SN-ตอนที่ 13 ล่าสัตว์ประหลาด
“นายคือ…?”อัลดิช กล่าวขณะที่เขาหรี่ตาลงและพิจารณาหุ่นกระบอกที่มีลายพิกเซล ที่ดูน่าขนลุกเล็กน้อย เพราะเขาไม่สามารถแยกแยะอารมณ์ใด ๆ จากสิ่งมีชีวิตนี้ได้
“กระผมคือหุ่นกระบอกที่รู้จักกันในนามของระบบ”หุ่นกระบอกกล่าวออกมา
“แล้วเทพธิดาอามีร่าหายไปไหน?”อัลดิช กล่าวถาม
หุ่นกระบอกไม่ได้สนใจ อัลดิช ราวกับว่ามันเป็น NPC ที่สามารถตอบคำถามบางคำถามที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้ล่วงหน้าบางอย่างเท่านั้น
“ในเน็กซัสท่านจะพบกับหลุมหลบภัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับนักรบเช่นท่านที่สามารถเอาไว้ใช้พักผ่อนได้ อีกทั้งใน เน็กซัส ยังเชื่อมต่อทุกส่วนของ Eldenia โดยมีการตั้งค่าเอาไว้ ดังนั้น ท่านสามารถรับความช่วยเหลือทุกอย่างผ่านเน็กซัสได้”หุ่นกระบอกได้กล่าวออกมา
อัลดิช ตระหนักได้ว่าหุ่นกระบอกที่ถูกเรียกว่าระบบนี้กำลังพูดบทสนทนาเดียวกันกับเทพธิดาอามีร่าที่หายตัวไป โดยพื้นฐานมันควรจะเป็นเทพธิดาอามีร่าที่เป็นคนพูดแต่นี่แค่เปลี่ยนตัวแทน
อัลดิช สงสัยว่านี่คือหุ่นตัวแทนของเทพธิดาอามีร่าหรือไม่ เพราะบางที เทพธิดาอามีร่า คือตัวตนที่เสร็จสิ้นของผู้พัฒนาเกม ซึ่งก็หมายความว่าบางทีเขาอาจกำลังเล่น ‘เกม’ เวอร์ชั่นก่อนหน้านี้อยู่ก็เป็นได้
“ข้ามบทสนทนา”อัลดิช กล่าวคีย์ลัดในทันที
ระบบได้หยุดชะงักก่อนที่จะดำเนินการต่อ มันได้จับกล่องพิกเซลสีดำที่ทำหน้าที่เป็น ‘มือ’ ของมันไว้ด้วยกัน และ ระหว่างกล่องทั้ง 2 นั้น ก็มีลูกแก้วสีทองที่ส่องแสงปรากฏขึ้น จากนั้นแสงก็ดับลงและกลายเป็น ขวดคริสตัลใสที่สง่างามปรากฏขึ้นในมือของอัลดิช
[ไอเทม : น้ำยาฟื้นฟู]
“นี่คือ น้ำยาฟื้นฟู”ระบบกล่าว“คุณสามารถใช้น้ำยาฟื้นฟูเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บที่ร้ายแรงที่สุดหรือฟื้นฟูสภาพจิตใจที่อ่อนล้าของคุณได้”
อัลดิช ได้ยกมือขึ้นมาและจ้องไปที่ขวดในมือของเขา เมื่อความสนใจของเขามาถึง รายละเอียดเกี่ยวกับไอเทมก็ปรากฏขึ้นบนวิสัยทัศน์ของเขา
>>
น้ำยาฟื้นฟู เลเวล 1
ระดับ : ศักดิ์สิทธิ์
คำอธิบาย : น้ำแห่งชีวิตนี้สามารถฟื้นฟู 30% ของพลังชีวิตสูงสุดหรือมานาทั้งหมดของคุณ หรือ 10 หน่วย พลังชีวิต/มานา ขึ้นอยู่กับว่าค่าใดสัมพันธ์มากกว่ากัน โดยคุณสามารถนำขวดเปล่ามาชาร์จหรือเติมได้ที่เน็กซัสแห่งนี้ อีกทั้งยังสามารถอัพเกรดได้เมื่อทำภารกิจทดลองเสร็จหรือใช้จ่ายเพิ่มเติมบางอย่าง
เอกลักษณ์—
-ไม่สามารถดรอบได้
-ไม่สามารถขายได้
ชาร์จที่เก็บได้ : 3
ชาร์จพลังชีวิต : 3
ชาร์จมานา : 0
>>
