ตอนที่ 143 การวางแผนซุปเปอร์มาร์เก็ต
หากเป็นคนอื่นถ้ามีนายทุนต่างชาติเข้ามาติดต่อแบบนี้ บางทีอาจจะขายต่อไปแล้วก็ได้ หรือบางทีอาจจะยกคืนให้ฟรีๆเลย
โชคดียังดีที่หวางเอ๋อได้มาปรึกษากับซูข่านก่อน ไม่อย่างงั้นเขาคงจะขายไปในราคา 20,000 หยวน
หวางเอ๋อยังคงเป็นเด็กที่อ่อนต่อโลกใบนี้อยู่มาก
แต่ว่าเขาก็ยังได้รับคำชมมากมายจากคนเฒ่า คนแก่ในหนานจิง คนพวกนั้นมองแค่หวางเอ๋อสามารถทำเงินได้มากมายเพียงเท่านั้น
มองแค่เพียงเปลือกภายนอกของหวางเอ๋อโดยยังไม่รู้ถึงความสามารถแท้จริงของเขา
บางทีการได้พูดคุยกันไม่กี่ประโยคอาจจะทำให้คนเหล่านั้นเปลี่ยนแนวคิดในตัวหวางเอ๋อไปเลยก็ได้
หวางเอ๋อเป็นคนธรรมดาเพียงเท่านั้น ตอนนี้เขายังไม่ได้มีอะไรพิเศษแตกต่างไปจากคนอื่น
"อืม รีบไปจัดการได้แล้ว ถ้าพวกนั้นยังไม่พอใจก็เสนอเงินให้ไป 500,000 หยวนอีกก็ได้"
ซูข่านโบกมือลาหวางเอ๋อ
"ได้ครับพี่ ถ้าพวกเขาว่ายังไงเดี๋ยวผมจะรีบมาบอกพี่อีกทีหนึ่งครับ"
หวางเอ๋อพูดด้วยความเคารพ จากนั้นเขาก็รีบออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นหวางเอ๋อเดินออกจากบ้านไปแล้ว ซูข่านก็ได้ยิ้มตามมาทีหลัง ดูเหมือนว่าจะต้องเสียเงิน 500,000 เพิ่มอีกด้วยแน่ๆ หวางเอ๋อไม่น่าจะเจรจาเก่งขนาดนั้น
เมื่อคิดจบซูข่านก็ได้เดินกลับไปที่บ้านของเขา
ซูข่านกลับมาที่ห้องและเปิดกล่องใหญ่อันหนึ่ง กล่องอันนั้นมีเงินอยู่ข้างในมหาศาล เขาไม่ได้เปิดกล่องใบนี้มาเกิน 1 เดือนแล้ว
โชคยังดีที่อากาศในหนานจิงนั้นหนาวมาก ทำให้เงินพวกนี้ยังคงไม่ขึ้นราเหมือนกับก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะต้องใช้เงิน 500,000 หยวนแล้วหล่ะ
จริงๆแล้วซูข่านต้องการจะใช้เงินมากกว่าล้านหยวนในการซื้อหุ้นครั้งนี้ด้วยซ้ำ
แต่อีกฝ่ายเป็นถึงเป๊ปซี่ บริษัทระดับโลกการได้เงินล้านหยวนไปเพื่อแลกเปลี่ยนกับหุ้น บางทีอาจจะได้ไม่ถึง 10% เลยด้วยซ้ำ
ดังนั้นเขาจึงต้องใช้เครื่องหมายการค้ากับเงินจำนวนหนึ่งในการเป็นหุ้นส่วนกับเป๊ปซี่
แต่เสียเงิน 1,000,00 หยวนเพื่อแลกกับหุ้น 10% ก็ดูไม่แย่ไม่ใช่เหรอ?
