๆ
ใช่แล้ว ดูเหมือนนี่จะเป็นสิ่งก่อสร้างคล้ายกำแพงที่เอาไว้กั้นทางเดิน
มันยังมีส่วนที่เป็นช่องเล็กๆ เอาไว้ให้คนข้างในสอดส่องภาพข้างนอกด้วย
ตรงนี้คือห้องพักยามหรือเปล่านะ? เป็นอะไรที่สมเหตุสมผลมากเลยนะถ้าพวกเขาจะประจำกำลังเอาไว้ที่ปากทางเข้าเพื่อกันไม่ให้มอนสเตอร์หลุดออกไปด้านนอก
ขณะกำลังจินตนาการถึงภาพแสงแดดที่อยู่อีกฟาก ผมก็ได้ยินเสียงคล้ายกับมีคนกำลังลนลานลุกขึ้นจากเก้าอี้
ไม่นานคน 2 คนก็โผล่ออกมา พวกเขาอยู่ตรงส่วนที่ยื่นออกจากกำแพงและสูงจากพื้นประมาณ 1 เมตร
มนุษย์นี่นา! มนุษย์จริงๆ ด้วย! ...เศร้าหน่อยๆ ที่ไม่ใช่เอลฟ์ แต่ก็เอาเถอะ!
ทั้งสองสวมสิ่งที่ดูคล้ายกับชุดเกราะโลหะและมีหนังสีดำอยู่ด้านใน
พวกเขาสะพายดาบไว้ตรงเอว สวมบูทและที่รัดคางหนังสีดำ
จากภาพที่พอมองออก คนนึงน่าจะเป็นผู้ชาย ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิง
ยามสาวยังถือบางสิ่งที่ดูคล้ายกับคริสตัลไว้ในมือด้วย
โอ้ มันเปล่งแสงได้! คงเป็นไอเท็มที่เอาไว้ตรวจจับมอนสเตอร์ล่ะมั้ง?
ดูเหมือนว่าทั้งสองกำลังมองหาอยู่ว่าอะไรทำให้ ‘สัญญาณดัง’
คงเป็นงานอยากหน่อยนะ ถ้าผมยังพรางตัวอยู่แบบนี้
ทันใดนั้นเอง ยามหนุ่มก็ยกมือทั้งสองขึ้น แสงสว่างเริ่มเปล่งออกมาไม่หยุด
เขากำลังปิดตาเพื่อทำสมาธิขณะที่แสงค่อยๆ กลายสภาพเป็นอักษรรูนแปลกๆ และวนอยู่รอบมือ
ผมได้แต่อึ้ง อึ้งจัดๆ เลยด้วย
นี่มันเวทมนตร์! เวทมนตร์ของแท้! ให้ตายสิแกนดาล์ฟ แกนดาล์ฟฟฟฟ!!
ในโลกนี้มีการใช้เวทมนตร์อยู่จริง!
แม่เจ้าๆๆๆ แถวนี่มีเปิดคอร์สเรียนเวทมนตร์หรือเปล่านะ?
2-3 วินาทีต่อมา ทหารยามคนนั้นก็ยื่นสองมือออกมาข้างหน้าและทำให้ทุกอย่างสว่างไสวไปทั่ว
ทหารยามคนที่สองเองก็ยื่นคริสตัลสีแดงออกมาและเริ่มค้นหามอนสเตอร์แบบจริงจัง
และนั่นก็คือ...
ฉันนี่ไง?
‘….’
นี่ตูคิดอะไรอยู่วะเนี่ยยยย!!?
ยามสาวรีบเก็บคริสตัลใส่กระเป๋าตรงเข็มขัดก่อนจะนำหน้าไม้ออกมาถือขณะสบตากับคู่หูที่เริ่มชูมือขึ้นอีกครั้ง
นี่คงไม่ได้คิดจะชูมือทักทายกันเฉยๆ สินะ...