อัลดิช ตั้งข้อสังเกตุว่าขวดมีเครื่องหมาย 3 ขีดด้านบนขวดซึ่งระบุจำนวนครั้งที่มีอยู่ เขาได้เทของเหลวสีทองลงในอ่างจนถึงขีดสุดท้ายและเหลือไว้เพียง 1 ขีด
จากนั้นเขาก็เติมน้ำสีฟ้าเข้าไปในขวด
เท่านี้เขาก็เปลี่ยนจากการฟื้นฟูพลังชีวิต 3 ครั้ง เป็นชาร์จฟื้นฟูพลังชีวิต 1 ครั้ง และ มานา 2 ครั้ง
“คุณประสบความสำเร็จ”ระบบได้กล่าวขณะที่ลอยอยู่ด้านข้างของอัลดิช “ด้วยน้ำยาฟื้นฟูนี้คุณจะสามารถเดินทางในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายได้ บัดนี้ ฉันจะขออธิบายเกี่ยวกับหลักสำคัญของการสรรค์สร้างทั้ง 12 ประการนี้ให้แก่คุณและบททดสอบที่อยู่เบื้องหลังของพวกมัน”
อัลดิช ได้ฟังบทสนทนาในกรณีนี้มีบางอย่างที่เปลี่ยนไปและระบบก็พูดอะไรที่แตกต่างจากเทพธิดาอามีร่าแต่มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนมากนักโดยระบบได้อธิบายว่าเสาแต่ละต้นนั้นได้อนุญาติให้เข้าถึงภารกิจทดลองที่สามารถปลดล็อกความสามารถเพิ่มเติมของคลาสตัวเองได้อย่างไร
เสาแต่ละต้นมีระดับเลเวลแนะนำเริ่มต้นทุก ๆ 10 เลเวล ดังนั้น ในเสาที่ 10 จะต้องมีเลเวล 100 ถึงจะสามารถเข้าไปได้ ส่วน 2 เสาหลักสุดท้ายจะเป็นภารกิจท้าทายในระดับสูงถ้าหากสามารถเคลียร์ได้จะได้รับรางวัลที่น่าเหลือเชื่อ
อัลดิช รู้ดีว่าภารกิจทดสอบแต่ละอันมีไว้สำหรับเขาอย่างไรเพราะเขาเคยทำภารกิจทั้งหมดสำเร็จมาก่อน โดยเขาสามารถเริ่มต้นจากการค้นหาสัตว์ประหลาดอันเดดที่แข็งแกร่งเพื่อชุบเลี้ยง สวมใส่อุปกรณ์ เก็บเหรียญ และ เรียนรู้สกิลที่มีประโยชน์
เสาแรกจำเป็นจะต้องมีเลเวล 10 เพื่อเข้าถึง ดังนั้น อัลดิช จะต้องบดขยี้พวก วาแลน บางตัวเพื่อให้ไปถึงเลเวลนั้นก่อน
หลังจากที่ระบบพูดเกี่ยวกับการทดสอบเสร็จ มันก็เริ่มพูดบทสนทนาพิเศษที่เทพธิดาอามีร่าไม่เคยกล่าวมาก่อน
“นี่ เจ้าหนู เจ้าสามารถมาหาข้าเพื่อประดิษฐ์อุปกรณ์หรือซ่อมอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ!”ระบบได้กล่าว
อัลดิช ตระหนักได้ดีว่าระบบได้เปลี่ยนไปใช้น้ำเสียงและกิริยาท่าทางของ ซินดรา เทพช่างตีเหล็กที่ทำงานในเน็กซัส ซึ่งผู้เล่นสามารถไปหาเขาเพื่อประดิษฐ์สิ่งของได้ โดย เขาได้แนะนำระบบจิตวิญญาณเกี่ยวกับ สัตว์ประหลาดหรือศัตรูที่ดรอบจิตวิญญาณที่จำเป็นในการใช้หลอมอาวุธหรือปลดล็อคอุปกรณ์ที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด
การดรอปแบบปกติ เช่น กรงเล็บหรือฟันของสัตว์ประหลาด หรือสิ่งที่ไม่จำเป็นจะต้องรวบรวมในปริมาณมากเพื่อสร้างสิ่งใดจากพวกมัน แต่ จิตวิญญาณเพียงดวงดาวสามารถสร้างอุปกรณ์หรืออาวุธทั้งชิ้นได้
โดยทั่วไป ดูเหมือนว่าระบบจะรับหน้าที่เป็น NPC ทั้งหมดที่อยู่ใน เน็กซัส