แต่ซูข่านไม่ได้ต้องการเยอะขนาดนั้น เขาต้องการใช้เงิน 500,000 กับ 6% ซูข่านก็รู้สึกว่ามันก็ไม่ได้แย่ซักเท่าไหร่
ตอนนี้มีเงินเป็นล้านหยวนแล้ว เขาได้ใช้เงินไป 500,000 ในการแลกกับหุ้นครั้งนี้ ดูเหมือนว่าซูข่านกำลังหาโอกาสที่จะใช้เงินจำนวนมากอยู่
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าเขาจะหาวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว
"เดี๋ยวก่อนนะ"
ทันใดนั้นดวงตาของซูข่านก็เบิกกว้างออกมา เขาพูดกับตัวเองเบาๆ
"เป๊ปซี่ได้เข้าสู่ประเทศจีนแล้ว เราก็ได้หุ้นจากเป๊ปซี่อีกด้วย ดูเหมือนว่าถ้าเจ้าอื่นๆจะเข้ามาในประเทศจีน ถ้าพวกเขาต้องการใช้ชื่อเดิมของพวกเขา เราก็จะได้หุ้นทั้งหมดเลยสิ"
ซูข่านประมาณการที่บริษัทยักษ์ใหญ่อื่นๆที่เข้ามาในประเทศจีน ดูเหมือนพวกบริษัทใหญ่ๆก็จะเริ่มเข้าสู่ประเทศจีนกันแล้ว
รึว่าเป็นผลของการเปิด KFC ทำให้เป๊ปซี่เร่งรีบที่จะเข้ามาทำการตลาดสู้กับโคคา-โคล่า
วงล้อแห่งโชคชะตาได้เปลี่ยนไปแล้ว ทั้งที่ความจริงเป๊ปซี่กว่าจะเข้าสู่ประเทศจีนต้องใช้เวลาอีกตั้งหลายปี
ถึงแม้ว่าจะเป็นการเปลี่ยนโชคชะตาเพียงเล็กน้อย พวกเขาได้เข้ามาเร็วขึ้นเพียงไม่กี่ปี แต่ดูเหมือนว่าผลกระทบต่อๆที่ตามมา มันจะเริ่มเป็นลูกโซ่ขึ้นเรื่อยๆแล้ว
บริษัทต่างๆหากได้เห็นเป๊ปซี่เข้ามา พวกเขาก็จะต้องรีบตามมาในไม่ช้าแน่นอน
ซูข่านคิดจบก็ได้หยิบกระดาษขึ้นมา เขาเขียนชื่อบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆอย่างรวดเร็ว รวมถึงอุตสาหากรรมยานยนต์อีกด้วย
Mercedes-Benz, Volkswagen, BMW
Wal-Mart และ Carrefour
ยังก็ยังมีร้านชื่อของร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดอีกมากมาย
ระหว่างที่เขียนชื่อพวกนี้ ซูข่านก็เห็นว่าในบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่พวกนี้ แนวโน้มที่จะเข้ามาก่อนใครเพื่อนก็คือประเภทซูเปอร์มาเก็ต จากความทรงจำชาติก่อนของเขา
พวกเขาได้เข้าสู่ประเทศจีนมากมายหลายแบรนด์ แล้วหลังจากปี 2000 ซูเปอร์มาเก็ตเหล่านี้ก็จะขยายสาขาไปทั่วทั้งประเทศ
แม้ว่าจะมีเวลาให้เตรียมตัวอีกหลายปีกว่าพวกเขาจะเข้ามา
แต่ใครจะรู้ว่าผลกระทบของการที่เป๊ปซี่เข้าสู่ตลาดจีนเข้าเร็ว จะทำให้พวกเขาตามมาอีกรึเปล่า
กว่าที่ซูเปอร์มาเก็ตแห่งแรกจะเปิดตัว อย่างเร็วสุดก็อาจจะต้องปีหน้า
พวกนั้นได้เลียนแบบซูเปอร์มาเก็ตที่อยู่ในเซียงเจียง แต่ก็เป็นซูเปอร์มาเก็ตแห่งแรกที่เปิดในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่
บางที่การเปิดซูเปอร์มาเก็ตอาจจะดีสำหรับเขาก็ได้ เมื่อเดือนที่ผ่านมาดูเหมือนว่าซูข่านได้ขายสินค้าให้คนต้องการได้เพียงพอทุกคน
