ตอนที่ 6 การสำรวจแสนอันตราย
แม้อาณาจักรใหม่ๆ จะรอดพ้นจากยุคแตกดับและกลับมาประกาศศักดาได้สำเร็จ เหล่าคณะปราชญ์กลับมองว่านักปกครองเหล่านี้คือ ‘เด็กๆ ที่เอากองหินของอารยธรรมโบราณมาเล่นขายของ’
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น ยุคแตกดับได้สร้างรอยแผลในใจให้กับมวลมนุษยชาติอย่างคาดไม่ถึง
เมื่อศัตรูกลายมาเป็นผืนดินที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า เป็นไม่ได้เลยที่เผ่าพันธุ์ของเราจะหลบหนีจากรากเหง้าแห่งความกลัวนี่พ้น
บ่อเกิดแห่งฝันร้ายอาจผุดขึ้นและผลิบานเมื่อไหร่ก็ได้...
ตัดมาจาก “บันทึกคณะปราชญ์แห่งลีเจี้ยน เล่มที่ 5: ปี 213-289AR
---------------------------------------------------------------------------------------------
หลังจากได้นอนหลับพร้อมท้องที่อิ่มแปล้เป็นครั้งแรกในโลกใหม่ ผมก็ตื่นขึ้นอย่างสดชื่นและพร้อมจะลุย (แบบระวังสุดๆ) กันต่อแล้ว
แผนของวันนี้ก็คือสำรวจโพรงข้างในเพิ่ม เก็บข้อมูล และเสาะหาเหยื่อรายต่อไป
แต่ก่อนหน้านั้น มีบางอย่างที่ผมอยากลองก่อน
เมื่อวานหลังจากที่กินเหยื่อเสร็จ เสียงของแกนดาลฟ์ก็รายงานว่าผมได้ปลดล็อคข้อมูลพื้นฐานของสปินเนตต้า ลาเซอทอส
นี่ก็ยังไม่ได้ลองเข้าไปดูข้อมูลเลย ถึงเวลาทดสอบแล้วว่าผมจะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ บ้างหรือเปล่า
ปลดล็อค!
เข้าถึงข้อมูลพื้นฐาน!
โอมขยุกขยุย จงเปิดออก!
….
สปินเนตต้า ลาเซอทอส!
[สปินเนตต้า ลาเซอทอส: กิ้งก่าหนาม มีกระดูกสันหลังที่แหลมคมและมีพิษ
โอ้วว! นั่นไงล่ะ! งั้นสปินเนตต้า ลาเซอทอสก็แปลว่ากิ้งก่าหนามสินะ แล้วยังมีข้อมูลที่เหลือนี่อีก
มีกระดูกสันหลังที่แหลมคม! มีพิษด้วย!... แค่เห็นด้วยตาเปล่าก็บอกได้เหมือนกันหรือเปล่าวะ!?
ข้อมูลพื้นฐานนี่... บางทีถ้าออกล่าและกินกิ้งก่าหนามเพิ่ม ผมอาจจะได้รับข้อมูลที่ละเอียดและมีประโยชน์กว่านี้ก็ได้
เคลียร์จบไปอีกเรื่อง ตอนนี้ถึงเวลาทำเรื่องต่อไปแล้ว
หลังออกจากรังนอน ผมก็เดินทางข้ามกำแพงเพื่อไปที่สระน้ำ
ภาพด้านล่างก็เหมือนเช่นทุกวัน มอนสเตอร์หลากชนิดคอยคุมเชิงอยู่ที่เขตของตัวเอง ที่ต่างไปก็คือเจ้ากิ้งก่ามันหายไปแล้ว...หึหึ
และด้วยตา +2 ของผม ตอนนี้สระน้ำก็เลยดูสว่างไสวและชัดกว่าเดิมนิดหน่อย
เรื่องที่ผมกำลังสงสัยอยู่ก็คือพวกมอนสเตอร์ก็ดื่มน้ำกันไป... แล้วทำไมผมถึงไม่ไปดื่มด้วยล่ะ? บอกตรงๆ ว่าคอแห้งนิดหน่อยเหมือนกัน
ตอนนี้ผมกลายเป็นมอนสเตอร์เหมือนพวกมันแล้ว แต่ก็ไม่ยักจะโหยหาแบบ ‘หัวเด็ดตีนขาดข้าก็ต้องลงไปดื่มให้ได้’ แฮะ?
นี่ผมกับพวกมันแตกต่างกันเหรอ?
ภารกิจต่อไปก็คือการสืบเรื่องน้ำปริศนา ผมจะก้าวออกไปอย่างมุ่งมั่น กล้าหาญ... และโง่หน่อยๆ เพื่อไขปริศนานี้ให้จงได้!
ผมค่อยๆ ไต่กำแพงไปตรงจุดที่อยู่ใกล้สระที่สุด จากนั้นก็ก้าวลงไปบนพื้น
นี่คือการก้าวช้าๆ อย่างมั่นใจโดยที่ไม่มีคำว่าถอยหลัง!