อัลดิช ได้ฟังอย่างระมัดระวังเพื่อสังเกตุว่าระบบมีบทสนทนาที่ยังไม่ได้แจ้งเตือนอะไรเขาอีกหรือไม่ แต่แล้วมันก็ไม่มี
สิ่งเดียวที่ อัลดิช ไม่เคยได้ยินก็คือ บทพูดของ ซินดรา และหลังจากนั้นมันก็นิ่งเงียบไป เทพธิดาอามีร่า และ เทพช่างตีเหล็กซินดรา ทั้งสองล้วนเป็น NPC ในเน็กซัส
อัลดิช ได้เดินลงบันไดทันที ที่ฐานบันไดมีป้ายอีกอันนึงที่เขาสามารถเข้าถึงเพื่อไปถึงป้ายที่เขาวางไว้ได้ โดย เขาได้คุกเข่าลงและกวักมือเรียกอดัมและเอเลเน่ให้เข้ามาใกล้ก่อนที่จะแตะป้าย
ขณะที่แสงส่องสว่างเกิดจ้า มันก็ได้กลืนกิน อัลดิช และ กลุ่มของเขา จากนั้นเขาก็ได้ยินบทสนทนาที่ไม่ได้รับคำสั่งจากระบบ
“ขอให้การล่าเป็นวันที่ดีสำหรับคุณ…”
—-
อัลดิช ได้กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง เหนือป้ายที่เขาวางไว้ในป่า ที่อยู่ใกล้กับศพวาแลน เขาสงสัยว่าบรรทัดสุดท้ายจากระบบหมายถึงอะไร แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้สำคัญอะไรในตอนนี้
>>
[ภารกิจ : เข้าถึงเน็กซัส] เสร็จสิ้น!
+10 EXP,+100 เหรียญ
EXP : 10/30 > 20/30
เหรียญ : 0 > 100
>>
ศพของสไตร์เกอร์ทั้งสองยังคงอยู่ข้าง ๆ เขา และ เมื่อเขามองลงไปดูที่นาฬิกาข้อมือของเขา (นาฬิกานี้ไม่ได้มีความสามารถในการเชื่อมต่อกับเน็ต ดังนั้นจึงไม่ได้ถูกพรากไปเหมือนกับ Eye-phone ของเขา) เขาสังเกตุว่าเวลามันได้ผ่านไปประมาณ 5 นาที
อย่างไรก็ตาม ในเน็กซัส อัลดิช คิดว่าเขาได้ใช้เวลาไปอย่างน้อย 10 นาทีหรือมากกว่านั้น นี่แสดงให้เห็นว่าเวลาในเน็กซัสได้เดินเร็วกว่าโลกแห่งความเป็นจริงถึงครึ่งนึง
อัลดิช ได้ตรวจสอบมานาของเขา
>>
มานา : 15/15
>>
เยี่ยม อัลดิช พูดออกมา การไปที่เน็กซัสเป็นการช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตและมานาของเขาให้เต็มเหมือนเดิม แม้แต่ ไหล่ที่คดเคี้ยวของเขาก็หายเป็นปกติอย่างสมบูรณ์ แต่ที่น่าสังเวชก็คือรูขนาดเท่ากำปั้นที่หน้าท้องของเขาไม่ได้หายไป
เขาคิดว่าเนื่องจากอาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะเสียชีวิต สิ่งนี้จึงนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายของเขาในตอนนี้
แต่เขาไม่ได้สนใจมัน เพราะมันเป็นสิ่งย้ำเตือนเขาว่าเขายังต้องชำระหนี้แค้นกับ เซ็ท โซลาร์ สำหรับสิ่งที่เขาทำ
อัลดิช มองไปที่ ซากศพของ สไตร์เกอร์ และ โบกมือ ขณะที่เขาร่าย [ปลุกอันเดด]
[จงตื่น] เขาพูดทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าทำไม คำพูดเหล่านั้นถึงหลุดออกมาจากปากของเขา