นี่คือสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเปิดซูเปอร์มาเก็ต การที่คนต้องการจะซื้อของแต่ไม่มีสินค้าให้ ไม่ต่างอะไรจากการไปตกปลาที่แม่น้ำ แต่แม่น้ำไม่มีปลาอาศัยอยู่
จางเฉียงตอนนี้เป็นคนคลุมตลาดในหนานจิงและรอบๆทั้งหมดแล้ว พวกเขาได้รับของทางภาคใต้แล้วส่งต่อมายังหนานจิงเพื่อกระจายสินค้าไปตามที่ต่างๆทั่วภาคเหนือ
แล้วถ้าจางเฉียงสามารถนำสินค้าพวกนี้เข้าสู่ภาคกลางของประเทศจีนได้ละก็ พวกเราก็จะคลุมการตลาดของประเทศจีนไว้ได้ทั้งหมด
"แต่ถ้าจะเปิดซูเปอร์มาร์เก็ต เราต้องมีสถานที่รับสินค้ามาขายด้วย"
ซูเปอร์มาเก็ตแรกที่จะเปิดพวกนั้นอยู่ในมณฑลเช่าซิงซึ่งเป็นตอนใต้ของประเทศ ที่นั่นอยู่ใกล้กับเผิงเฉิงมาก การรับสินค้าเลยเป็นเรื่องที่สะดวกสบาย
แต่ดูเหมือนว่าฐานลูกค้าของซูข่านจะมีมากกว่านั้น ตอนนี้ในภาคเหนือของประเทศก็ตกไปอยู่ในมือของซูข่านเรียบร้อยแล้ว
ถ้าทำการขยายฐานลูกค้าไปยังภาคตะวันออกได้อีกละก็….
การเปิดซูเปอร์มาเก็ตในสองภูมิภาคของจีน อาจจะเยอะกว่า 50% ของซูเปอร์มาเก็ตที่จะเกิดขึ้นทั่วประเทศแล้ว
ซูข่านจำได้ว่ามูลค่าทางการตลาดของซูเปอร์มาเก็ตเหล่านี้ในประเทศจีนไม่ใช่น้อยเลย
บางทีอาจสูงล้านล้านหยวนเลยก็เป็นได้ แล้วถ้าเขาได้ส่วนแบ่งจากตรงนี้ มันคงจะดีไม่ใช่น้อย
ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าซูข่านจะทำเงินได้มากขนาดไหนจากเกิดเปิดซูเปอร์มาเก็ตพวกนี้
แค่ตอนนี้เงินสดที่เขามีอยู่ก็ใช้แทบไม่หมดแล้ว แถมยังขึ้นราไปอีกก็เยอะ
ซูข่านไม่ได้อยากที่จะปล่อยให้เงินขึ้นราแบบนี้ เขาพยายามหาทางใช้เงินพวกนี้อยู่ ถ้ามีใครมารู้ว่าเงินเยอะจนเน่าแบบนี้บางทีซูข่านอาจจะโดนทุบตีจนตายก็ได้
"เงินเท่านี้น่าจะพอในการสร้างซูเปอร์มาร์เก็ตสักแห่ง"
ซูข่านเอามือขึ้นมาจับคางของเขาแล้วทำท่าครุ่นคิด
"ตั้งชื่อว่าอะไรดี?"
ระหว่างที่ซูข่านคิด สายตาของเขาก็ได้มองลงไปที่แผ่นกระดาษที่เขาเขียนอยู่ เขามองดูรายชื่อซุปเปอร์มาเก็ตที่อยู่บนนั้น
ซูข่านได้วงกลมใหญ่ไว้บนชื่อในกระดาษ 2 วง
"ห้างวอลมาร์ท ห้างคาร์ฟูร์"
สองชื่อนี้เป็นยักษ์ใหญ่ พวกเขาเป็นบริษัทใหญ่ ที่คนทั่วไปชอบจับตามองในการเปิดสาขาของพวกเขา
ปัจจุบันห้างวอลมาร์ทได้กลายเป็นบริษัทที่มียอดขายอันดับ 1 ของโลกไปแล้ว
ระหว่างที่คิดลังเลชื่อห้างทั้งสอง ซูข่านก็ได้พูดกับตัวเองช้าๆ
"ในสายตาของคนจีน พวกเขาเห็นอะไรสำคัญที่สุด? ผู้คนที่นี่ชื่นชอบเทศกาลต่างๆเป็นอย่างมาก"
ซูข่านส่ายหัวของเขาและสลัดเอาความคิดในการเปิดวอลมาร์ททิ้ง
"คาร์ฟูร์"
ซูข่านเอานิ้วชี้ไปที่ชื่อของคาร์ฟูร์บนกระดาษ