มอนสเตอร์ตัวแรกที่เห็นผมก็คือเจ้าหมาป่ากิ้งก่า
มันคือหมาป่าที่มีหางของกิ้งก่า... จะว่าไปแล้วที่นี่มีตัวคล้ายกิ้งก่าเยอะอยู่นะ
ทั้งเจ้าตัวนี้ เจ้าจระเข้ที่ยืนสองข้าได้ แล้วก็เจ้ากิ้งก่าหนามนั่นอีก มีความหมายแอบแฝงอยู่หรือเปล่าเนี่ย?
พอเจ้าหมานั่นเห็นผม มันก็เริ่มขู่ในลำคอทันที
ฮู่ว! เล่นเอาตกใจหมดเลย แต่แล้วก็มีบางอย่างแปลกๆ เกิดขึ้น
ขณะที่ผมเข้าไปใกล้อีก มันก็เริ่มถอยออกมาช้าๆ และแบ่งที่ให้ผมแทนราวกับว่ากำลังกลัวอยู่?
---------------
สนับสนุนผลงานอย่างถูกต้องได้ที่ MyNovel และ Thai-Novel
---------------
ผมคอยดูท่าทีของมันและเริ่มเดินเข้าไปใกล้บ่อน้ำมีแสง นั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่กลุ่มก้อนตะขาบยักษ์สัมผัสถึงผมได้
พวกมันตอบสนองได้ไวมาก!
ทันทีที่เห็นผม กลุ่มตะขาบยักษ์ก็เริ่มเลื้อยไปมาเร็วขึ้นและสร้างเสียงขู่ที่ดังกว่าเดิม
มีอยู่ตัวนึงที่คลานออกมาจากกลุ่มก้อนและเดินเข้ามาใกล้ผม มันเริ่มตั้งท่าข่มขู่และขยับขากรรไกรเสียงดังไปทั่ว
...แต่สุดท้ายมันก็ได้แต่ขู่อย่างเดียว
เห้ออ! กลัวจนฉี่จะราด
ดูแล้วพวกมันน่าจะมีกันประมาณ 6-7 ตัวได้
ถ้าเจ้านี่โจมตีขึ้นมาจริงๆ ผมก็คงได้แต่เผ่น... หันหลังกลับแล้วเดินหน้าไง ไม่ได้ผิดคำพูดสักหน่อย
โชคดีที่มันไม่ได้ฉีกกฎ ‘พื้นที่สงบ’ ทิ้งไป
มีอยู่เหตุผลเดียวเท่านั้นที่ทำให้ผมกล้าเดินเข้ามาแบบนี้ เหตุผลเดียวจริงๆ... นั่นก็คือ ผมไม่เคยเห็นเลยสักครั้งว่าจะมีตัวไหนที่โดนโจมตีขณะอยู่ใกล้สระ
ไม่เลยแม้แต่ครั้งเดียว
ตลอดเวลา 2 วันที่ตามสืบกิ้งก่าหนาม ผมเห็นการต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่เกิดขึ้นใกล้กับที่นี่
ในน้ำนี่ต้องมีอะไรอยู่แน่ๆ แล้วมันก็ไม่น่าเกี่ยวกับความกระหายน้ำด้วย
แน่ล่ะ แม้แต่ตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้อยากขนาดนั้น ร่างกายของมอนสเตอร์ที่นี่น่าจะไม่ได้เรียบง่ายแบบที่คิดซะแล้ว
ผมเข้าไปจนกระทั่งมาถึงขอบสระ
แสงสว่างของน้ำทำให้การส่องดูข้างใต้นั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก ไอ้ตา+2 มันก็ทำได้แค่นี้แหละ
ดูเหมือนเส้นตามผนังอุโมงค์จะมาบรรจบกันอยู่ที่นี่เช่นกัน
หากมองที่พื้นผิว จะเห็นได้ว่าน้ำกำลังพัดออกจากตรงกลางทั้งๆ ที่ในนี้ไม่มีลมสักแอะ ดูไปก็คล้ายกับตะเกียงลาวาเลยนะ
ผมพยายามไม่สนใจเสียงหมาเห่าใบตองแห้งของไอ้ตะขาบงี่เง่าและลองก้มลงไปดื่มคำแรก...
ปวดแสบปวดร้อน!
แม้เจ้า คอแทบไหม้! นี่มันอะไรวะเนี่ย น้ำกรดเหรอ!?
ความร้อนค่อยๆ เคลื่อนเข้าปาก จากนั้นมันก็แพร่ออกไปตามรางกายทั้งสามส่วนของผม
มันร้อนยันกระแสเลือด ร้อนจนเปลือกแทบไหม้
อึยยยยย!
นี่พวกแกมารุมกินไอ้น้ำนี่เนี่ยนะ!? ไอ้น้ำมรณะนี่เนี่ยนะ!? พวกแกลืมสมองไว้ที่บ้านใช่ไหม?
หรือว่าเราลืมดูชื่อโพรง นี่ใช่โพรงของพวกสายเอ็มหรือเปล่า!?