มือของอัลดิชได้กลายเป็นสีเขียวขณะที่พลังงานสีเขียวได้พุ่งผ่านไปยังพื้นที่โดยรอบของศพสไตร์เกอร์ทั้ง 2 จากนั้นศพก็เริ่มสั่นสะท้านและเคลื่อนไหว เนื้อของพวกมันได้กลายเป็นเน่าเปื่อยเล็กน้อย ขนที่เป็นกระจุกของพวกมันได้หลุดออกมาและกลายเป็นซอมบี้ พวกมันได้ยืนขึ้นด้วยขาทั้ง 4 และ เดินเข้ามาหา อัลดิช
โดยออร่าสีเขียวเข้มที่เหม็นเน่าได้ลอยออกมาจากร่างของพวกมัน - นี่เป็นออร่าแบบเดียวกันกับที่เล็ดออกมาจากร่างของอดัมและเอเลเน่
>>
มานา : 15/15 > 5/15
>
อัลดิช ได้ตรวจสอบแถบทันที
<>
เลือกอันเดด (0/1)
-ไม่มี
อันเดด :
-ซอมบี้มนุษย์เลเวล 3
-ซอมบี้มนุษย์เลเวล 3
-ซอมบี้สไตร์เกอร์ เลเวล 5
-ซอมบี้สไตร์เกอร์ เลเวล 5
>>
อัลดิช พยักหน้าให้กับตัวเองก่อนที่จะดื่ม น้ำยาฟื้นฟู เพื่อฟื้นฟูมานาของเขา
>>
ชาร์จที่เก็บได้ : 2/3
ชาร์จฟื้นฟูพลังชีวิต : 1/1
ชาร์จฟื้นฟูมานา : 1/2
—
มานา : 5/15 > 15/15
>>
ตอนนี้เขามีกองทัพขนาดใหญ่ที่สามารถทำงานภายใต้คำสั่งของเขาได้ และ ด้วย ทุก ๆ 10 เลเวล จำนวนพื้นฐานที่เขาจะสามารถควบคุมได้จะเพิ่มขึ้น 5 หน่วย และ จำนวนสกิลที่เขาสามารถรับได้จะเพิ่มขึ้น 3 และ ด้วยการเพิ่มค่าสถานะความสอดคล้องจะสามารถเพิ่มจำนวนหรือสกิลได้มากขึ้น
นี่คือกลไกการปลุกอันเดด -
เนโครแมนเซอร์ผู้ปลุกชีพความตายนั้น แตกต่างจาก เนโครแมนเซอร์ อื่น ๆ ตรงที่พวกเขาสามารถผูกอันเดดที่ทรงพลังเข้ากับจิตวิญญาณของพวกเขาได้ แม้ว่าอันเดดธรรมดาจะไม่ได้ถูกนับ แต่ อันเดดที่ถูกเลือก ก็สามารถกลายเป็นเพื่อนของผู้ใช้และเติบโตไปพร้อมกับผู้ใช้ในฐานะทาสที่ซื่อสัตย์ของเนโครแมนเซอร์ได้ กระทั่งอุปกรณ์พวกเขาก็สามารถติดตั้งได้เช่นเดียวกัน
เนโครแมนเซอร์ผู้ปลุกชีพความตาย เลเวล 100 สามารถเลือกอันเดดรับใช้ได้มากถึง 3 ตัว แม้ว่าจะมีอันเดดที่ถูกเลือกมากเท่าไหร่ แต่ขีดจำกัดเลเวลสูงสุดของพวกมันก็จะยิ่งต่ำลงเท่านั้น โดย อันเดดอันดับที่ 3 ที่ถูกเลือก เลเวลสูงสุดของพวกเขาคือ 60
ที่ 1 คือ เลเวล 100
อัลดิช ชอบทำงานกับ อัลดิชที่ถูกเลือกที่แข็งแกร่งซึ่งมันจะช่วยปกปิดจุดอ่อนของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ดังนั้น อันเดดที่ถูกเลือกจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก โดย อัลดิช สามารถพูดได้เลยว่า อันเดดเหล่านี้ไม่ได้มีความแข็งแกร่งที่แตกต่างไปจากนักรบหรือนักเวทย์ที่มีพลังในระดับเดียวกัน
และเพื่อให้ได้มาซึ่ง 1 ตัว อัลดิช จำเป็นจะต้องไปถึง เลเวล 5 เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะได้รับไอเทมเพื่อเข้าถึงอันเดดที่ถูกเลือกมากมาย
โดยสรุป อัลดิช มี 2 เป้าหมาย
เป้าหมายแรกคือไปถึงเลเวล 5 สำหรับการเลือกอันเดดของเขา
จากนั้นไปถึงเลเวล 10 สำหรับการทำภารกิจทดลองในครั้งแรก