วิ่งงงงง! วิ่งๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ไอ้โง่แอนโธนี่เอ๊ยย นี่แกลืมใช้สมองคิดเหรอวะว่าตัวเองก็เป็นมอนสเตอร์!?
แหม่ คุยด้วยสัญญาณมือบ้านแกสิ! ไม่โดนยิงมือขาดก็บุญแค่ไหนแล้ว!
ขาทั้ง 6 ของผมไม่เคยถูกใช้งานหนักขนาดนี้มาก่อนเลย
พวกมันลุยฝ่าดงหินเพื่อย้อนกลับเข้าไปในอุโมงค์ให้เร็วที่สุด
แสงที่ไล่หลังมาทำให้ตาของผมแทบใช้การไม่ได้ แต่ของแค่นี้ทำให้ผมหยุดวิ่งไม่ได้หรอก- เฮือกก สะดุดล้ม!
ผมได้ยินเสียงตะโกนและฝีเท้าจากด้านหลัง แน่นอนว่าจ้างให้ก็ไม่หันไปเด็ดขาด
ก้อนแสงบางอย่างพุ่งผ่านหัวผมไปโดนหินที่อยู่ด้านหน้าแทน... เมื่อกี้นี้มันเวทไฟร์บอล (ลูกบอลไฟ) ใช่ไหม? เวทมนตร์ไฟ!? ได้โปรดไว้ชีวิตมดน้อยตัวนี้ด้วยเถิด~!
ตอนนี้ผมคงได้แต่วิ่งหนีสุดชีวิตและพยายามเลี้ยวหลบไปมาระหว่างหินงอกหินย้อยทำตาม
ไปๆๆๆๆๆ ไปเร็วเข้าไอ้โง่แอนโธนี่ ถ้างานนี้รอดไปได้ จะยอมอาบพิษตัวเองแก้โง่เลยเอ้า! แถมให้อีกหน่อย เดี๋ยวจะดื่มไอ้น้ำแสงนั่นด้วย!
ลูกธนูชนเข้ากับหินหลังจากพุ่งลอดหว่างขาซีกหนึ่งของผมไป
ฮื่มม สรุปที่บนไว้นี่ได้ผลสิ- เฮ้ยๆๆ ก้อนหินมันกระเด็นมาโดนหลัง!
แม่เจ้า! นางหญิงหน้าไม้ได้โหดมาก! ต้องหาตัวช่วยละ!
ผมต้องเบี่ยงเบนความสนใจหรืออะไรก็ได้
บางที...
ถ้าวิ่งต่ออีกหน่อย เราก็จะมาถึงช่วงทางกว้างที่มีทางและอุโมงค์แยกเยอะๆ แล้ว
ขณะวิ่งผ่าน หนวดเสาอากาศของผมก็พยายามตามหากลิ่นของเจ้าพวกนั้นไปด้วย
อุโมงค์เบอร์หนึ่ง ไม่เจอ! อุงโมงค์เบอร์สอง ก็ยังไม่เจอ!!
เจอสักทีสิวะ ไอ้พวก.... เจอแล้วว!!
ต้องผ่านมาก่อนสองอุโมงค์ ผมถึงจะเจอกับเจ้าของกลิ่นเน่าๆ นี่
ผมใช้เท้าดริฟท์เพื่อหันหลังให้กับอุโมงค์ที่สาม จากนั้นก็ปล่อยกรดออกไป 3 ชุดด้วยกัน
ไหนๆ ก็หันมาแล้วงั้นขอดูเจ้าสองคนนั้นสักหน่อย...
หลบจ้า!!
ผมเหยียดขาออกเพื่อย่อตัวลงขณะปล่อยให้ลูกไฟเฉี่ยวผ่านหัวไปโดนหินข้างหลัง
โอ้แกนดาล์ฟ ช่วยพาลูกออกไปจากที่นี่ที!
---------------
อัพเดทข่าวสารล่าสุดและติดตามแฟนเพจนักแปลได้ที่: EP:IC Translation