ไม่นานความร้อนถึงจะค่อยๆ เลือนหายไป แต่ผมก็ยังจ้องมอนสเตอร์รอบๆ อย่างเหลือเชื่อ
ขอถามอีกทีว่าสติยังดีอยู่ใช่ไหม?
คราวนี้มีหลายตัวจ้องกลับมาผมบ้าง กลายเป็นว่าเราโดนสังคมกดดันแทน...
ผมลองมองเข้าไปในน้ำอีกครั้ง มันเป็นแสงที่ดูเดี๋ยวเข้มเดี๋ยวจางคล้ายกับแมงกะพรุน บางครั้งเหมือนจะมองลอดลงไปได้ แต่อีกเดี๋ยวก็มีแสงมาบดบัง
ผมหยุดมองเพื่อตรวจสถาพของตัวเองดู ตอนนี้โดยรวมก็ไม่ได้เจ็บปวดอะไรนะ
พอมองไปที่ค่า HP อื้ม เต็มเท่าเดิม
แปลกมาก
นี่มันแปลกเกินไปแล้ว ทำไมมอนสเตอร์ตัวอื่นถึงมาดื่มจากไอ้สระงี่เง่านี่กัน มันต้องสำคัญมากๆ เลยสิ ไม่งั้นจะมีสัญญาสงบศึกกันเหรอ
คิดยังไงก็คิดไม่ออก
ถามคนแถวนี้? เหอะ พวกมันคงบอกหรอก
ผมรู้สึกงงยิ่งกว่าตอนก่อนดื่มมันซะอีก กลับผนังดีกว่าเรา
แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอลองอีกสักอึกละกัน
อ้ากก! ปวดแสบปวดร้อน!
ถุยๆ! โว้ววว! แพละ! แพละ!
อึก แย่เหมือนเดิม
แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่าอยากรู้เยอะเกิน ก็เลยตายไว
คราวนี้ผมเริ่มถอยออกมาจริงๆ แล้ว สายตาก็คอยสอดส่องมอนสเตอร์ตัวอื่นไปด้วย
พวกมันดูผ่อนคลายลงเมื่อเห็นผมจากไป ต่างก็ขยับกลับที่เดิมและดื่มน้ำต่อ
ไอ้ตะขาบนั่นมันยังวางท่าไม่เลิกเลยแฮะ ราวกับว่ามันกำลังด่าไล่หลังผมแถมยังทำท่าเหมือนจะพุ่งเข้าใส่ด้วย
สักวันต้องได้เห็นดีกันแน่!
ผมพยายามวิ่งตรงส่วนที่มีเงา จากนั้นก็ตรงขึ้นไปไต่กำแพงแบบติดจรวด
อ้าาา เพดานที่รักของช้านนน~
รอบนี่อยากอยู่นานๆ จังเลย... หวังว่านะ
ตอนนี้ผมก็ได้ข้อมูลเรื่องน้ำมาบ้าง (โคตรน้อย) ถึงเวลาสำรวจรอบๆ ด้วยสัมผัสห้วงลึกแล้วล่ะ!
ผมปีนไปตามส่วนที่ค่อนข้างมืดและพยายามเลี่ยงเถาวัลย์แสงที่แทรกซึมมาตามที่ต่างๆ
ผมพยายามใช้พวกหินงอกหินย้อยให้เป็นประโยชน์ที่สุดขณะลัดเลาะไปเรื่อย
ไม่นานผมก็มาถึงจุดที่ไกลกว่าสระน้ำและบริเวณรังนอนของตัวเอง
ผมมองเห็นอุโมงค์ที่แตกแยกออกไปจากความมืด มีทั้งเล็กใหญ่ปนกันไป
ผมลองเดินเข้าไปใกล้และสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกประหลาด
ใครจะรู้ล่ะว่ามีอะไรอยู่แถวนี้บ้าง
ผมลองเดินต่อไปอีก 10 นาที เดินแบบช้าและระวังตัวสุดๆ
ทางเริ่มกว้างขึ้นจนผนังอีกฝั่งดูเลือนราง
ผมต้องเดินแบบขยับซ้ายขวาเพื่อดูว่าผนังทั้งสองข้างมีอะไรอยู่หรือเปล่า
โอ้วว!
ข้างหน้านั่นมันเหมือนประตูทางเข้าใหญ่เบ้อเริ่มเลยนี่หว่า
ถ้าเดินจากสระก็น่าจะประมาณ 30 นาทีได้มั้ง แต่มันใหญ่น่าดูเลย สูงเกือบเท่าเพดานแหน่ะ ดูจากทรงแล้วมันน่าจะเป็นทางลงไปข้างล่างต่อ?
แต่สภาพหินตรงนี้มันดูยังไงๆ อยู่นะ
อ้าวนั่นมัน... บันไดนี่นา!
---------------
อัพเดทข่าวสารล่าสุดและติดตามแฟนเพจนักแปลได้ที่: EP:IC Translation