หลังจากไปถึง เลเวล 10 และ เคลียร์ภารกิจทดลองครั้งแรกเสร็จ เขาก็มีความมั่นใจว่าเขาแข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะ แก๊งของ เซ็ท โซลาร์ ได้ทุกคน ปัญหาเดียวก็คือ เซ็ท โซลาร์ เองก็มีชุดพลังงานที่น่าเหลือเชื่อ ที่ไม่ใช่สิ่งที่ซอมบี้ธรรมดาจะสามารถเอาชนะได้
อัลดิช เองก็กำลังมองหาวิธีที่จะฆ่า เซ็ท โซลาร์ ด้วยเช่นเดียวกัน แต่เขาก็ยังไม่ได้ครุ่นคิดอะไรมากนักในตอนนี้
—
โดย อัลดิช ได้ท่องไปในป่าวาแลนโดยสำรวจพื้นที่ภายในป่าเพื่อตามล่า วาแลน เขาพบว่าตัวเองได้ทิ้งห่างถนนเส้นเดียวที่นำไปสู่แบล็ควอเตอร์ประมาณ เกือบ 2 กิโลเมตร
ถนนเส้นนั้นของแบล็ควอเตอร์ รายเรียงไปด้วย ตัวส่งสัญญาณรบกวนวาแลน ที่สามารถสร้างความถี่เพื่อป้องกันไม่ให้วาแลนเข้ามาได้
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความถี่เหล่านี้ถูกเข้ารหัสเฉพาะสายพันธุ์วาแลนบางตัวเท่านั้น จึงมีโอกาสที่ วาแลนที่วิวัฒนาการหรือสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่รู้จักบางชนิดสามารถเข้ามาได้ แต่แล้ว แบล็ควอเตอร์ ก็มีกำแพงกั้นและป้อมปืนอัตโนมัติอยู่
แม้ว่า อัลดิช จะไม่รู้ว่า ป้อมปืนอัตโนมัติจะยิงเขาหรือไม่ แต่เขาก็ไม่ต้องการใช้โอกาสนี้ กลับไปที่ แบล็ควอเตอร์จนกว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้น
ประมาณ 20 นาทีของการสอดแนมของเขา เขาได้พบกับตัวแปรอื่น มันเป็นกอขนาดใหญ่ของตะไคร่น้ำที่เคลื่อนไหว โดยในนี้มีเถาวัลย์หนาเหมือนกับลวดหนาม เปลือกไม้ที่แข็งแกร่ง และ ลูกตาสีเหลืองโป่ง โดยมันได้เคลื่อนตัวไปมาตามพื้นป่า และ ทิ้งร่องรอยที่เหนียวเหนอะหนะไว้ข้างหลัง
นี่คือสัตว์ประหลาดที่โด่งดังในการใช้หนวดฟาดฟันอย่างรุนแรง อีกทั้งยังมีความสามารถในการซ่อนตัวที่ดีเยี่ยมภายในป่า อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับมันก็คือมันสามารถปล่อยพิษอัมพาตออกมาจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้
หากสามารถหลบเลี่ยงพิษอัมพาตได้ก็สามารถจัดการสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้ไม่ยากเพราะมันเคลื่อนที่ช้าและไม่มีหลักแหล่ง
อัลดิช ยิ้มขณะที่เขาสอดแนม มอสบีสต์ จากด้านหลังของต้นไม้ โดยเขาได้สั่ง อันเดดทั้ง 4 ของเขาให้แยกออกจากกันและไปปิดกั้น มอสบีสต์ตัวนี้
เนื่องจากอันเดดมีภูมิคุ้มกันต่อพิษ ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องง่าย
เขาได้เปิดใช้ [กลิ่นอายแห่งความตาย] และ ก้าวออกมาจากที่กำบังพร้อมกับยิง [กระสุนสายฟ้า]
>>
มานา : 15/15 > 11/15
>>
ประกายสายฟ้าคู่ได้พุ่งเข้าใส่ดวงตาขนาดใหญ่ทั้ง 2 ของ มอสบีสต์ จนทำให้น้ำบางอย่างไหลออกมา สิ่งนี้ทำให้ มอสบีสต์ เริ่มกลายเป็นบ้าคลั่งและเลื้อยไปทาง อัลดิช อย่างช้า ๆ
อัลดิช ได้สั่งให้ อันเดด ของเขาโจมตี โดยปล่อยให้ สไตร์เกอร์ พุ่งเข้าไปโจมตีก่อน โดยมี อดัม และ เอเลเน่ คอยช่วยเหลืออยู่ห่าง ๆ เพราะ เขาไม่ต้องการให้ทั้งสองได้รับบาดเจ็บมากเกินไป
สไตร์เกอร์ได้พุ่งโจมตีเข้าจากทางด้านหลัง โดยใช้เขี้ยวที่แหลมคมของมันกระแทกเข้าใส่ร่างของมอสบีสต์ สิ่งนี้ทำให้ ร่างของมอสบีสต์สั่นสะเทือนจนปล่อยของเหลวสีเขียวออกมาจากร่างกาย
มอสบีสต์ตัวนี้กำลังปล่อยพิษอมพาตออกมา จากนั้นก๊าซสีเหลืองก็พุ่งเต็มไปทั่วพื้นที่แห่งนี้
อัลดิช ได้ลุยเข้าไปในก๊าซพิษนี้โดยที่ไม่มีปัญหา เขาได้สูดลมหายใจเข้าลึกและทำสีหน้าบางอย่างออกมา เพราะกลิ่นนี้คล้ายกับไข่เน่าหรืออาจจะแย่กว่านั้นด้วยซ้ำ
[ภูมิคุ้มกันพิษได้ถูกกระตุ้น]
มอสบีสต์ได้บ่นขณะที่มันส่งหนวดที่เต็มไปด้วยหนามไปทาง อัลดิช และ สไตร์เกอร์ เพื่อโจมตีพวกเขาให้ก้าวถอยหลังไป
แต่อัลดิชนั้นเร็วกว่าพวกสไตร์เกอร์ เขาไม่มีปัญหาในการวิ่งเต้นไปรอบ ๆ มอสบีสต์และสั่งการให้สไตร์เกอร์โจมตีอีกครั้ง
สไตร์เกอร์ ได้กระแทกเข้าใส่ร่างของ มอสบีสต์อีกครั้ง และ คราวนี้ การพุ่งชาร์จ 2 ครั้ง ก็ทำให้มันเป็นอันตรายถึงชีวิต ดวงตาของ มอสบีสต์ได้ปรากฏความสูญเสียแสงสีเหลืองในขณะที่มันทรุดตัวลงและเริ่มแตกสลาย ในเวลานี้ เถาวัลย์ ใบไม้ และ กิ่งก้านของมันได้แยกออกจากกันและกระจัดกระจายไปทั่วพื้นดิน กระทั่งของเหลวสีเขียวบางอย่างก็ซึมออกมาจากร่างกายของมัน
>>
กำจัดมอสบีสต์!
EXP : +15
แถบ EXP : 20/30 > 35/30
เลเวลอัพ!
เลเวล : 2 > 3
แถบ EXP : 5/60
ได้รับแต้มกระจายค่าสถานะ + 5
>>
“อืม” อัลดิช ได้ตั้งข้อสังเกตุด้วยความสนใจไม่เพียงแต่หลุมศพที่ลอยอยู่เหนือศพของ มอสบีสต์ แต่ยังมีลูกปัดสีขาวขนาดเล็กที่ส่องกะพริบอยู่ด้วย นั่นคือจิตวิญญาณ
ตอนนี้ เขารู้สึกถึงภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หากสิ่งต่าง ๆ ทำงานเหมือนกับใน Elden World ถ้าเขาเอาจิตวิญญาณออกไป ศพของมอสบีสต์ก็จะพังทลายกลายเป็นฝุ่น และ มันจะทำให้เขาใช้ปลุกอันเดดไม่ได้
หรือก็คือ เนโครแมนเซอร์สามารถชุบร่างศพที่ไร้วิญญาณได้ แต่ถ้าเขาเอาจิตวิญญาณไป ร่างศพก็จะหายไปจนไม่หลงเหลือร่างที่จะให้เขาชุบได้
อัลดิช ตัดสินใจที่จะรับ จิตวิญญาณ แทนที่จะเลี้ยง อันเดด
มอสบีสต์นั้นเชื่องช้าเกินไปและใหญ่เกินไปกว่าที่จะใช้ เขาได้เอื้อมมือไปคว้าลูกแก้วสีขาว และ มันก็ได้จางหายไปในฝ่ามือของเขา
มันจะดีกว่าถ้าเขาสามารถสร้างอาวุธราคาถูกออกมาเพื่อที่เขาจะได้ใช้ประโยชน์จากพิษอมพาตของมอสบีสต์ได้ดียิ่งขึ้น
>>
ได้รับ 1 x จิตวิญญาณมอสบีสต์
>>